จอมเทพโอสถ นิยาย บท 1827

สรุปบท ตอนที่ 1827 ข้าจะกลับไปหลอมโอสถ: จอมเทพโอสถ

อ่านสรุป ตอนที่ 1827 ข้าจะกลับไปหลอมโอสถ จาก จอมเทพโอสถ โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 1827 ข้าจะกลับไปหลอมโอสถ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายAction จอมเทพโอสถ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ตอนที่ 1827 ข้าจะกลับไปหลอมโอสถ
“แค่กระบวนท่าเดียว? ไอ้หมอนี่มันช่างหน้าไม่อายจริงๆ นี่คือจะยอมแพ้กันตรงนี้เลยรึ?” คำพูดของเย่หยวนมันทำให้เกิดเสียงหัวเราะขึ้นทั่ว

เหอหยวนกล่าว “ดูท่านิกายเงาจันทร์จะส่งเจ้ามาเป็นตัวประกอบจริงๆ สินะ ติดแค่ว่าเจ้านั้นมันดวงดีไปทำให้หมูสมบัตินั้นติดใจเข้าได้ ชิๆ ข้าก็นึกว่าเจ้าจะเก่งกาจแค่ไหน น่าผิดหวังเสียจริง!”

แม้จะเป็นนภาสวรรค์หนึ่งดาวเหมือนกันแต่เย่หยวนนั้นยังอยู่แค่ขั้นต้น ส่วนเหอหยวนนั้นอยู่ขั้นสุด

มันไม่ใช่เพราะว่าแต่ละขั้นนั้นแตกต่างกันอย่างมากมาย แต่เป็นเพราะพลังฝีมือของเหอหยวนนั้นแข็งแกร่งอย่างมาก

นอกงานชุมนุมการต่อสู้แห่งกอไผ่เขาสามารถต่อสู้ได้แม้กระทั่งกับนภาสวรรค์สองดาวขึ้นต้น

นิกายสว่างชัดนั้นมันไม่มีใครที่อ่อนแอ

เรื่องนี้ถูกพิสูจน์จากงานชุมนุมการต่อสู้แห่งกอไผ่ที่ผ่านๆ มาหลายต่อหลายครั้ง

แต่เย่หยวนกลับตอบสวนมา “เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว เจ้าต่างหากที่จะแพ้ในกระบวนท่าเดียว!”

เมื่อเหอหยวนได้ยินเช่นนั้นเขาก็หัวเราะลั่นขึ้น “พวกเจ้าทั้งหลายได้ยินไหม? มันคิดจะทำให้ข้าแพ้ด้วยกระบวนท่าเดียว! ฮ่าๆๆ สมชื่อยอดอัจฉริยะแห่งสวนป่าบนจริงๆ ความโอหังนี้มันช่างเหนือล้ำข้าล่ะกลัวจริงๆ!“

คนรอบๆ ทั้งหลายต่างหัวเราะขึ้นตามๆ

“ในดาวเดียวกัน มีคนที่ต่อสู้กับเหอหยวนได้ไม่มากมายนัก อย่าว่าแต่ทำให้แพ้ด้วยกระบวนท่าเดียวเลย”

“ยอดอัจฉริยะสวนป่าบนนั้นช่างเก่งกาจเหลือเกินเมื่อเป็นเรื่องโม้โอ้อวด!”

การบ่มเพาะนั้นยิ่งพัฒนาอาณาจักรไปมาก ความแตกต่างของแต่ละดาวก็จะยิ่งห่างชั้น

แต่ละดาวนั้นต้องใช้เวลาบ่มเพาะที่มากมายมหาศาล

แม้จะเป็นแค่ช่องว่างระหว่างนภาสวรรค์หนึ่งดาวขั้นต้นและขั้นกลางมันก็ยังห่างชั้นกันอย่างมาก

“ไอ้โง่!”

คำพูดนี้เย่หยวนและตงน้อยพูดออกมาพร้อมๆ กัน

เหอหยวนหน้าดำมืดลงทันที “เจ้าว่าอย่างไรนะ?”

เย่หยวนตอบกลับไป “ยังไม่ทันได้ลงมือก็มาอวดอ้างตัวเอง ข้าไม่รู้เลยจริงๆ ว่าเจ้าไปเอาความมั่นใจขนาดนั้นมาจากไหน หรือว่าเจ้าคิดว่าแค่ตัวเองมาจากนิกายสว่างชัดก็จะเก่งกาจกว่าคนอื่นมากมายแล้ว? ท่าทางอวดเก่งปากดีนี้ของเจ้ามันทำให้ตัวเจ้าดูเหมือนคนโง่เง่าจริงๆ เจ้าไม่รู้ตัวเลยหรือ?”

ได้ยินคำของเย่หยวนทุกผู้คนต่างก็แสดงสีหน้าตกตะลึง

คนที่มาจากนิกายสว่างชัดไม่ยอดเยี่ยมหรือ?

พวกเขาไม่ควรหลงใหลในตัวเองหรือ?

ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่นิกายสว่างชัดได้กลายเป็นสัญลักษณ์แทนความแข็งแกร่งไป

ต่อให้เป็นนิกายปรารถนาที่ตามติดไล่นิกายสว่างชัดมาก็ยังถูกอีกฝ่ายเบียดจนต้องตกข้างทาง

ในชุมนุมการต่อสู้แห่งกอไผ่กว่าหมื่นปีที่ผ่านมานี้ นิกายสว่างชัดจะได้รับสิทธิ์เข้าวิหารไปอย่างน้อยๆ สองสิทธิ์เสมอ

มันมีครั้งหนึ่งพวกเขาถึงกับกวาดไปได้ถึงสี่สิทธิ์!

ความแข็งแกร่งนี้มันจึงตราตรึงอยู่ในความทรงจำของผู้คนเสมอมา

เพราะฉะนั้นสิทธิ์ที่นิกายสว่างชัดได้รับในการส่งศิษย์เข้างานมันจึงมีมากถึงแปดคน

นิกายอื่นๆ ทำได้แค่เพียงมองดูหลังพวกเขา

เหอหยวนมองดูเย่หยวนด้วยสายตาเย็นชา “เด็กน้อย เจ้ากล้ามาดูถูกนิกายสว่างชัดของข้า! ข้าเปลี่ยนใจแล้ว! วันพรุ่งนี้ข้าจะทำให้เจ้าขยับตัวไปไหนไม่ได้ในหนึ่งกระบวนท่าเอง!”

เย่หยวนยิ้มออกมาเมื่อได้ยิน “เมื่อเจ้าทำได้แล้วค่อยมาเห่าหอนอีกครั้งเถอะ! ตงน้อย ไปกัน”

พูดจบเย่หยวนก็เดินนำตงน้อยจากไป

ไป่หลี่ชิงหยานที่อยู่ไม่ไกลจึงเรียกขึ้น “เจ้าจะไม่อยู่ดีการต่อสู้ของวันนี้หรือ? ทั้งห้าคู่ที่จะสู้กันวันนี้มันเป็นยอดฝีมือทั้งสิ้นเลยนะ!”

ศิษย์ทั้งหลายที่ได้เข้าร่วมชุมนุมการต่อสู้แห่งกอไผ่ย่อมมีพลังฝีมือที่ไม่น้อย การต่อสู้ของพวกเขาจึงสุดแสนที่จะดุเดือด

ในสถานการณ์เช่นนี้นอกจากเหล่ายอดคนแท้จริงแล้ว คนส่วนมากก็ย่อมเลือกที่จะอยู่ดูการต่อสู้ของผู้อื่น

โบราณว่าไว้รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง

มันย่อมไม่มีผลเสียใดๆ หากคิดจะศึกษาศัตรู

แต่เย่หยวนกลับยกมือขึ้นมาโบกปัด “ไม่ดูหรอก ไม่มีอะไรให้ดู”

ในสายตาของเย่หยวนนั้นการหลอมโอสถมันน่าสนใจกว่าการต่อสู้พวกนี้มาก

เมื่อเห็นเย่หยวนเดินจากไปทั้งๆ อย่างนั้นคนทั้งหลายจึงมองตามไปเป็นตาเดียว

เด็กคนนี้มีพลังบ่มเพาะไม่สูงนักแต่กลับมีท่าทางแสนเย่อหยิ่ง ทำไมนิกายเงาจันทร์จึงได้ปล่อยคนเช่นนี้เข้ามาร่วมชุมนุมการต่อสู้แห่งกอไผ่กัน?

ระหว่างทางกลับไปเย่หยวนก็หันมองดูตงน้อยพร้อมถามขึ้น “ดูเจ้าจะมั่นใจในตัวข้ามากนะ”

พูดจบเหอหยวนก็ปล่อยพลังโลกออกมาอย่างบ้าคลั่งจนครอบทั้งสนามรวมไปถึงเย่หยวนด้วย

ในวินาทีนี้ทั้งพื้นที่มันสั่นสะท้านจนแทบเห็นว่าสังเวียนกำลังสั่นสะเทือน

แรงสั่นนี้มันยิ่งรุนแรงมากขึ้นอย่างเพิ่มทวีจนแทบทำให้สังเวียนแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

“นี่มัน… แนวคิดแห่งการสั่นสะท้าน! แนวคิดแห่งแผ่นดินนี้มันมีพลังโจมตีที่แสนรุนแรงว่ากันว่าหากบ่มเพาะจนถึงขั้นสุดแล้วจะสามารถสั่นทำลายมิติได้! ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าเหอหยวนจะเก่งกาจได้ขนาดนี้!”

“หึ ดูท่าเจ้าเด็กคนนี้คงไปทำให้เหอหยวนโกรธมากจริงๆ แค่ขึ้นมาถึงเขาก็เอาไม้ตายออกมาใช้เช่นนี้!”

ที่ด้านล่างมีเสียงวิเคราะห์ดังขึ้นตามๆ กัน

เพราะหากวัดกันแค่เรื่องพลังโลกแล้ว คลื่นพลังที่เหอหยวนปล่อยออกมาตอนนี้มันแสนรุนแรงจนไม่มีใครต้านทานได้

เขามองดูเย่หยวนอย่างเย็นเยือกพร้อมกับยิ่งปล่อยพลังออกมามากขึ้นและมากขึ้น

“เอาล่ะ คงเสียใจแล้วล่ะสิ? แต่จะมาเสียใจตอนนี้มันก็สายไปแล้ว! รับความพิโรธของข้าไป! ทลาย… มิติ…”

เหอหยวนพูดออกมาในตอนที่เย่หยวนยังไม่ขยับตัวไปไหน

แต่ในวินาทีนั้นเมื่อเย่หยวนขยับ เขากลับพุ่งผ่านความสั่นสะเทือนทั้งหลายมาอยู่ต่อหน้าเหอหยวนในทันที

เหอหยวนเบิกตากว้างแต่ยังไม่ทันได้ตั้งรับอะไรเย่หยวนก็ชี้นิ้วออกมาเสียก่อน

“อ่อก!”

เหอหยวนสะสมพลังมาแสนนานแต่ยังไม่ทันได้ปล่อยร่างของเขาก็ต้องถูกดัชนีนั้นของเย่หยวนดีดจนลอยลงสังเวียนไป

เหอหยวนร่วงลงกับพื้นพร้อมเลือดไหลนอง จนตอนนี้เขาก็ยังไม่อยากเชื่อว่าเรื่องเมื่อสักครู่มันเกิดขึ้นมาได้

ในพลังโลกของเขานั้น เขาคือผู้ปกครอง!

ยิ่งเข้ามาใกล้ตัวเขา พลังสั่นสะเทือนมันก็น่าจะยิ่งรุนแรง

แต่พลังสั่นสะเทือนที่รุนแรงปานนั้นกลับไม่สามารถทำอะไรเย่หยวนได้แม้แต่น้อย

ราวกับว่าเขตแดนพลังโลกในนั้นมันเป็นของเย่หยวนมาตั้งแต่แรกแล้ว

………………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ