เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ว่าอะไรก็ว่าไปเถอะ เดี๋ยวเจ้าก็จะได้รู้เองว่าข้าโม้หรือไม่ เฮ้อ แต่ข้าต้องขอขอบคุณเจ้าเลย การหลอมโอสถของเจ้าที่ผ่านมานี้มันช่วยให้ข้าได้เห็นตัวอย่างอย่างดีเลย”
มู่หยวนชุนนั้นมีความสามารถสูงส่งที่สุดในกลุ่ม
การหลอมโอสถของเขาจึงเป็นเครื่องมือเรียนรู้ได้อย่างดี
เย่หยวนศึกษาสูตรของโอสถและพยายามเทียบมันกับการหลอมของผู้เข้าสอบคนอื่นๆ เรื่องนี้มันช่วยให้เขาได้ประโยชน์และตัวอย่างมากมาย
เมื่อมู่หยวนชุนได้ยินเช่นนั้นใบหน้าของเขาก็มืดทึบขึ้นมาทันที “ไม่ต้องมาตอแหลอีกแล้ว! เจ้าคงไม่คิดจะบอกว่านี่เป็นการหลอมโอสถอสูรศักดิ์สิทธิ์ครั้งแรกของเจ้าหรอกใช่ไหม?”
เย่หยวนพยักหน้ารับ “เจ้านี่ฉลาด รู้สิ่งที่ข้าอยากบอกด้วย”
มู่หยวนชุนยิ้มเย้ย “เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่อ?”
เย่หยวนยกมือขึ้นมาโบกปัด “เจ้าจะเชื่อหรือไม่ย่อมอยู่ที่ตัวเจ้าเอง มันเกี่ยวอะไรกับข้ากันเล่า? ข้าจะเริ่มหลอมโอสถแล้ว”
เมื่อเขาเริ่มหลอม ตัวเย่หยวนก็เข้าสู่สภาวะตัดขาดจากโลกภายนอกทันที
การเตรียมการทั้งหลายนั้นเย่หยวนทำเสร็จไปได้อย่างราบรื่นด้วยท่าทางราวปรมาจารย์
ตอนนี้แม้แต่สายตาของผู้อาวุโสทั้งสามก็จ้องมองมาอย่างตกตะลึง
เมื่อผู้เชี่ยวชาญลงมือ มันจะชัดเจนขึ้นมาทันทีว่าอันไหนจริงอันไหนปลอม
การลงมือนี้ของเย่หยวน แม้แต่พวกเขา นักบวชห้าดาวก็ยังต้องจ้องมองอย่างชื่นชม
เมื่อมู่หยวนชุนเห็นภาพนี้เขาก็แสดงสีหน้าเหยเกออกมา
ตอนนี้เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมรับแล้วว่าความสามารถของเย่หยวนนั้นเป็นของจริง!
การใช้เวลาฝึกฝนบ่มเพาะฝีมือ เรื่องเช่นนั้นมันเป็นได้แค่คำผายลมต่อหน้าเย่หยวน
“ยังจะมีหน้ามาบอกว่าครั้งแรกอีก! ดูอย่างไรก็เป็นผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์ชัดๆ คิดว่าพวกเราเป็นเด็กสามขวบเรอะ?” มู่หยวนชุนบ่น
“มันเป็นครั้งแรกที่เขาหลอมโอสถอสูรศักดิ์สิทธิ์จริงๆ!”
กงหลินนั้นมายืนอยู่ข้างมู่หยวนชุนตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบได้ ตอนนี้เขาเองก็มองดูเย่หยวนอยู่และตอบคำของมู่หยวนชุนไปด้วย
มู่หยวนชุนหน้าเปลี่ยนสีทันที “ศิษย์พี่กง เรื่องนี้…มันจะเป็นไปได้อย่างไร?”
กงหลินบอก “เรื่องนี้ท่านอาจารย์พูดเอง มันไม่มีทางผิดไปได้แน่! เขาคงเป็นยอดนักหลอมโอสถของฝั่งมนุษย์ แต่ก็มีสายเลือดอสูรเราด้วยจึงสามารถเริ่มได้รวดเร็วขนาดนี้ แค่พรสวรรค์ของเขานั้นมัน…น่าเกรงกลัวจนเกินไป!”
มู่หยวนชุนทำหน้าตาแตกตื่นออกมา พร้อมหันไปมองเย่หยวนอีกครั้งด้วยความตื่นตกใจ
ตอนนี้ที่เย่หยวนกำลังหลอมโอสถอยู่ ท่าทางของเขาแต่ละอย่างนั้นมันคล้ายกับคนก่อนๆ หน้านี้ไม่เบา
แต่หลังจากได้เริ่มแล้วเย่หยวนถึงได้รู้ว่าการหลอมทั้งสองระบบนี้มันแตกต่างกันแค่ไหน มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะก้าวผ่านไปได้
ต่อให้ศาสตร์หลอมอสูรของเขาจะพัฒนาไปได้เร็วแค่ไหน การเอามันมาใช้กับการหลอมโอสถจริงๆ นั้นก็ยังนับว่าเป็นเรื่องที่ยากเย็นอยู่ดี
มันช่วยไม่ได้ที่เขาจะรู้สึกไม่คุ้นชิน
การหลอมโอสถศักดิ์สิทธิ์ มันต้องใช้พลังจิตที่มหาศาล
แต่การหลอมโอสถอสูรศักดิ์สิทธิ์นั้นมันกินแรงทางกายภาพอย่างมาก
หากไม่ใช่เพราะเย่หยวนบรรลุกายทองคำไปจนถึงระดับสี่ชั้นกลางแล้วล่ะก็ ตอนนี้เขาคงต้องจบสิ้นลงแล้วแน่ๆ
เย่หยวนได้รู้ว่าการใช้ศาสตร์หลอมอสูรกับการหลอมโอสถจริงๆ มันเป็นทักษะที่ยากกว่าศาสตร์หลอมวิญญาณนับร้อยเท่า
แต่ละส่วนๆ นั้นกินแรงกายไปอย่างมากมาย
หากเทียบกับการหลอมโอสถจริงๆ แล้วนั้นการผสานไม้นั้นมันเป็นได้แค่ของเด็กเล่นไปเลย
แต่ว่าขณะที่เย่หยวนกำลังเดินเข้าสู่ความไม่รู้ใดๆ ในสายตาของผู้อื่นที่มองมามันกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย
ไม่ว่าจะเป็นกงหลินหรือมู่หยวนชุน พวกเขาต่างตกตะลึงไปกับการหลอมนี้ของเย่หยวน
“ศิษย์พี่ ข้ายังไม่อยากจะเชื่ออยู่ดีว่าเจ้าหมอนี่มันเพิ่งเคยได้หลอมโอสถอสูรศักดิ์สิทธิ์เป็นครั้งแรก!” มู่หยวนชุนกัดฟันแน่น
กงหลินยิ้มตอบออกมาอย่างขื่นขม “เจ้าคิดว่าข้าอยากเชื่อไหมล่ะ? แต่ดูทักษะการหลอมของมันสิ เห็นชัดๆ เลยว่ามันไม่คุ้นชินกับการหลอมแบบนี้ แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นมันก็ยังให้ความรู้สึกสบายตาเมื่อมอง ช่างเป็นความรู้สึกที่แสนขัดแย้งเสียจริงๆ”
มู่หยวนชุนรู้สึกว่าความมั่นใจที่ตัวเองสั่งสมมานานปีได้ถล่มพังลงมาในคราเดียว หากคนที่เพิ่งเคยหลอมโอสถอสูรศักดิ์สิทธิ์สามารถทำได้ถึงขั้นนี้แล้ว หลายปีที่เขาฝึกฝนตัวมามันจะไม่กล้าเป็นแค่เรื่องตลกไปหรือ?
แต่แน่นอนว่าเขาคงไม่รู้ว่ากว่าเย่หยวนจะเก่งกาจได้ขนาดนี้ นอกจากพรสวรรค์แล้วเขายังต้องใช้พรแสวงที่เหนือล้ำกว่าเขานับร้อยนับพันเท่า!
มู่หยวนชุนกล่าว “ศิษย์พี่กง ในสายตาของท่านแล้วท่านคิดว่ามันจะหลอมโอสถเมฆานิลฝนมายาออกมาได้คุณภาพใด?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...