“ห้าสิบสาม!”
…
ผู้ชมทั้งหลายตอนนี้เมื่อเห็นว่าเย่หยวนหยิบไม้ชิ้นใหม่ขึ้นมาผสาน พวกเขาก็ร้องนับออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน
ไม่นานนักเย่หยวนก็ผ่านสถิติห้าสิบเอ็ดชนิดของมู่หยวนชุนไป
แต่มันยังไม่จบ!
“เก้าสิบแปด!”
“เก้าสิบเก้า!”
“หนึ่งร้อย!”
“สุดยอด! ไอ้หมอนี่มันปลอมเป็นหมูมากินเสือชัดๆ เลยใช่ไหม?”
“หน้าข้าชาไปหมดแล้ว!”
“ไอ้หมอนี่มันจงใจแน่ๆ!”
“เจ้าดูมันสิ ยังดูทำหน้าไม่พอใจอีก นี่มัน…จะน่าเจ็บใจเกินไปแล้ว!”
…
ตอนที่เย่หยวนผสานไม้ชนิดสุดท้ายเข้าไป ทั้งสนามทดสอบก็แตกตื่นฮือฮากันยกใหญ่
ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่หยวนจะสามารถผสานไม้ได้ครบร้อยชนิดจริงๆ!
เพราะคนที่ทำได้ถึงขนาดนี้ในการทดสอบนักบวชฝึกหัดที่ผ่านๆ มานั้นมันมีน้อยอย่างมาก
คนที่ทำเช่นนี้ได้จะถูกนับว่าเป็นยอดอัจฉริยะที่แสนปีจะปรากฏขึ้นมาสักคน!
หากเย่หยวนจะบอกว่าเขาไม่ได้แกล้งทำ ถึงให้ตายอย่างไรพวกเขาทั้งหลายเหล่านี้ก็ไม่มีทางเชื่อได้
แต่ดูท่าเย่หยวนจะยังไม่พอใจ ยิ่งผสานเข้าไปมากเย่หยวนก็ยิ่งรู้สึกคุ้นมือจนในที่สุดก็หยุดตัวเองไม่ได้แล้ว
ไม้แค่ร้อยชนิดนี้มันไม่ใช่ขีดจำกัดของเขา
กงหลินมองดูเย่หยวนอย่างเหนื่อยหน่าย “ปลอมเป็นหมูกินเสืออร่อยไหมล่ะ?”
มู่หยวนชุนพูดเสริม “ฝีมือไม่ธรรมดาแท้ๆ แต่ยังแกล้งทำเป็นคนไม่รู้เหนือใต้ หลอกตบตาผู้คน! ดูอย่างไรก็มีประสงค์ร้ายแอบแฝงชัดๆ!”
เมื่อพวกเขาทั้งสองพูดขึ้นมา คนอื่นๆ เองก็โห่ร้องขึ้นตาม ดูแล้วคงไม่มีใครพอใจกับเรื่องที่เย่หยวนทำนัก
เย่หยวนหันไปบอกอย่างเสียมิได้ “ไม่ว่าพวกเจ้าจะเชื่อหรือไม่ นี่ก็เป็นครั้งแรกที่ข้าได้ลองใช้ศาสตร์หลอมอสูรจริงๆ!”
กงหลินหัวเราะเย้ย “ครั้งแรก? นี่เจ้าคิดว่าพวกเราโง่แค่ไหนกัน? ผสานไม้ได้ถึงร้อยชนิด ในประวัติศาสตร์ของเมืองจักรพรรดิต้นทรราชเรานั้นมันมีบันทึกไว้แค่สองคนเท่านั้น แล้วเจ้ายังจะบอกว่าตัวเองเพิ่งเคยลองใช้ศาสตร์หลอมอสูรเป็นครั้งแรกอีกเรอะ?”
มู่หยวนชุนก็พูดเสริมพร้อมหันไปหาผู้อาวุโสทั้งสาม “ผู้อาวุโสทั้งสาม เจ้าคนผู้นี้มันมีฝีมือที่ไม่ธรรมดาแต่กลับแกล้งทำเหมือนไม่รู้เรื่องใดๆ ในสายตาของข้าดูอย่างไรมันก็มาเพื่อที่จะลบหลู่วิหารนักบวชเป็นแน่!”
เมื่อเย่หยวนได้ยินเขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “นี่ เจ้าคงโง่สินะ? ข้า นักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าสี่ดาวเดินทางไกลมาถึงเมืองจักรพรรดิต้นทรราชเพื่อหาที่ตาย? หากเจ้าโง่แล้วเจ้าก็อย่าคิดว่าคนอื่นๆ จะโง่เช่นเจ้าสิ นะ?”
มู่หยวนชุนหน้าเสียไปพร้อมตอบสวนกลับมา “ใครจะไปรู้ว่าเจ้าวางแผนอะไรไว้ ไม่ว่าจะอย่างไรเจ้าก็ไม่มีทางหวังดีแน่ๆ”
เป็นตอนนี้เองที่ฉีหยูพูดขึ้น “เอาล่ะไหนๆ พวกเจ้าก็เข้ามาสอบนักบวชฝึกหัดด้วยกันแล้ว ตอนนี้ก็ทำตามกฎการสอบไป ถือว่าเย่หยวนผ่านการสอบรอบที่สองมาได้ ไปเริ่มรอบที่สามต่อได้”
รอบที่สามนั้นคือการหลอมโอสถอสูรศักดิ์สิทธิ์อย่างแท้จริง
เมื่อฉีหยูบอกถึงขั้นนี้แล้วต่อให้พวกกงหลินจะยังไม่พอใจแค่ไหนพวกเขาก็ไม่กล้าจะขัดคำสั่งแม้แต่น้อย
กงหลินนั้นมีใบหน้าที่ไม่สบอารมณ์อย่างมาก “รอบที่สาม หลอมโอสถ โอสถอสูรศักดิ์สิทธิ์ที่จะใช้สอบครานี้คือโอสถเมฆานิลฝนมายา ได้คุณภาพขั้นกลางถือว่าผ่าน!”
พูดจบเหล่าผู้เข้าสอบคนอื่นๆ ก็เริ่มเตรียมทำการหลอมโอสถทันที แต่เย่หยวนกลับยกมือขึ้นมาคารวะฉีหยู “ท่านผู้อาวุโส คือว่า…ข้าขอดูสูตรโอสถนี้หน่อยจะได้หรือไม่?”
เพราะสูตรโอสถอสูรศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นอะไรที่เย่หยวนเคยได้ยินแค่ชื่อ แต่ไม่เคยจะได้เรียนรู้พวกมันมาก่อนเลย
โอสถอสูรศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นโอสถที่มีระบบการหลอมแยกต่างหาก ตอนอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นเขาไม่สามารถจะหลอมมันได้เลย เย่หยวนจึงไม่คิดที่จะออกไปตามหาสูตรใดๆ
เมื่อกงหลินได้ยินเขาก็ยิ้มออกมาอย่างเย็นเยือก “โอสถที่วิหารนักบวชเราใช้สอบนั้นล้วนแล้วแต่เป็นโอสถที่เปิดเผยสูตรต่อสาธารณะ เจ้าใช้ศาสตร์หลอมอสูรได้ถึงขั้นนั้นมีหรือที่เจ้าจะไม่รู้สูตรโอสถเมฆานิลฝนมายา?”
คำพูดที่เย่หยวนกล่าวออกมาตอนนี้มันไม่มีใครคิดที่จะเชื่อ
ดูอย่างไรก็เก่งกาจ ทั้งอย่างนั้นยังอ้างว่าตัวเองไม่รู้อะไร มันสนุกมากหรือ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...