จอมเทพโอสถ นิยาย บท 2006

“ฮ่าๆ!”

หลังจากความเงียบงันนั้นเลือนหายไปมันก็กลายเป็นเสียงหัวเราะลั่นอย่างบ้าคลั่งจนทำให้พื้นดินสั่นไหว

การที่เทพถ่องแท้สามดาวผู้หนึ่งบอกว่าจะทำลายกองทัพใหญ่ด้วยตัวคนเดียวนั้นมันย่อมจะทำให้คนทั้งหลายขำจนท้องแข็ง

“เด็กน้อย ต่อให้ไม่นับพวกข้าเหล่าเจ้าเมืองยอดฝีมือเทพถ่องแท้เก้าดาวทั้งหลาย ต่อให้เป็นเหล่าเทพถ่องแท้แปดดาวที่ติดตามเรามานั้นมันก็สามารถฆ่าสังหารเจ้าได้ด้วยมือข้างเดียว! แต่เจ้านั้นกลับจะมาอวดอ้างตัวว่าสามารถฆ่าสังหารพวกเราทั้งหลายได้อย่างนั้นหรือ?” ยอดฝีมือเทพถ่องแท้เก้าดาวเจ้าเมืองผู้หนึ่งหัวเราะบอกขึ้น

“เด็กน้อย เราจะอยู่ดู ดูว่าเจ้าจะล้างบางสังหารเราอย่างไร!”

“กลัวแล้ว! เจ้าดูข้าสิ ขาสั่นไปหมดแล้ว!”

“ฮ่าๆ!”

เสียงหัวเราะดังขึ้นสนั่นฟ้าดิน

ทุกผู้คนนั้นต่างมองดูเย่หยวนด้วยความตลกขบขันเห็นเขาเป็นเพียงแค่คนโง่

ก่อนที่จะมานั้นพวกเขาทั้งหลายต่างคิดว่าเย่หยวนนั้นเป็นยอดคนมากพรสวรรค์ ไม่นึกไม่ฝันว่าจะเป็นคนโง่ไร้สมองเช่นนี้ไปได้

เรื่องนี้มันทำให้ความกังวลใดๆ ที่คนทั้งหลายมีจางหายไปในพริบตา

เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียเป้าหมายก็ได้มาเล่นมุกตลกต่อหน้าพวกเขาก่อนที่จะตายลง

แต่ทว่ามันยังมีคนที่ขำไม่ออกอยู่

ในกองทัพนั้นหยูเหวินเฟิงมีใบหน้าซีดเซียว

เขานั้นไม่นึกไม่ฝันว่าเย่หยวนจะทำการจัดการกับกองทัพทั้งหลายนี้ด้วยตัวคนเดียว

แม้ว่าคำพูดของเย่หยวนนั้นมันจะฟังดูน่าขำขันเพียงใดแต่เขานั้นเข้าใจในวิธีการของเย่หยวนมากกว่าคนอื่นๆ หลายเท่านัก

การที่จะสามารถพูดจาอะไรเช่นนี้ออกมาได้มันย่อมจะมีคนแค่สองพวกที่ทำ หนึ่งคือคนโง่เง่าอย่างไร้ทางแก้หรือคนที่มีไม้เด็ดซ่อนไว้จริงๆ

หยูเหวินเฟิงนั้นได้เห็นว่าเย่หยวนนั้นจะจัดการกับประตูวิญญาณมรณาลงอย่างไร ตัวเย่หยวนนั้นทำการวางแผนและดำเนินไปตามขั้นตอนอย่างละเอียดไม่มีทางปล่อยให้เกิดความผิดพลาด สุดท้ายแม้แต่มดปลวกก็ยังไม่อาจหนีรอดไปจากภารกิจกวาดล้างครั้งนั้น

คนเช่นนี้หรือจะเป็นคนโง่เง่าอย่างไร้ทางแก้ไปได้?

นั่นมันย่อมจะหมายความว่าเย่หยวนมีไม้เด็ดอยู่จริง!

เพียงแค่เขานั้นไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าเย่หยวนกำลังปิดซ่อนอะไรเอาไว้กันแน่

เย่หยวนที่ได้ยินเช่นนั้นจึงถอนหายใจยาวออกมา “ดูท่าคำเตือนของข้ามันจะไร้ผล เดิมทีข้านั้นก็ไม่อยากทำการฆ่าล้างสังหารนักหรอก แต่ในเมื่อพวกเจ้ายอมที่จะตายเองแล้ว ก็อย่าได้มาโทษข้าแล้วกัน”

เทพถ่องแท้เก้าดาวผู้นั้นจ้องมองดูเย่หยวนราวกับคนโง่ก่อนจะกล่าวขึ้น “ข้าล่ะไม่เข้าใจจริงๆ ว่าท่านหลู่เหยียนจะเรียกกำลังทัพขนาดนี้มาเพื่อจัดการเจ้าโง่เช่นเจ้าทำไม คนเช่นนี้ส่งยอดฝีมือไปสักคนสองคนมันก็มากพอจะกำจัดทิ้งแล้ว เด็กน้อย เจ้าเมืองผู้นี้จะช่วยส่งเจ้าลงนรกให้เอง เจ้าจะได้ไม่ต้องมาแสดงความโง่ให้ผู้คนได้หัวเราะเยาะอีก”

พูดจบเขาผู้นั้นก็พุ่งร่างเข้ามาหาเย่หยวนในพริบตา

แต่ในตอนนั้นเองที่ร่างของเย่หยวนกลับดูเบลอขึ้น

‘ปัง!’

ฝ่ามือของเขานี้มันกลับปะทะเข้ากับพื้นที่ว่างเปล่า

ยอดฝีมือผู้นั้นเบิกตากว้าง “เคลื่อนย้ายมิติ! ก็ว่าสิว่าทำไมมันถึงได้โอหังนัก แต่… นี่หรือคือไม้ตายของเจ้า? พวกเรา บุกเข้าไปพร้อมกับ ทำลายเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ทิ้งเสีย!”

‘ครึม!’

เสียงการเดินทัพครั้งนี้มันดังสนั่นด้วยกองทัพห้าสวรรค์ที่มีจำนวนกว่าครึ่งหมื่นมุ่งหน้าเข้าหาเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์พร้อมๆ กัน

แต่ในเวลานั้นเองที่มันกลับเกิดฝนสีเขียวอ่อนร่วงไหลลงมาจากท้องฟ้าราวกับน้ำตก

“เอะ? เหตุใดมันถึงเกิดฝนได้?”

“ฝนนี้มันแปลกนัก ทำไมถึงเป็นสีเขียวได้?”

“กลิ่นหอมแท้… ฝนนี้มันกลับมีกลิ่นราวสุรา!”

ท้องฟ้าที่แผ่ไพศาลนั้นจู่ๆ กลับเกิดฝนตกลงมาราวฟ้ารั่วที่สำคัญฝนนี้มันยังแตกต่างจากฝนใดๆ ที่พวกเขาเคยพบเจอเพราะมันมีสีเขียวอ่อนพร้อมด้วยกลิ่นหอมๆ ราวกับสุราทำให้ผู้คนทั้งหลายรู้สึกมึนเมาไปตามๆ กัน

ความแปลกประหลาดนี้มันทำให้กองทัพทั้งหมดหยุดเท้าลงด้วยความมึนงงสงสัย

เหล่าเทพถ่องแท้เก้าดาวที่นำหน้าไปนั้นก็สงสัยไม่แพ้คนอื่นๆ เช่นกัน

แต่ไม่นานพวกเขาก็ได้พบว่ามันมีอะไรผิดแปลกไป

“เดี๋ยวนะ! มันมีอะไร… แปลกๆ กับฝนนี้!”

ทุกผู้คนหน้าซีดเผือดลงทันทีแต่มันก็สายเกินไปเสียแล้ว!

‘อ่อก!’

นักยุทธนภาสวรรค์ผู้หนึ่งกระอักเลือดคำโตออกมาพร้อมด้วยเลือดที่ไหลออกมาตามรูทวารอย่างไม่มีหยุดก่อนจะร่วงลงไปกองกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง

‘อั่ก!’

‘อ้า!’

“โอ้ย!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ