หลู่ซือยีนั้นแสดงสีหน้าท่าทางเย้ยหยันออกมาอย่างถึงที่สุด
พลังของดาบเบื้องหน้านี้มันดูจะรุนแรงกว่าดาบก่อนๆ แค่ไม่มากมายนัก
นี่หรือคือไม้ตายของเย่หยวน?
ดีแต่ปาก ดูท่าแล้วสุดท้ายเจ้าเด็กคนนี้มันก็จะมีพลังเพียงเท่านี้
ในพริบตาพลังของดาบสลักกลวงก็ได้ปะทะชนเข้ากับพลังของดาบห้าธาตุในที่สุด
‘ครึม!’
บ้านเรือนรอบๆ นั้นหายกลายเป็นฝุ่นผงไปทันทีราวกับว่ามันไม่เคยจะมีตั้งอยู่มาก่อน
นั่นทำให้ใบหน้าท่าทางดูถูกของหลู่ซือยีเปลี่ยนกลายเป็นความตื่นตะลึง
เพราะตอนนี้ปลายดาบนั้นมันกลับส่งคลื่นพลังที่ราวกับว่าจะถล่มทลายผืนฟ้าออกมา
หลู่ซือยีนั้นมีใบหน้าที่ขาวซีดพยายามที่จะใช้ปราณเทวะของตนออกมาอย่างถึงที่สุดจนฟ้าดินปั่นป่วน ธาตุทั้งห้านั้นส่งพลังออกมาเกื้อหนุนกันอย่างไม่มีสิ้นสุดพยายามที่จะกดดันพลังอันรุนแรงของดาบนั้นไว้
เพียงแค่ว่าทุกสิ่งอย่างมันช่างเปล่าประโยชน์
หลู่ซือยีรู้สึกราวกับว่าดาบของเย่หยวนนี้เป็นคลื่นยักษ์ที่สาดโถมใส่ฟ้าดินจนพังถล่มทลาย
ไม่ว่านางจะใช้แนวคิดแห่งธาตุทั้งห้าออกมาเท่าไหร่ มันก็ไม่อาจจะต้านทานพลังของดาบนี้ไว้ได้
‘อ่อก!’
หลู่ซือยีต้องกระอักเลือดออกมาคำโต ร่างปลิวลอยไปด้วยดาบเดียวนี้จนต้องไปนอนกองอยู่กับพื้น
สภาพของหลู่ซือยีในตอนนี้มันเป็นสภาพสุดแสนน่าสมเพชมีหรือที่จะยังมีภาพของนางฟ้านางสวรรค์ใดๆ อีก?
นางนั้นพยายามที่จะลุกยันตัวกลับขึ้นมาแต่ดาบของเย่หยวนมันก็ได้มาชี้ถึงตรงหน้าเสียแล้ว
ดาบนี้ของเย่หยวนมันสุดแสนที่จะรุนแรงจนทำให้เครื่องในอวัยวะของนางนั้นได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส
“นี่หรือคือความมั่นใจของเจ้า? ก็แค่เท่านี้ ตอนนี้เจ้านั้นอ่อนแอเสียยิ่งกว่าคนชั้นต่ำทั้งหลายที่เจ้าพูดถึงเสียอีก ยังมีหน้ามาดูถูกผู้คนอีกหรือ?”
เย่หยวนมองดูหลู่ซือยีด้วยสายตาเย้ยหยัน
ก่อนหน้านี้ไม่กี่วินาทีตัวหลู่ซือยียังเป็นนางฟ้านางสวรรค์ผู้สูงส่งมองดูโลกเบื้องล่างด้วยความเหยียดหยัน
แต่ตอนนี้กลับเป็นเย่หยวนที่กำลังก้มลงมองนางด้วยสีหน้าท่าทางเยาะเย้ย
ความภาคภูมิใดๆ ของนางนั้นได้ถูกเย่หยวนทำลายลงจนสิ้น
“อัจฉริยะบ้าบอใดกัน เมื่ออยู่ต่อหน้าท่านเย่หยวนมันก็ไร้ค่า!”
“แข็งแกร่งเสียจริงๆ! ท่านเย่หยวนนั้นช่างแข็งแกร่งนัก! ยอดฝีมือที่บรรลุแนวคิดแห่งธาตุทั้งห้ายังไม่อาจจะเทียบเปรียบได้”
“ฮ่าๆ สะใจจริง! นางนี่มันชอบดูถูกพวกเราคนชั้นต่ำนักมิใช่หรือ? แล้วตอนนี้ตัวมันเป็นอย่างไรบ้างเล่า?”
…
เหล่านักยุทธ์ทั้งหลายในเมืองต่างโห่ร้องกันอย่างบ้าคลั่ง
ไม่มีใครคิดใครฝันว่าเย่หยวนจะสามารถชนะผู้บรรลุสำเร็จธาตุทั้งห้าได้อย่างขาดลอยเช่นนี้
เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียหลู่ซือยีผู้นี้มันก็ยังมีพลังบ่มเพาะที่เหนือล้ำกว่าเย่หยวน!
สำหรับเทพถ่องแท้แล้วความแตกต่างหนึ่งขั้นนี้มันเป็นอะไรที่ต้องใช้เวลานับพันๆ หรือหมื่นๆ ปีกว่าจะก้าวข้ามไป
แน่นอนว่านั่นมันพูดถึงเหล่าอัจฉริยะ
สำหรับคนธรรมดาทั่วๆ ไปแล้วแค่หนึ่งดาวมันก็มากพอที่จะใช้เสียเวลาไปนับแสนปี!
หลู่ซือยีนั้นมีใบหน้าที่สุดแสนจะแค้นเคือง นางไม่นึกไม่ฝันว่าตนจะต้องมาแพ้พ่ายให้กับเทพถ่องแท้สามดาวผู้หนึ่งในเมืองสุดแสนบ้านนอกเช่นนี้
เรื่องราวในครั้งนี้มันทำให้ความมั่นใจใดๆ ของนางนั้นหายไปจนสิ้น
ในเวลานี้ทหารเกราะดำผู้มองดูสถานการณ์อยู่ไม่ไกลก็ร้องขึ้นมา “เจ้าหนู เบื้องหลังคุณหนูซือยีนั้นยังมีเทพสวรรค์หลู่เหยียนอยู่ หากเจ้ากล้าทำอะไรตัวนางแล้วเจ้าคงต้องได้ตายไปพร้อมๆ กับนางแน่!”
ได้ยินเช่นนั้นทุกผู้คนต่างก็สั่นกลัวขึ้นมา
เทพสวรรค์นั้นคือตัวตนที่พวกเขาย่อมไม่เคยคิดฝันถึง เพราะมันเป็นตัวตนที่อยู่เหนือกว่าที่พวกเขาจะอาจเอื้อม!
เมื่อใดที่เทพสวรรค์พิโรธแล้วมันย่อมจะเปลี่ยนแปลงให้แผ่นดินกลายเป็นนรกไป!
หากพวกเขาไปท้าทายเทพสวรรค์เข้าแล้วเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์น้อยๆ นี้จะต้านทานรับไว้ได้หรือ?
หลู่ซือยีมองดูที่เย่หยวนด้วยรอยยิ้มแห่งผู้มีชัย “พ่อข้านั้นคือเจ้าเมืองแห่งยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์ หลู่เหยียน ต่อให้เจ้าจะชนะข้าได้แล้วมันจะทำไม?”
เย่หยวนได้แต่ส่ายหัวออกมาพร้อมหัวเราะ “คนที่ข้าเย่หยวนคิดอยากสังหาร ต่อให้จะเป็นจักรพรรดิเทพสวรรค์มาข้าก็จะไม่ไว้หน้าให้! ถึงจะเป็นเทพสวรรค์แล้วมันจะเป็นอย่างไร?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...