เมื่อเทียบกับยอดหลักแล้ว สถานที่แห่งนี้มันช่างดูทรุดโทรมกว่ามาก
“เย่หยวน ข้าล่ะไม่อยากยอมรับจริงๆ! ด้วยฝีมือระดับเจ้าอย่างน้อยๆ ก็ควรได้ไปอยู่บนยอดรองสามลำดับแรกสิ ไอ้คนพวกนั้นมันใช้พลังอำนาจของตัวเองข่มเหงผู้คนเสียจริงถึงได้ส่งเจ้ามายังยอดผู้กล้าสวรรค์เช่นนี้” ข้างๆ เย่หยวนนั้นมีชายหนุ่มร่างผอมคนหนึ่งเดินมาด้วยท่าทางไม่พอใจ
ชายหนุ่มคนนี้มีนามว่าเซงโหยว เขาเองก็มาจากนิกายไร้ชื่อแห่งหนึ่ง
เขานั้นมีพลังฝีมือที่ไม่น้อย เป็นถึงยอดราชันพระเจ้าเจ็ดดาว ระหว่างการสอบรอบที่สองเขาเองก็ตียอดกลองจรัสไปได้ถึงระดับสอง
ในหมู่ศิษย์ที่มาจากนิกายเล็กนั้น เขานับได้ว่าเป็นคนในหมู่ยอดคนแล้ว
ให้พูดตามตรงแล้ว เขาไม่ควรจะได้มาอยู่ที่ยอดผู้กล้าสวรรค์นี้เลย แต่สุดท้ายเขากลับถูกโยนมายังยอดผู้กล้าสวรรค์แห่งนี้
คนที่เหลืออีกสี่สิบเอ็ดคนนั้นต่างได้ไปอยู่ยังยอดรองอีกแปดแห่ง
เรื่องการกระทำที่ไม่เท่าเทียมนี้ เซงโหยวย่อมไม่พอใจอยู่อย่างมากเป็นทุนเดิม
แต่ว่าเซงโหยวนั้นยิ่งเคารพเย่หยวนอย่างมาก การสะบัดมือน้อยๆ ของเขานั้นมันทำให้เซงโหยวประทับใจมาก
มาจากนิกายเล็กๆ เช่นเดียวกัน เย่หยวนกลับมีพรสวรรค์และความเป็นไปได้มากกว่าเขาหลายเท่าตัว
เย่หยวนแค่ยิ้มตอบกลับไป “หากเป็นทอง อยู่ที่ไหนก็ย่อมมีค่า ข้าได้ยินว่าผู้อาวุโสของยอดผู้กล้าสวรรค์เองก็มาจากนิกายเล็กเช่นกัน แต่เขาก็ยังสามารถพัฒนาตัวไปจนถึงอาณาจักรเทพถ่องแท้ได้ กลายเป็นผู้ปกครองแผ่นดิน”
เซงโหยวยิ้มออกมาอย่างขื่นขม “ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น ยอดผู้กล้าสวรรค์นี้ก็ยังเป็นสถานที่ที่ทรุดโทรมที่สุดในนิกายเงาจันทร์แล้ว ถูกอีกแปดยอดดูถูกเหยียดหยามมาตลอด!”
ในนิกายเงาจันทร์นี้ ยอดผู้กล้าสวรรค์นั้นนับได้ว่าเป็นแดนคนนอก ไม่มีใครคิดอยากที่จะมายังยอดแห่งนี้ด้วยตัวเอง
คนทั้งหลายที่ได้มายังที่แห่งนี้ล้วนแล้วแต่เป็นศิษย์ที่นิกายไม่ต้องการ หรือเป็นศิษย์ที่ไร้ค่ายสังกัด
เมื่อมาถึงมันก็เท่ากับว่าคนผู้นั้นต้องเสียอนาคตไป มันเป็นการยากมากที่จะลืมตาอ้าปากได้ในสถานที่แห่งนี้
เย่หยวนเดินเข้าไปตบไหล่ของเซงโหยวด้วยรอยยิ้ม “สหาย ได้เข้านิกายเงาจันทร์มาแค่นี้ ดูเหมือนเจ้าจะลืมไปแล้วว่าตัวเองเป็นใคร!”
พูดจบเย่หยวนก็เดินนำหน้าเขาโถงยอดผู้กล้าสวรรค์ไป
เซงโหยวมองดูหลังที่เดินนำไปนั้นของเย่หยวนด้วยร่างกายที่สั่นสะท้าน
ใช่แล้ว เขาเองก็มาจากนิกายระดับราชันพระเจ้าไร้ชื่อแห่งหนึ่ง ไม่มีทรัพยากรใดๆ มากมาย ขาดแคลนพลังวิญญาณในการบ่มเพาะพลังอย่างมาก
แต่เขาก็ยังดิ้นรนด้วยตัวเองจนเดินมาถึงจุดนี้ได้
เขาคิดว่าเมื่อเข้ามาในนิกายเงาจันทร์แล้วด้วยความสามารถพรสวรรค์ของตัวเอง เขาจะโผทะยานขึ้นฟ้าได้ในเวลาสั้นๆ
แต่สภาพตอนนี้มันต่างจากที่เขาวาดฝันมาก
เพราะฉะนั้นเขาจึงซึมเศร้า ไม่พอใจและคิดว่าอนาคตของตัวเองกำลังจบสิ้นลง
แต่เมื่อลองมองดูย้อนกลับไป ต่อให้ที่ที่เขาได้ร่วมจะเป็นยอดผู้กล้าสวรรค์นี้ มันก็ยังมีสภาพดีกว่านิกายเก่าของเขาอย่างมากมาย
เพราะฉะนั้นจะยังมาบ่นอะไรอีก?
ตราบเท่าที่เขายังคงพยายามอย่างไม่แพ้ในอดีต สักวันเขาต้องขึ้นลุกยืนเคียงบ่าเคียงไหล่คนอื่นๆ ได้แน่ จะได้ขึ้นไปตบหน้าคนที่เคยดูถูกเขาไว้
สำหรับนักยุทธแล้วแม้ว่าทรัพยากรจะสำคัญแค่ไหน แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือความต้องการที่จะเข้าถึงเต๋า
เมื่อเราหลงจากเส้นทางของตัวเองแล้วเท่านั้น ที่อนาคตของคนเราจะดับมืดลงได้
“ปลุกผู้หลับฝันให้ตื่นสู้ความจริง! เย่หยวนข้าขอขอบคุณ!”
สายตาของเซงโหยวที่มองตามแผ่นหลังของเย่หยวนไปในตอนนี้มันเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นอีกครั้งหนึ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...