“ไอ้เด็กคนนี้มันช่างน่าสงสาร ไปทำให้สามพี่น้องเจ่าไม่พอใจเช่นนั้น”
“ใช่ไหมล่ะ? สามพี่น้องเจ่ามันเป็นถึงศิษย์ชื่อดังของนิกายระดับนภาสวรรค์!”
“ไอ้เด็กคนนั้นมันแค่ราชันพระเจ้าห้าดาว เจ้าคิดว่ามันจะเลือกก้มหัวหรือยอมโดนหักขา?”
“มันย่อมต้องก้มหัวอยู่แล้ว! ต่อให้มันจะต้องลบหลู่นิกายเมฆาสายฟ้า แต่ตราบเท่าที่มันยังอยู่ใต้การดูแลของนิกายเงาจันทร์ ทำงานเก็บตัวไปเรื่อยๆ สักวันมันคงได้มีโอกาสเชิดหน้าชูตากลับมาอีกครั้ง”
…
เมื่อมีเรื่องให้ดู ก็ย่อมมีคนเข้ามามุง
และพวกเขาที่มามุงดูทั้งหลายนี้ต่างก็กำลังคาดเดากันไปว่าเย่หยวนจะเลือกอะไร
แน่นอนว่าคนส่วนมากย่อมคิดว่าเย่หยวนต้องก้มหัว
เพราะยังไงเสียในสายตาของพวกเขาแล้วเย่หยวนก็ไม่มีทางต่อสู้ใดๆ กับเจ่าซีที่มีพลังบ่มเพาะระดับยอดราชันพระเจ้าเจ็ดดาวได้
แต่คำพูดนี้ของเจ่าซีมันทำให้เย่หยวนไม่พอใจขึ้นมา
เขาและเจ่าซีไม่เคยรู้จัก ไม่เคยมีเรื่องใดๆ กันมาก่อน แต่เจ้าหมอนี่กลับคิดจะมาระบายความโกรธแค้นของตัวเองใส่คนที่ไม่ได้รู้เรื่องด้วยอย่างเขา
“หากข้าไม่เลือกล่ะ?” เย่หยวนบอก
“เจ่าซียิ้มรับ “เจ้าต้องเลือก! ไม่เช่นนั้นข้าจะเป็นคนบังคับให้เจ้าต้องเลือกอย่างที่สองเอง”
เย่หยวนบอก “เช่นนั้น… ข้าขอเลือกอย่างที่สาม”
เจ่าซีตอบกลับมาอย่างโกรธแค้น “ข้าไม่ได้ให้ทางเลือกที่สามแก่เจ้า! หากยังไม่เลือกอีก? ข้าจะช่วยเจ้าเลือกเอง!”
เย่หยวนยิ้ม “อย่างที่สามนั้นเป็นสิ่งที่ข้าเพิ่มขึ้นมาเอง ตอนนี้ทุกคนไปยังนิกายเงาจันทร์ด้วยกันและเข้าร่วมการสอบพร้อมๆ กัน แบบนั้นจะดีกว่าไหม?”
เจ่าซีทำหน้าจริงจังขึ้นมาทันที “เจ้าล้อข้าเล่นรึ?”
เย่หยวนบอก “ข้าอยากรักษาหน้าให้เจ้าต่างหาก ดูท่าเจ้าเองก็ยังมีชื่อเสียงอยู่บ้าง หากเจ้ามาถูกข้าจัดการลงง่ายๆ ต่อหน้าผู้คนเช่นนี้มันจะไม่เป็นการน่าอับอายหรือ?”
เมื่อเจ่าซีได้ยินเขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะลั่นออกมา “เจ้า? จัดการข้า? ฮ่าๆๆ นี่มันมุกที่ตลกที่สุดเท่าที่ข้าเคยได้ยินมาเลย! ไอ้เด็กเวร ข้าเปลี่ยนใจแล้ว ตอนนี้ข้าจะทั้งหักขาและแขนของเจ้าทิ้งเสีย! ไม่ให้เจ้ามีแรงแม้แต่จะคลานไปยังนิกายเงาจันทร์!”
เหล่าผู้คนที่มองดูอยู่ต่างมองดูเย่หยวนราวกับกำลังมองดูคนโง่เง่า ราชันพระเจ้าห้าดาวกลับไปท้าทายราชันพระเจ้าเจ็ดดาว มันจะยังเป็นอะไรได้อีกนอกจากมุกตลก?
เพราะทั้งสองนั้นต่างกันถึงหนึ่งขั้น!
คนโง่เช่นนี้กลับคิดจะเข้าร่วมการสอบของนิกายเงาจันทร์มันได้แต่ทำให้ผู้คนมึนงงสับสนไปตามๆ กัน
เจ่าซีนั้นโกรธเย่หยวนจนหน้าดำหน้าแดง มือของเขากางกรงเล็บออกมาด้วยพลังโลกของราชันพระเจ้าเจ็ดดาวที่ถูกปล่อยออกมาอย่างบ้าคลั่ง พุ่งเข้าไปจับคว้าท่อนแขนของเย่หยวนไว้
เจ่าซีนั้นกระทำการออกมาอย่างรุนแรงและดูท่าคงคว้าจับไว้ได้แน่นอน
เพียงแค่ว่าในวินาทีนั้นเย่หยวนกลับซัดฝ่ามือออกมาอย่างรวดเร็วปานสายฟ้า!
กร๊อบ!
เย่หยวนโจมตีกลับไปอย่างแม่นยำ ปะทะเข้ากับพลังโลกของเจ่าซีตรงๆ พร้อมจับคว้านิ้วโป้งและชี้ของเขาไว้แทน ก่อนจะหักมันลงอย่างไร้ปรานีจนนิ้วของเขาหักดังลั่น
“อ้ากกก!”
เสียงกรีดร้องดังขึ้นจนทำให้เจ่าชูและเจ่าเจาหน้าถอดสี
เจ่าชูนั้นตื่นตกใจมาก จนต้องพลักดันฮันยองถอยไปพร้อมจ้องมองดูเย่หยวน “ไอ้เด็กคนนี้ เจ้าปล่อยน้องข้า! ไม่เช่นนั้นเจ้าไม่ได้ตายดีแน่!”
ทุกคนต่างมองภาพนั้นอย่างตื่นตกใจ คิดว่ามันช่างเป็นภาพที่น่าเหลือเชื่อจนเกินทน
เป็นการจัดการศัตรูลงด้วยกระบวนท่าเดียวจริง!
เพียงแค่ว่าผลลัพธ์ที่ออกมามันกลับฝั่งก็เท่านั้น
ยอดฝีมืออย่างเจ่าซีกลับถูกจัดการลงได้ด้วยกระบวนท่าเดียว
เย่หยวนรอง ‘อ่า’ ก่อนจะปล่อยนิ้วทั้งห้าออก ส่งร่างของเจ่าซีออกจากการควบคุม
นิ้วทั้งห้านั้นเป็นจุดเชื่อมโยงหัวใจ เมื่อมันถูกโจมตีจนหักเจ่าซีย่อมเจ็บปวดจนเหงื่อไหลท่วมกาย
เขาไม่นึกไม่ฝันว่าตัวเองจะพลาดในงานง่ายๆ เช่นนี้ ความโกรธแค้นในหัวใจของเขานั้นมันเหนือทะลุฟ้า
วินาทีที่เย่หยวนปล่อย เขาก็ใช้มือซ้ายที่ยังไม่บาดเจ็บพุ่งเข้าโจมตีลำคอของเย่หยวนในทันที
เขาต้องการเอาชีวิตเย่หยวน!
แต่ว่าแม้เขาจะเร็วแค่ไหน เย่หยวนยังสามารถเร็วได้กว่า!
กร๊อบ!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...