“ป-ไปแล้วท่านผู้ช่วยเจียง” ยามคนนั้นพูดขึ้นด้วยความหวาดกลัวที่ยังคงอยู่ในหัวใจ
เป็นตอนนั้นเองที่เจียงหัวได้สติกลับมาและต้องถอนหายใจยาว
แต่หลังจากตั้งสติได้เขาก็ต้องบอกขึ้นมาด้วยท่าทางดูถูก “เจ้าโง่! ท่านผู้นำตระกูลนั้นคือผู้อาวุโสของโถงวาโยขจี มีหรือที่ต้องออกไปตามหาขยะอย่างเจ้าด้วยตัวเอง?”
ก็จริงที่ว่าเย่หยวนนั้นมีฝีมือที่เก่งกาจ แต่คนที่เก่งกาจเช่นนี้ในยอดเมืองหลวงจักรพรรดิทองวาวนั้นมีอยู่มากมายเกินจะนับ มีหรือที่ผู้นำตระกูลเจียงนั้นจะต้องออกไปตามหานักยุทธนภาสวรรค์คนหนึ่ง?
เรื่องเช่นนั้นมันย่อมไม่มีทางจะเกิดขึ้นได้
คิดมาได้ถึงตรงนี้เขาก็รีบเดินออกจากห้องไปในทันทีเพื่อมุ่งหน้าเข้าสู่ส่วนเรือนหลักของบ้านตระกูลเจียง ในสถานที่ที่เหล่าคนรับใช้ของตระกูลอยู่อาศัย
“โอ้ นี่มันน้องเจียงหัวมิใช่หรือ? ลมอะไรพัดมาเล่า? หืม เหตุใดสีหน้าเจ้าจึงดูไม่ค่อยดีเช่นนี้? หรือว่ามันมีใครในบ้านตระกูลเจียงนี้ไปทำให้น้องเจียงหัวไม่พอใจกัน?”
เมื่อชายวัยกลางคนผู้นี้ได้เห็นเสื้อผ้าท่าทางของเจียงหัวแล้วเขาก็รีบยิ้มขึ้นมารับทันที
คนใช้ผู้นี้มีนามว่าฉินกวน ยอดฝีมือเทพถ่องแท้หนึ่งดาว
แต่แม้ว่าเขานั้นจะเป็นถึงเทพถ่องแท้หนึ่งดาว เขาเองก็ยังต้องเคารพและเอาใจเจียงหัวอยู่ไม่น้อย
เพราะพวกเขาทั้งหลายนั้นเป็นคนนอกสกุล แน่นอนว่าทรัพยากรทั้งหลายที่พวกเขาจะได้รับมันต้องผ่านมือเจียงหัว ทำให้อำนาจของเจียงหัวในตระกูลเจียงจึงสูงส่งอย่างมาก
การสร้างสัมพันธ์ดีๆ กับเขาไว้มันย่อมไม่มีทางเสียหายไปได้
เจียงหัวแสดงใบหน้าซีดๆ ออกมา “พี่ฉินกวน น้องถูกคนข่มขู่ วันนี้หวังว่าท่านพี่จะช่วยทำลายความเจ็บแค้นนี้ของน้องได้!”
ฉินกวนกล่าวขึ้นอย่างตื่นตะลึง “มันกลับกล้ามีคนมาข่มขู่น้องจริง? มันไม่รักชีวิตแล้วหรือ? ไหนน้องลองเล่ามาหน่อย!”
ฉินกวนเองก็ไม่ใช่คนโง่นัก เขาย่อมต้องเข้าใจเรื่องราวให้สิ้นก่อน
หากอีกฝ่ายนั้นเป็นเทพถ่องแท้หรือตัวตนที่ไม่อาจลบหลู่ได้เขาย่อมไม่คิดจะเข้าไปช่วยแก้ปัญหาใดๆ
ต่อให้จะเป็นการเอาใจแค่ไหน เขาก็ยังต้องเลือกเป้าหมายที่มันจัดการได้
ได้ยินคำของเจียงหัวใบหน้าของเขาก็ดำมืดลงพร้อมบอกขึ้นด้วยเสียงเย็นเยือก “ช่างเป็นเด็กที่อวดดี! มันคงหลงลืมตัววางอำนาจในเมืองจักรพรรดิมาสินะ? ที่แห่งนี้มันคือยอดเมืองหลวงจักรพรรดิ ต่อให้เป็นเทพถ่องแท้ก็ไม่กล้าทำตัวอาจหาญเช่นนี้ เด็กคนนี้มันคงเบื่อชีวิตแล้วจริงๆ! น้องข้า เจ้าอยากจัดการอย่างไรกับมัน?”
ได้ยินว่าอีกฝ่ายเป็นแค่นภาสวรรค์ไม่กี่คนฉินกวนก็รีบตกลงทันที
งานเอาใจในครั้งนี้เขาพร้อมที่จะรับมัน
นั่นทำให้เจียงหัวแสดงใบหน้าชั่วร้ายออกมาในทันที “หึ! เด็กคนนี้มันอวดดีไม่กลัวฟ้าดิน ถ้ามันแค่ว่าข้ายังพอทนแต่นี่มันไม่คิดไว้หน้าตระกูลเจียงเลย! มันนั้นสมควรตาย! พี่ฉินกวน ข้าจะรีบตามหาที่พักของมันให้ได้ในเร็ววัน เมื่อถึงเวลานั้นคงต้องขอพึ่งท่านแล้ว!”
ฉินกวนยกมือขึ้นมาตบหน้าอกของตน “ไว้ใจข้าได้เลย”
เมื่อเจียงหัวได้เห็นว่าอีกฝ่ายรับคำแล้วเขาก็ยิ้มขึ้น “พี่ฉินกวนวางใจได้ หลังจากเรื่องนี้จบลงแล้วข้าต้องขอบคุณท่านอย่างงามแน่”
…
เมื่อต้องกลับมาพร้อมเรื่องราวเช่นนี้เซียวเฟิงจึงมีใบหน้าท่าทางรู้สึกผิดอย่างสุดขีด
“เย่หยวน ขอโทษด้วย ท่านอาจารย์นั้นมีบุญคุณกับเซียวผู้นี้เท่าขุนเขา ข้ายอมทนเห็นผู้อื่นมาว่าท่านไม่ได้จริงๆ”
เย่หยวนยิ้มตอบ “ข้ายังไม่ทันได้ขอบคุณท่านเลยแล้วท่านมาขอโทษเรื่องใด? ผู้ช่วยคนนั้นมันวางหัวไว้สูงเหนือฟ้าต่อให้เป็นเทพถ่องแท้ที่มามันก็คงไม่พ้นถูกไล่กลับไปแน่ มีเหตุผลใดที่เราต้องไปเสียเวลากับคนเช่นนั้นด้วย?”
“แต่หากไม่มีเส้นสายของผู้อาวุโสเจียงหยวนแล้วการเดินทางครั้งนี้ของเรามันจะไม่เสียเปล่าหรือ?” เซียวเฟิงกล่าวขึ้นด้วยท่าทางตะกุกตะกัก
“ตราบที่หนทางยังไม่มืดมิดเราย่อมหาทางออกได้เสมอ” เย่หยวนบอก
“นายท่าน เราจะทำอย่างไรกันต่อไปดี?” หนิงเทียนปิงบอก
เย่หยวนจึงบอกขึ้น “ในเมื่อเส้นทางข้างหน้ามันถูกปิด ตอนนี้เราก็ไปหาซื้อสมุนไพรวิญญาณกันก่อนเถอะ เมื่อใดที่ตงน้อยได้พลังฝีมือคืนมาถึงอาณาจักรเทพถ่องแท้ความปลอดภัยของพวกเราทั้งหลายมันก็คงมั่นคงขึ้น”
นี่คือยอดเมืองหลวงจักรพรรดิที่มีเทพถ่องแท้เดินอยู่ทุกหนแห่ง แน่นอนว่าพลังฝีมือของพวกเย่หยวนในตอนนี้มันจะอ่อนแอเกินไปหน่อย
หากได้มีเทพถ่องแท้อยู่ข้างกายด้วยมันย่อมทำให้เขาสบายใจกว่ามาก
เรื่องนี้เองก็เป็นการเตรียมพร้อมรับมือเจียงหัวด้วยเช่นกัน แต่เย่หยวนเองก็ไม่นึกไม่ฝันว่าอีกฝ่ายจะเริ่มลงมือเตรียมแผนการไปแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...