‘อ่อก!’
เมื่อสิ้นเสียงนั้นเย่หยวนก็ต้องกระอักเลือดออกมาคำโตในทันที
เพราะการไหลเวียนของกระแสพลังและกระแสเลือดในร่างกายมนุษย์มันย่อมมีกฎของมันดี
การใช้เข็มทองปักจุดนี้มันจะทำให้คลื่นพลังและกระแสเลือดภายในร่างของคนผู้นั้นไหลย้อนกลับ มันคือการที่กระแสเลือดและพลังชีวิตทั้งหมดถูกบังคับให้ไหลย้อนจากความปกติแน่นอนว่าย่อมสร้างภาระที่หนักหนาให้แก่ร่างกาย
ภายในเวลาที่กระแสพลังชีวิตไหลย้อนกลับนี้มันจะทำให้คนผู้นั้นได้รับความแข็งแกร่งที่เหนือกว่าเก่าอย่างมากมายแต่หลังจากนั้นมันจะมีเพียงแค่ความตายที่รอคอยพวกเขาผู้ใช้วิธีการนี้
การที่เย่หยวนกระทำเช่นนั้นมันย่อมเท่ากับการแลกชีวิตกับศัตรู ผลที่ตามมามันย่อมเหนือล้ำอย่างไม่อาจต้านทาน
ซูเหมามองดูเย่หยวนด้วยใบหน้าที่เหยเก “เจ้า… เจ้าบ้าเอ๊ย เจ้าคิดที่จะตายลงตรงนี้แล้วหรือ?”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “วางใจเถอะ เรื่องนี้มันย่อมไม่อาจเอาชีวิตข้าได้! กายทองคำสัมบูรณ์นั้นมันแข็งแกร่งกว่าที่เจ้าคาดคิดมาก! ตอนนี้พวกเจ้าทั้งหลายจงหนีให้สุดชีวิตเถิด แต่… พวกเจ้านั้นต้องเร็วกว่าข้าให้ได้!”
‘ปัง!’
เย่หยวนเองก็ไม่คิดรีรอและพุ่งตัวเข้าโจมตีนักฆ่าคนหนึ่งในพริบตา
แค่หมัดเดียวนี้ก็ส่งร่างของคนผู้นั้นลอยปลิวไปได้
จากนั้นเย่หยวนก็ชี้นิ้วมือออกใช้ดัชนีทำลายทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของอีกฝ่าย
แต่เย่หยวนก็ไม่คิดจะสนใจสภาพของอีกฝ่ายเขายกร่างนั้นขึ้นมาราวกับมันเป็นหมูหมาและรีบวิ่งตามนักฆ่าอีกคนไป
สภาพของเย่หยวนในตอนนี้มันเปี่ยมไปด้วยพลังแข็งแกร่งมากเหนือกว่าก่อนหน้าอย่างมากมาย
ก่อนหน้านี้ตอนที่สู้กันในเมืองพวกเขาทั้งหลายยังไม่อาจต้านทานเย่หยวนได้ ในเวลานี้ยิ่งไม่ต้องพูดถึง
บนเสื้อผ้าของเย่หยวนนั้นเต็มไปด้วยรอยเลือดที่ลากเป็นทาง
ซูเหมาที่เห็นเช่นนั้นย่อมไม่กล้าที่จะอยู่ต่อไป เขาทำได้เพียงแค่รีบพุ่งตัวหายไปในทันที
ส่วนนักฆ่าอีกสองคนนั้นก็มีความคิดไม่ต่างกับเขา เพียงแค่ว่าพวกเขาทั้งหลายนั้นแยกย้ายกันหนีไปคนละทิศทาง
พวกเขานั้นหวังเพียงแค่ว่าเย่หยวนจะไม่ตามติดไปในทิศทางของตน
เย่หยวนหัวเราะออกมาก่อนจะตามไปถึงตัวนักฆ่าอีกคนได้ในทันที
‘ปึก! ปึก! ปึก!’
สามหมัดถูกปล่อยออกมาเป็นชุดโดยที่หมัดหลังหนักแน่นกว่าหมัดหน้าอย่างมาก
นักฆ่าผู้นั้นตั้งรับได้เพียงชั่วอึดในหน้าอกก็กลายเป็นรูไป
จากนั้นเย่หยวนก็ใช้ดัชนีเดิมพุ่งทลายทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของอีกฝ่ายไป
การกระทำของคนทั้งหลายนั้นมันทำให้เย่หยวนแทบคลั่ง สภาพของเย่หยวนในตอนนี้คือปีศาจคลั่งที่กระหายความแค้นมีหรือที่จะยังมาทำการประนีประนอมใด?
แน่นอนว่าฝีเท้าของเหล่าเทพถ่องแท้ทั้งหลายนั้นย่อมรวดเร็วเมื่อพุ่งตัวผ่านมิติไปมันย่อมเป็นระยะนับหมื่นกิโลเมตร
ในชั่วพริบตานั้นคนทั้งสองก็ได้พุ่งตัวหนีหายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว
แต่เย่หยวนนั้นได้ติดปราณเทวะไว้กับตัวคนทั้งสอง หากทั้งสองไม่ได้หนีห่างไปไกลจนออกนอกระยะจริงๆ เย่หยวนย่อมจะสามารถติดตามพวกเขาทั้งสองได้
ตอนที่เย่หยวนเป็นแค่นภาสวรรค์หกดาวเขายังมีความเร็วที่เหนือล้ำจนเทพถ่องแท้สี่ดาวอย่างหยูเหวินเฟิงและพวกยังไม่อาจตามทันได้
ตอนนี้เมื่อเย่หยวนก้าวขึ้นมาถึงอาณาจักรนภาสวรรค์เก้าดาวขั้นสุดแล้วความเร็วในการเคลื่อนย้ายมิติของเขามันก็ย่อมจะพัฒนาขึ้นหลายเท่าตัวจนตามเทพถ่องแท้สองดาวทันได้อย่างง่ายดาย
เหตุผลที่เขาเลือกจะลงมือในพื้นที่นี้มันเป็นเพราะว่าที่นี่เป็นพื้นที่ราบกว้างทำให้เย่หยวนสามารถใช้พลังของเคลื่อนย้ายมิติออกมาได้อย่างเต็มที่
เย่หยวนนำเชือกออกมามัดร่างของนักฆ่าทั้งสองที่นอนแน่นิ่งก่อนจะลากร่างทั้งสองนั้นตามไปด้วย
จากนั้นเขาก็ก้าวเท้าออกและจางหายไปจากจุดที่ยืน
หลังจากผ่านไปได้ไม่กี่อึดใจเย่หยวนก็ตามไปจับนักฆ่าคนที่สามและทำลายพลังบ่มเพาะของเขาลงก่อนจะมัดเขารวมเข้ากับคนทั้งสองด้วยเชือกเดียวกันนั้น
ตอนนี้ผู้ที่เหลือรอดมันจึงมีแค่ซูเหมาคนเดียว
สภาพของซูเหมาในตอนนี้มันเหมือนสุนัขที่ลืมบ้าน พยายามจะวิ่งหนีให้สุดชีวิต
เขานั้นใช้ปราณเทวะออกมาจนถึงที่สุดพร้อมภาวนาในใจว่าขอให้เย่หยวนหาตัวเขาไม่เจอ
เวลาผ่านไปเรื่อยแต่เขาก็ยังไม่พบเย่หยวนดั่งที่เขาภาวนา
ซูเหมาได้ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก แต่เขาก็ยังไม่ได้วางใจอย่างสมบูรณ์
“ข้าหนีได้แน่! ข้าต้องหนีได้! มันนั้นใช้วิชากลับกระแสและคงทนทานมันได้ไม่นานนัก ตราบเท่าที่ข้าหลบรอดได้จนถึงเวลานั้นข้าย่อมจะหนีไปได้!”
ซูเหมานั้นร่ำร้องขึ้นในใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...