การตายของเทพสวรรค์ทั้งสามนั้นไม่ได้หยุดการเคลื่อนทัพของผู้คนเลยแม้แต่น้อย
แต่ทว่าไม่ว่าจะเป็นยอดฝีมือแค่ไหนเมื่อเข้าไปในเทือกเขาอาทิตย์ศักดิ์สิทธิ์ก็ล้วนแล้วแต่ต้องตายลงสิ้น
หนึ่งเดือนต่อมาในที่สุดก็ไม่มีใครกล้าหาญพอที่จะเข้าไปในเทือกเขาอาทิตย์ศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไป
ตอนนี้เหล่ายอดฝีมือจากทั่วสารทิศต่างมารวมตัวกันพักอยู่ที่เมืองหลวงจักรพรรดิพันทะยานเพื่อพูดคุยถึงหนทางที่จะเข้าไปในถ้ำเทพสวรรค์นี้
ท่านเจ้าเมืองพูดขึ้น “จอมเทพสวรรค์นิรันดร์นั้นเป็นเทพสวรรค์ระดับสูงจากเมื่อห้าล้านปีก่อน เขานั้นมีพลังที่เหนือล้ำจนสามารถสังหารเทพสวรรค์ทั่วๆ ไปลงได้อย่างง่ายดาย”
อีกคนหนึ่งก็กล่าวขึ้นมา “จากมุมมองของข้าแล้วมันคงเป็นการยากที่เราเหล่าเทพถ่องแท้จะเข้าไปภายในได้”
“จอมเทพสวรรค์นิรันดร์คนนี้นั้นมีพลังที่เหนือล้ำ สมบัติที่เขาทิ้งไว้นั้นมันย่อมมีมากมายมหาศาล ให้ยอมแพ้เช่นนี้ใครจะไปยอม? ที่สำคัญ… หากเราสามารถสืบทอดความรู้ที่จอมเทพสวรรค์นิรันดร์สั่งสมมาได้ล่ะก็…”
เมื่อคำพูดเหล่านั้นถูกกล่าวอออกมาบรรยากาศในห้องก็ร้อนแรงขึ้นทันที
นี่คือความรู้ที่เทพสวรรค์สั่งสมมาทั้งชีวิต จะมีใครไม่อยากได้?
ที่สำคัญมันมิใช่แค่เทพสวรรค์ทั่วๆ ไป แต่เป็นถึงเทพสวรรค์ระดับสูง!
ในหมู่ผู้คนทั้งหลายนี้มันย่อมไม่มีใครที่จะก้าวเดินไปได้จนถึงจุดนั้น
กู่เทียนเฉกล่าวขึ้น “ตอนนี้มีข่าวลือว่านักยุทธที่มีพลังบ่มเพาะอาณาจักรนภาสวรรค์ลงไปจะสามารถเข้าเทือกเขาอาทิตย์ศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร้ภัย แถมยังมีเทพถ่องแท้ที่ได้ลองทำดูแล้วด้วย ตราบเท่าที่เรากดพลังบ่มเพาะของตัวเองไว้ให้อยู่ในอาณาจักรนภาสวรรค์เราก็ย่อมหลบรอดจากการโจมตีของเทือกเขาอาทิตย์ศักดิ์สิทธิ์ได้ แต่ด้านในเทือกเขาอาทิตย์ศักดิ์สิทธิ์นั้นเองมันก็มีอันตรายเต็มเปี่ยม ข้าคิดว่าพวกเราทั้งหลายต้องทำการอย่างเป็นกลุ่มพวกร่วมมือกันให้ถึงที่สุด จากนั้นค่อยช่วยกันหาทางเปิดถ้ำออก ทุกท่านคิดเห็นอย่างไรบ้าง?”
เมื่อได้ยินคำของกู่เทียนเฉทุกคนต่างก็พยักหน้ารับออกมาพร้อมๆ กัน
เพราะแม้ว่าพวกเขาทั้งหลายนั้นจะเป็นถึงเทพถ่องแท้ แต่เมื่อมาอยู่ต่อหน้าจอมเทพสวรรค์นิรันดร์พวกเขาก็เป็นได้แค่หมูหมากาไก่ข้างทาง
จะพันคนหรือหมื่นคนที่เข้าไปมันก็เท่ากับรนหาที่ตายอยู่ดี
เพราะฉะนั้นการร่วมมือกันก่อนในตอนแรกมันจึงมิใช่เรื่องที่แย่มากนัก
“ในเมื่อทุกคนไม่คิดขัด เราก็มาเตรียมตัวออกเดินทางไปเทือกเขาอาทิตย์ศักดิ์สิทธิ์ในอีกสิบวันกันเถอะ” กู่เทียนเฉกล่าวบอก
หลังคุยกันเสร็จเหล่าเทพถ่องแท้ทั้งหลายก็แยกจากกันไป เหลือทิ้งไว้เพียงเจ้าเมืองหลวงจักรพรรดิสวรรค์นที จี้ฉุนที่ยังคงอยู่ต่อ
“หืม? พี่จี้รอคุยกับข้าหรือ? มีธุระใดรึ?” กู่เทียนเฉแสร้งถามขึ้น
จี้ฉุนนั้นได้แต่กล่าวว่าอีกฝ่ายในใจก่อนจะปั้นยิ้มกลับมา “หึๆ สหายข้า เมืองหลวงจักรพรรดิสวรรค์นทีข้าและเมืองหลวงจักรพรรดิพันทะยานของเจ้านั้นอยู่ร่วมกันอย่างปรองดองมาช้านาน เจ้าศิษย์ไม่เอาไหนของข้า ซัวหานนั้นมันก็หลงใหลชื่นชอบชิวหลิงน้อยมานาน เจ้าไม่คิดว่าเราเหล่าคนเฒ่าคนแก่ควรจะทำให้ความรักของพวกมันสมหวังแล้วหรือ?”
กู่เทียนเฉหัวเราะขึ้นมา “เรื่องราวของคนหนุ่มสาวก็ให้คนหนุ่มสาวจัดการเองเถอะ เจ้าเองก็รู้ว่าศิษย์คนนี้ของข้านั้นมันอยากเลือกคู่ครองด้วยตัวของมันเอง เรื่องนี้ต่อให้เป็นข้าก็คงไปบังคับมันไม่ได้”
พูดจบกู่เทียนเฉก็จากไปทันทีโดยไม่คิดที่จะต่อรองใดๆ กันต่ออีก
จี้ฉุนขมวดคิ้วแน่นด้วยความมึนงงและสับสนไม่เข้าใจว่ากู่เทียนเฉกำลังต้องการเรียกร้องอะไรกันแน่
เพราะที่ผ่านๆ มานั้นกู่เทียนเฉค่อนข้างที่จะสนับสนุนความสัมพันธ์ของซัวหานและเล้งชิวหลิง แม้ว่าเล้งชิวหลิงจะไม่เคยแสดงท่าทีสนใจใดๆ ออกมาก็ตาม
แต่ตอนนี้แม้แต่กู่เทียนเฉเฒ่าคนนี้ก็มีท่าทีไม่เอาด้วยเสียแล้ว
…
ด้วยความที่เป็นศิษย์คนโปรดของจี้ฉุน ซัวหานจึงได้ติดตามมายังเมืองหลวงจักรพรรดิพันทะยานด้วย
เพราะแท้จริงแล้วเหล่าเทพถ่องแท้ที่มาในครานี้ก็มักจะพาศิษย์หรือลูกหลานติดตามมาด้วยแทบทุกคน
โอกาสใหญ่อย่างการสืบทอดสมบัติของเทพสวรรค์นั้นต่อให้เหล่าศิษย์ทั้งหลายจะได้รับแบ่งมันไปแค่ส่วนเล็กๆ มันก็มากพอที่จะสร้างประโยชน์มหาศาล
ที่สำคัญถ้ำเทพสวรรค์ในครานี้มันยังจำกัดไว้ให้แค่นักยุทธอาณาจักรนภาสวรรค์ลงไปเท่านั้นถึงจะเข้าได้ด้วย
ณ เวลานี้ซัวหานได้เดินมายังคฤหาสน์พันทะยานด้วยตัวคนเดียว
“นี่ศิษย์น้อง ข้าสงสัยเหลือเกินว่าศิษย์น้องเล้งชิวหลิงอยู่ในคฤหาสน์พันทะยานหรือไม่?” ซัวหานเดินเข้าไปถามศิษย์คนหนึ่งด้วยคำพูดสุภาพแต่ท่าทางนั้นมันกลับไม่ได้สุภาพตาม
ศิษย์คฤหาสน์พันทะยานคนนั้นเงยหน้าขึ้นมอง “เจ้าเป็นใคร? คฤหาสน์พันทะยานไม่อนุญาตให้คนแปลกหน้าเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาตหรอกนะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...