เจ้าของร้านแห่งนี้เป็นชายวัยกลางคนสวมหมวกสักหลาด ดูท่าทางตอนนี้ก็ไม่สู้ดีนัก
แม้จะเห็นอาจารย์เซินชางคนนี้ตะโกนร้องขึ้นยมาแต่เขาก็ตอบกลับไปอย่างหนักแน่น “ข้าก็บอกท่านไปแล้วว่ากิเลนดินนี้จะแลกแต่กับโอสถฟื้นหทัยหยกประณีตขั้นเทวะเท่านั้น ต่ำกว่าขั้นเทวะไปมันย่อมไม่มีค่าใดๆ แล้ว!”
เซินชางรู้สึกหมดสิ้นหนทางได้แต่ชี้หน้าว่าชายวัยกลางคนผู้นั้น “เจ้าออกไปถามดูที่ไหนก็ได้ว่าในยอดเมืองหลวงจักรพรรดิทองวาวนี้นอกจากข้าเซินชางแล้วมีใครบ้างที่จะหลอมโอสถฟื้นหทัยหยกประณีตได้ถึงขั้นสวรรค์? เว้นเสียแต่ว่าท่านเทพสวรรค์เฟียวหยูจะลงมือเอง ไม่เช่นนั้นแล้วต่อให้เจ้าจะรออีกเป็นหมื่นๆ ปีมันก็ไม่มีทางจะได้โอสถขั้นเทวะมาครองหรอก!”
โอสถฟื้นหทัยหยกประณีตนั้นเป็นโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับห้าความยากเก้า นับได้ว่าเป็นโอสถวิเศษของระดับห้าเลยก็ว่าได้ ความยากในการหลอมของมันจึงไม่ได้ต่ำไปกว่าโอสถฟ้าตะวันจันทราเลย
ต่อให้เป็นเซิงชางผู้นี้เองที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วหากคิดอยากจะหลอมโอสถให้มันได้ถึงขั้นเทวะ เขาก็ต้องพึ่งโชคอยู่ไม่น้อย
ขั้นสวรรค์สุดและขั้นเทวะนั้นมันอาจจะฟังดูไม่ห่างกันมากมาย แต่ในความเป็นจริงแล้วมันแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน
มันเป็นความแตกต่างของผู้รู้และผู้ไม่รู้
ด้วยพลังฝีมือของเซินชางหากเขาเฝ้าหลอมต่อไปเรื่อยๆ แล้วมันคงสามารถจะหลอมขั้นเทวะออกมาได้สักวัน
แต่เพียงแค่ว่าการทำเช่นนั้นมันจะต้องเสียสมุนไพรไปอย่างมากมายมหาศาล แน่นอนว่าราคาของมันย่อมจะสูงลิ่ว
ชายวัยกลางคนเจ้าของร้านจึงตอบกลับมา “เช่นนั้นข้าก็จะรอให้มันปรากฏขึ้นมา”
เซินชางแทบสำลักเมื่อได้ยินเช่นนั้น ความผิดหวังนั้นปรากฏขึ้นมาให้เห็นเต็มใบหน้าของเขา
“เจ้า… ทำไมเจ้าจึงได้ดื้อรั้นเช่นนี้?”
ชายคนนั้นเห็นความกังวลของเซินชางจึงได้ยกมือขึ้นคารวะและบอกเล่าเรื่องราว “อาจารย์เซินชาง ข้านั้นรู้ดีว่าท่านนั้นมีฝีมือการโอสถที่เหนือล้ำผู้คน แต่อาการบาดเจ็บของพี่น้องข้านั้นมันต้องใช้โอสถฟื้นหทัยหยกประณีตขั้นเทวะเท่านั้นถึงจะรักษาได้ กิเลนดินนี้ ข้าขายให้ท่านไม่ได้จริงๆ โปรดอภัยด้วย”
เมื่อเซินชางได้ยินสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนจากกังวลเป็นสิ้นหวัง
แค่เห็นก็รู้ได้ว่าเขานั้นต้องการกิเลนดินนี้มากแค่ไหน
“หากข้าสามารถนำโอสถฟื้นหทัยหยกประณีตขั้นเทวะมาได้ ท่านจะยอมขายกิเลนดินนี้ให้ข้าหรือไม่?” คนทั้งสองยังคุยกันไม่ทันจบแต่ก็มีเสียงหนึ่งแทรกขึ้นมา
คนทั้งสองหันไปมองและพบเจ้ากับชายหนุ่มผู้หนึ่งกำลังเดินเข้ามาหา
และแน่นอนว่านั่นย่อมเป็นเย่หยวน
เมื่อเซินชางเห็นภาพนั้นเขาก็สะบัดแขนเสื้อกล่าวขึ้น “เจ้าเด็กน้อยคนนี้มันมาจากไหน อย่าได้มาสร้างเรื่องที่นี่!”
เมื่อชายวัยกลางคนผู้นั้นได้ยินทีแรกดวงตาของเขาย่อมเบิกกว้าง แต่เมื่อเห็นว่าเย่หยวนเป็นคนเด็กหนุ่มคนหนึ่งเขาก็หมดความสนใจลงทันที
“เด็กน้อย อย่าได้มาล้อข้าเล่น ข้าขอไม่เป็นที่หัวเราะของผู้คน! มาทางไหนก็ไปทางนั้นเสีย!”
แม้ว่าเย่หยวนนั้นจะมีพลังฝีมือที่ไม่ธรรมดาแต่มันย่อมไม่มีทางเข้าสายตาของพวกเขาทั้งสองได้
เพราะในยอดเมืองหลวงจักรพรรดิทองวาวนี้นภาสวรรค์เจ็ดดาวนั้นมันมีมากมายคนไม่อาจนับได้ ทำไมพวกเขาถึงต้องสนใจคนเช่นนั้นด้วย?
เซินชางนั้นย่อมเหนือล้ำ เป็นถึงเทพถ่องแท้ขั้นปลายและยังเป็นจอมเทพโอสถหกดาวด้วย
ส่วนทางชายวัยกลางคนเจ้าของร้านเองก็เป็นถึงเทพถ่องแท้หนึ่งดาวเช่นกัน
แต่เย่หยวนกลับไม่คิดสนใจและยิ้มตอบกลับไป “ข้าเองก็ไม่ได้มีเวลามาล้อท่านเล่นหรอก กิเลนดินนี้มันสำคัญกับข้ามากเช่นกัน หากท่านอยากแลกมันกับโอสถฟื้นหทัยหยกประณีตขั้นเทวะจริงๆ ข้าก็จะหลอมให้ท่าน แล้วเราค่อยมายื่นหมูยื่นแมวกัน”
คำพูดของเย่หยวนี้มันทำให้หลายผู้คนเริ่มหันมาสนใจมอง
“เจ้าเด็กคนนี้มันมาจากไหนกัน? ถึงกับกล้ามาแย่งสมุนไพรจากมือปรมาจารย์เซินชาง?”
“มันถึงขั้นบอกว่าจะหลอมโอสถฟื้นหทัยหยกประณีตขั้นเทวะให้ ช่างเป็นการผายลมที่ดังลั่นจริงๆ”
“หึ หน้าไม่อาย! โอสถฟื้นหทัยหยกประณีตนั้นแม้แต่ท่านเซินชางยังต้องลำบากเตรียมการมากมายกว่าจะหลอมมันขึ้นมาได้ จะบอกว่าตัวมัน จอมเทพโอสถห้าดาวนั้นสามารถหลอมได้?”
…
ชื่อเสียงของเซินชางนั้นย่อมเลื่องลือ คนทั้งหลายที่เดินผ่านไปมาก็ย่อมจดจำเขาได้
นภาสวรรค์ผู้หนึ่งที่จู่ๆ ก็โผล่ขึ้นมาจากที่ไหนไม่ทราบได้กลับบอกว่าจะหลอมโอสถฟื้นหทัยหยกประณีตขั้นเทวะ เรื่องเช่นนี้มันย่อมสุดแสนจะน่าขัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...