“ให้ตาย! เจ้าบ้านี่ ไสหัวไปให้พ้นหน้าพ่อเจ้าเสีย!” ภายในหลุมยุบนั้นมีเสียงคำรามร้องของกู่เทียนเฉดังออกมา
กู่เทียนเฉและผีเฟิงทั้งสองนั้นกำลังเข้าปะทะกันอยู่อย่างดุเดือดภายใน
กู่เทียนเฉนั้นมีพลังฝีมือที่เหนือล้ำกว่าขั้นหนึ่ง แต่หากจะคิดอยากจัดการผีเฟิงลงแล้วมันก็คงต้องใช้เวลาอีกไม่น้อย
ภายในถ้ำนั้นมีแท่นหินหนึ่งตั้งอยู่พร้อมด้วยหินก้อนหนึ่งที่มีขนาดเท่ากำปั้นวางอยู่ด้านบน
นั่นทำให้เย่หยวนต้องหรี่ตาจ้องมองเจ้าหินก้อนนั้นทันทีด้วยความคิดที่ว่าหินนี้คงเป็นหินรุ้งเจ็ดสีแล้ว
เพราะแม้จะอยู่ห่างไกลกันไม่น้อยแต่เย่หยวนก็ยังรู้สึกได้ถึงคลื่นพลังงานอันมหาศาลที่ถูกเก็บกักไว้ภายในจนทำให้ตอนนี้อาการบาดเจ็บต่างๆ บนร่างกายของเขามันรู้สึกดีขึ้นมากทีเดียว
“นี่หรือคือหินรุ้งเจ็ดสี? สมชื่อสมคำร่ำลือจริงๆ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเหล่าเทพสวรรค์ถึงคิดอยากได้มัน” เย่หยวนกล่าวขึ้นด้วยความตื่นตะลึง
ระหว่างที่ดูไปเขาก็รู้สึกได้ถึงคลื่นพลังมหาศาลที่ตามมาจากด้านหลัง แน่นอนแล้วว่าคงเป็นผีเทพสวรรค์ขวังต้าวและพวกเทพสวรรค์เผ่าปีศาจที่ตามมา
เย่หยวนจึงได้เหยียบเท้าพุ่งตัวลงไปยังแท่นหินนั้นอย่างไม่รอช้า
“หินรุ้งเจ็ดสีนั้นเป็นของข้า!” ที่ด้านล่างกู่เทียนเฉร้องตะโกนขึ้น
เย่หยวนนั้นไม่คิดสนใจเขาแม้แต่น้อย ตอนนี้เขาทำเพียงแค่ยื่นมือออกไปจับหินรุ้งเจ็ดสีไว้
นั้นทำให้ผีเฟิงหัวเราะลั่น “เจ้าคนเขลาไม่รู้คิด แค่อาณาจักรนภาสวรรค์ก็คิดอาจเอื้อมแตะต้องหินรุ้งเจ็ดสีแล้ว!”
เขารู้เป็นอย่างดีว่าแท่นหินนี้มันมิใช่สิ่งของที่จะปล่อยให้ผู้คนมาหยิบหินรุ้งเจ็ดสีไปจากมันได้อย่างง่ายดาย
‘วูว! วูว!’
มือของเย่หยวนยังไม่ทันได้แตะหินรุ้งเจ็ดสีแต่มันกลับมีคลื่นพลังอันเย็นเยือกไหลวนออกมา
เสียงโหยหวนร้องของเหล่าผีร้ายทั้งหลายดังขึ้น พุ่งทะยานออกมาจากแท่นหินนั้นเข้าปะทะร่างของเย่หยวนอย่างแรง
เหล่าผีร้ายทั้งหลายนี้ต่างมีคลื่นพลังที่สุดแสนแข็งแกร่ง ต่อให้คนที่มาหยิบจับไปนี้จะเป็นเทพถ่องแท้มันก็คงไม่พ้นต้องถูกบดแหลกเป็นชิ้นๆ
เจ้าแท่นหินนี้แท้จริงแล้วมันกลับกลายเป็นสถานที่เก็บซ่อนผีร้าย!
เมื่อกู่เทียนเฉเห็นเช่นนั้นใบหน้าของเขาก็ซีดเผือดลงเช่นกัน ต่อให้ผีเฟิงจะไม่ได้ตามตัวเขามา แต่หากเขาเข้าไปหยิบหินรุ้งเจ็ดสีไว้ ผลลัพธ์ที่ตามมาของเขามันก็คงไม่แตกต่างจากภาพตรงหน้านี้นัก
โชคยังดีที่ตอนนี้เย่หยวนได้ล่อผีร้ายทั้งหลายออกไปแล้ว
“ฮ่าๆ หินรุ้งเจ็ดสีเป็นของข้าแล้ว!”
ตอนนั้นเองที่กู่เทียนเฉรีบปลดปล่อยพลังออกมาผลักดันร่างของผีเฟิงจนต้องถอยไปหลายก้าว
จากนั้นเขาก็พุ่งร่างออกไปราวสายฟ้า ตะปบมือเข้าที่หินรุ้งเจ็ดสีในทันที
ผีเฟิงเองก็ตื่นตกใจอย่างมากแต่จะไปขวางตอนนี้มันก็คงไม่ทันเสียแล้ว
แต่ในวินาทีนั้นมันกลับมีคลื่นพลังวิญญาณอันแสนรุนแรงพุ่งทะยานขึ้นมาจากร่างของเย่หยวน
คลื่นพลังนี้มันทำให้เหล่าผีร้ายทั้งหลายต้องกรีดร้องแล้วผละตัวออกจากเย่หยวน ราวกับว่าเย่หยวนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดหรือโรคร้าย
เย่หยวนจึงได้ยื่นมือออกไปหยิบและได้หินรุ้งเจ็ดสีมาไว้ในมือในที่สุด
เมื่อเหล่าผีร้ายไม่กล้าที่จะเข้าใกล้เย่หยวนแล้วพวกมันจึงได้หันไปเล็งเป้ากู่เทียนเฉเป็นคนต่อไป พวกมันพุ่งตัวเข้าไปหาเขาอย่างบ้าคลั่งแทน
‘ฟุบ!’
‘ฟุบ!’
‘ฟุบ!’
และในเวลานั้นสามเงาร่างก็ถึงมาถึงถ้ำหลุบยุบนี้ด้วยคลื่นพลังอันมหาศาล แน่นอนว่าพวกเขานั้นคือเทพสวรรค์ทั้งสามนั่นเอง!
“หึๆ เด็กน้อย ข้าอยากรู้จริงๆ ว่าเจ้าจะยังหนีไปไหนได้อีก!” เฉียวหยวนพูดขึ้นด้วยท่าทางดูถูก
“ไม่นึกเลยว่าเด็กนภาสวรรค์คนหนึ่งจะรับหมัดจากพ่อเจ้าคนนี้ได้! เก่งกาจจริงๆ! แต่สุดท้ายมันก็คงจบลงเท่านี้แล้ว ส่งเฉียวหยวนมาเสีย!” อายเมิงบอกขึ้นด้วยรอยยิ้มแสนชั่วร้าย
เพราะถ้ำหลุบยุบนี้มันมีทางเข้าออกเพียงแค่ทางเดียว และตอนนี้ทางออกที่ว่านั้นก็กำลังถูกปิดกั้นไว้โดยสามเทพสวรรค์ แน่นอนว่าหากคิดจะหนีมันก็คงไม่มีทางไปได้
เหล่ายอดฝีมือที่เหลือเองก็ตามมาที่ด้านหลังแต่พวกเขาได้แต่ตามมาห่างๆ ไม่กล้าที่จะเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องในครั้งนี้
ผีเทพสวรรค์ขวังต้าวจ้องมองดูเย่หยวนด้วยความโกรธแค้น “เด็กน้อย วางหินรุ้งเจ็ดสีลง!”
เย่หยวนผงะไปเล็กน้อยก่อนจะยิ้มขึ้นมาและหันไปบอกเทพสวรรค์อีกสองคน “ข้าไปบอกตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าข้าจะหนี?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...