เมฆเหล่านั้นเชื่อมต่อระหว่างกลองทั้งหมดทำให้เกิดเป็นภาพเหมือนกระบวยอันใหญ่ ซึ่งมันคือรูปร่างของดาวฤกษ์ในกลุ่มดาวหมีใหญ่นั้นเอง
กลองใหญ่ทั้งเจ็ดนี้รวมผสานเข้าด้วยกันพร้อมปล่อยคลื่นพลังที่ทำให้เย่หยวนต้องสั่นสะท้าน
ยอดกลองจรัสที่พวกเขาทั้งหลายได้ตีตอนเข้านิกายมานั้นมันเทียบกับเจ้ากลองชุดใหญ่ที่อยู่ตรงหน้านี้ไม่ได้เลย
เย่หยวนรู้ได้ทันทีว่าหากคนใช้มีพลังพอพวกเขาคงสามารถปล่อยคลื่นเสียงที่ทำลายล้างโลกาออกมาได้อย่างแน่นอน
และนี่มันยังเป็นครั้งแรกด้วยที่เย่หยวนได้พบเจอกับสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์ประเภทเน้นการโจมตี พลังของเจ้ากลองเจ็ดดาวหมีใหญ่ที่ปล่อยออกมานี้มันทำให้เอาหวั่นใจไม่น้อย
เพราะไม่ว่าจะเป็นศิลาจารึกบัลลังก์พิภพหรือไข่มุกสยบวิญญาณ พวกมันต่างเป็นสมบัติที่อ่อนโยนแต่เจ้ากลองเจ็ดดาวหมีใหญ่นี้มันกลับเปี่ยมไปด้วยคลื่นพลังอันแสนรุนแรงทำให้ผู้คนที่มองเห็นมันต้องรู้สึกกังวลกลัว
“กลัวตายแล้วล่ะสิ? แต่ว่าตอนนี้หุบเขาเจ็ดดารามันก็ได้เปิดออกแล้ว จะมาเสียใจตอนนี้มันก็ไม่ทันแล้วล่ะนะ” ยอดผู้อาวุโสถ่ายทอดแห่งยอดเสาสวรรค์บอกขึ้น
เย่หยวนหันหน้ากลับไปตอบทันที “ในชีวิตข้าไม่เคยมีคำว่าเสียใจภายหลัง”
เย่หยวนกระโดดขึ้นไปหากลองเจ็ดดาวหมีใหญ่ในทันที
เมื่อมาถึงตรงหน้ามันเย่หยวนก็รู้สึกราวกับว่าได้เดินเข้ามากลางพายุแห่งแนวคิด พลังแนวคิดหลากหลายกำลังเข้าโจมตีเขาจากทุกทิศทาง
ในวินาทีนั้นเย่หยวนรู้สึกเหมือนกำลังยืนต้านแรงพายุจนไม่อาจวางเท้าลงได้อย่างมั่นคง
“ฮ่าๆ ไอ้เด็กคนนี้มันไม่รู้เรื่องอะไรและคิดจะมาท้าทายกลองเจ็ดดาวหมีใหญ่! เฉียวฟู ข้าว่าวันนี้เจ้าคงเสียหน้าครั้งใหญ่แล้ว!” ผู้อาวุโสคนหนึ่งหัวเราะลั่นออกมาเมื่อเห็นสภาพแสนทุลักทุเลของเย่หยวน
เฉียวฟูแค่หัวเราะออกมาอย่างไม่คิดจะตอบโต้
หากเย่หยวนอยู่ในสภาพเช่นนี้ต่อไปมันคงเป็นการยากที่จะตีกลองได้ เขาจึงรู้สึกกังวลใจขึ้นมาไม่น้อย
แต่เวลานั้นเองคลื่นพลังอันน่าพิศวงก็ค่อยๆ ไหลออกมาจากตัวเย่หยวน
เมื่อคลื่นพลังนี้ถูกปล่อยออกมา เหล่าคลื่นแนวคิดที่แสนรุนแรงนั้นก็เหมือนจะสงบลงทันที ร่างของเย่หยวนสามารถกลับมายืนตั้งมั่นได้อีกครั้ง
เมื่อเหล่าผู้อาวุโสเห็นภาพนี้พวกเขาต่างแสดงสีหน้าตื่นตะลึงออกมาตามๆ กัน
ไม่ว่าคนเราจะมีพรสวรรค์มากมายแค่ไหน หากไม่มีกำลังมันก็ไร้ประโยชน์
อย่างเช่นว่านักยุทธอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าคนหนึ่งมีพรสวรรค์มากมายถึงขั้นที่อาจบรรลุอาณาจักรเทพถ่องแท้ได้ในวันหน้า
แต่หากไม่มีกำลังแล้วเมื่อต้องมาอยู่ต่อหน้ากลองเจ็ดดาวหมีใหญ่พวกเขาก็ย่อมต้องพบอันตรายใหญ่หลวง
เหล่าผู้อาวุโสถ่ายทอดทั้งหลายนี้ต่างเคยได้ลองตีกลองเจ็ดดาวหมีใหญ่มาทั้งสิ้นและรับรู้ถึงพลังที่แท้จริงของมัน
พวกเขาย่อมไม่มีทางคาดคิดว่าเย่หยวนจะสามารถปรับตัวได้รวดเร็วปานนี้
แต่ว่าการกระทำต่อมาของเย่หยวนมันกลับยิ่งทำให้พวกเขาหน้าซีดเผือดลงด้วยความตื่นกลัว
เพราะตอนนี้นิ้วของเย่หยวนกำลังชี้เป็นดาบพุ่งตรงเข้าใส่ยอดกลองจรัส
ตึง!
เสียงยอดกลองจรัสดังขึ้นมาอย่างแจ่มชัด!
เสียงกลองนี้มันสะท้านฟ้าดินส่งผ่านไปทั้งหุบเขาเจ็ดดาราในพริบตา
แต่ว่าเย่หยวนไม่ได้หยุดแค่นั้น เขาชี้นิ้วออกมาอีกครั้ง
ตึง!
กลองเบิกตะวันดังขึ้นตาม!
ตึง!
เย่หยวนชี้นิ้วออกไปเป็นครั้งที่สามและทำให้กลองชั่งหยกเกิดเสียง!
กลองสามตัวนี้ถูกตีในคราเดียวทำให้เหล่าผู้อาวุโสถ่ายทอดทั้งหลายต้องหน้าถอดสี
“ไอ้เด็กคนนี้มันทำได้อย่างไรกัน? ต่อให้เป็นข้าก็คงไม่มีทางทำได้ง่ายดายเช่นที่มันทำแน่!”
“ก่อนนั้นเฒ่าคนนี้เองก็เคยทำได้สามครั้ง แต่ข้านั้นทำได้อย่างยากลำบากหลังต้องล้มเหลวไปหลายต่อหลายครั้ง เจ้าเด็กคนนี้มันทำได้ตั้งแต่ครั้งแรกได้อย่างไรกัน?”
เมื่อเฉียวฟูเห็นใบหน้านั้นของผู้อาวุโสคนอื่นๆ เขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะลั่นออกมา “เฒ่าคนนี้บอกพวกเจ้าแล้วว่าเขาต่างจากคนอื่นๆ! ว่าอย่างไรล่ะ? ตกใจมากไหม? ฮ่าๆๆ…”
เฉียวฟูนั้นเป็นฝ่ายถูกกดดันมาตลอดและไม่ค่อยจะสนิทกับผู้อาวุโสถ่ายทอดคนอื่นๆ นัก
ตอนนี้เมื่อเห็นพวกเขาทำหน้าตาเช่นนั้นออกมาเขาจึงรู้สึกยินดีอย่างมาก
แต่ตอนนั้นเองเย่หยวนก็เริ่มหันไปตีกลองลูกที่สี่!
แต่ครั้งนี้เขาไม่สำเร็จ
ตอนนี้ปากของเขากระอักเลือดออกมาคำโตพร้อมร่วงลอยลงมาจากบนท้องฟ้า เย่หยวนบาดเจ็บเพราะแรงสะท้อนจากกลองอำนาจสวรรค์
หน้าของเฉียวฟูถอดสีทันทีเขารีบปล่อยพลังโลกของตนออกมารับร่างเย่หยวนไว้
เมื่อเหล่าผู้อาวุโสคนอื่นเห็นภาพนี้พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจยาวออกมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...