“นายท่าน!”
เมื่อเห็นว่าเย่หยวนถูกจับไปต่อหน้าต่อตาเช่นนั้นเหล่าผู้คนทั้งหลายจึงร่ำร้องออกมา
หลายต่อหลายคนนั้นถึงขั้นก้มคุกเข่ากราบลงในทิศทางที่เย่หยวนจากไป
พวกเขานั้นรู้ดีอย่างเต็มอกว่าที่เย่หยวนถูกคนทั้งหลายนี้จับตัวไปมันเป็นเพราะว่าเขาต้องการจะปกป้องชาวเมือง
ผู้บ่มเพาะกายนั้นเมื่อต้องปิดพลังกายและเส้นเลือดไปแล้วมันก็ไม่ต่างอะไรกับการถูกปิดผนึกทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของนักยุทธ์ทั่วๆ ไป ไม่อาจจะใช้พลังกายที่เหนือล้ำนั้นออกมาได้อีก
เย่หยวนทำเช่นนั้นมันย่อมหมายถึงการปล่อยให้อีกฝ่ายนั้นมัดมือตน กลายเป็นได้เพียงหมูบนเขียงรอวันเชือด
ไป๋เฉิน หนิงเทียนปิงและเล้งชิวหลิงนั้นต่างอดทนไม่ไหวพุ่งตัวตามขึ้นไปหวังว่าจะหยุดคนทั้งหลายไว้
“ปล่อยอาจารย์ข้านะ!”
“นายท่าน ข้าไม่ยอมให้พวกมันนำตัวท่านไปแน่!”
…
เมื่อซูเหมาเห็นภาพนั้นเขาก็ยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย
“หยุด!”
แต่จู่ๆ กลับเป็นเย่หยวนก็ร้องห้ามขึ้น
ไป๋เฉินและพวกจึงได้แต่หยุดเท้าลงทันที
เย่หยวนมองดูคนทั้งหลายด้วยใบหน้าโกรธเคือง
ไป๋เฉินและพวกนั้นไม่เคยได้เห็นใบหน้าของเย่หยวนที่แสดงอารมณ์โกรธแค้นมากเท่านี้มาก่อน
เย่หยวนจ้องมองอย่างรุนแรงพร้อมกล่าวขึ้น “พวกเจ้ากลับไปเสีย! ใครก็ตามที่คิดก้าวเข้ามาอีกแม้แต่ก้าวเดียววันหน้าอย่ามานับว่าข้าเป็นคนรู้จักของพวกเจ้าอีก!”
นั่นทำให้ทุกผู้คนหน้าถอดสีไปอย่างไม่กล้าจะพูดอะไรอีก
ซูเหมาที่เห็นเช่นนั้นจึงยิ้มขึ้นมา “ช่างเป็นภาพที่น่าซาบซึ้งจริง! แต่… ยอมให้ตัวเองถูกจับเพื่อปกป้องมดปลวกทั้งหลาย ข้าต้องยอมรับเลยว่าเจ้านี่มันโง่เง่าจริงๆ”
เย่หยวนนั้นยังคงใบหน้าเรียบเฉยไว้ได้ในตอนที่พูดคุยกับซูเหมาและเขาเพียงแค่ตอบกลับไปสั้นๆ “ไปกัน”
เท่านี้เย่หยวนก็ถูกจับตัวไปภายใต้สายตาของทุกผู้คน
“เฮ้อ การได้มาพบเจ้าเจ้าเมืองเช่นนี้เรามันช่างมีโชคดีเป็นล้นพ้น! หากเป็นเมืองอื่นแล้วต่อให้เราจะถูกฆ่าสังหารล้างเมือง ท่านเจ้าเมืองก็คงไม่คิดแม้แต่จะขมวดคิ้วให้”
“นายท่านถูกพาตัวไปเช่นนั้นแล้ว…เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์จะเป็นอย่างไรต่อไป?”
“ไม่ว่าจะอย่างไรเสียเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นี้ก็จะเป็นบ้านของข้าไปตลอดชีวิต!”
…
การที่เย่หยวนยอมสละตนเพื่อช่วยเหลือผู้คนเช่นนี้มันย่อมทำให้ผู้คนทั้งหลายซาบซึ้งอย่างมาก
ในโลกของนักยุทธ์ผู้บ่มเพาะตนนั้นมันเป็นโลกที่แสนเห็นแก่ตัว
แต่ก็เป็นเพราะเช่นนั้นเองที่ทำให้การกระทำนี้ของเย่หยวนมันทรงคุณค่ามากขึ้นในจิตใจของผู้คน
เพราะแม้พวกเขาทั้งหลายนั้นจะเพิ่งพบเจอเรื่องราวสุดน่าหวาดกลัวแต่หลายต่อหลายคนก็ได้ตัดสินใจที่จะเรียกเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นี้ว่าบ้านไปแล้ว
ภายในจวนเจ้าเมืองในตอนนี้พวกไป๋เฉินทั้งหลายได้แต่กัดฟันแน่นด้วยใบหน้าโศกเศร้า
พวกเขานั้นไม่รู้เลยว่าเหล่าเทพถ่องแท้ทั้งหลายนั้นมาจากค่ายสำนักใด แต่ค่ายสำนักที่สามารถส่งกำลังเทพถ่องแท้ออกมาได้มากมายขนาดนั้นมันย่อมมิใช่กองกำลังที่ธรรมดาแน่
“ให้ตายสิ! ให้ตาย! นี่มัน… มันเป็นพวกเราที่อ่อนแอเกินไป!” ไป๋เฉินร่ำร้องขึ้นมาด้วยน้ำตานองหน้า
เหล่าคนที่เหลือก็ได้แต่นิ่งเงียบ
เพราะแม้แต่ไป๋เฉิน เทพถ่องแท้ผู้นี้ยังไม่อาจทำอะไรได้ แล้วพวกเขาเหล่านภาสวรรค์ทั้งหลายจะไปช่วยเหลืออะไรได้?
พวกเขานั้นพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะตามรอยเท้าของเย่หยวนแต่นับวันความห่างระหว่างตัวพวกเขาทั้งหลายและเย่หยวนมันกลับยิ่งกว้างออก
จนสุดท้ายแล้วก็เป็นเย่หยวนที่ต้องมาปกป้องพวกเขาทั้งหลาย
แต่ระหว่างที่คนทั้งหลายนั้นยังคงมึนงงไม่อาจคิดได้ว่าจะต้องทำอะไรต่อไปก็มีเงาร่างหนึ่งบินเข้ามาในจวนเจ้าเมือง
‘ตุบ!’
ไป๋ตงโยนร่างหนึ่งลงสู่พื้นเบื้องหน้าและมันจะเป็นใครไปได้นอกจากลู่ซิน?
สภาพของลู่ซินในตอนนี้เขาได้ถูกปิดผนึกทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ไปเรียบร้อยและได้เพียงแค่นอนอยู่ตรงนั้นอย่างไม่มีแรงขัดขืน
เมื่อไป๋ตงเข้ามาถึงเขาก็สัมผัสได้ทันทีว่าบรรยากาศภายในมันผิดปกติอย่างมากจึงได้ถามขึ้นมา “เกิดอะไรขึ้น? เย่หยวนเล่า?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...