จอมเทพโอสถ นิยาย บท 2008

“พูดจาเหลวไหล!”

คำกล่าวนี้หลู่เหยียนได้แต่กัดฟันพูดออกมา

เติ้งหยุนไซและไต้ชุนห่าวเองก็ได้แต่เบิกตากว้างขึ้นมาอย่างไม่คิดอยากเชื่อ ตอนนี้พวกเขาทั้งสองรู้สึกราวกับว่าร่างกายถูกสายฟ้าฝ่าลงกลางหัวจนไม่อาจตอบสนองใดๆ ได้

ข่าวที่พวกเขาได้ยินนี้มันช่างเหนือล้ำจินตนาการจนเกินไป

หลู่เหยียนนั้นตะโกนร้องใส่ทหารเกราะดำผู้นั้นอย่างรุนแรง “แค่เมืองจักรพรรดิน้อยๆ เมืองหนึ่ง ยอดฝีมือสูงสุดยังเป็นแค่เทพถ่องแท้สี่ดาว เทพสวรรค์ผู้นี้ส่งกำลังไปนับแสนและในหมู่คนทั้งหลายนั้นก็มีเทพถ่องแท้เก้าดาวอยู่นับไม่ถ้วน มีหรือที่พวกเขาทั้งหลายนั้นจะถูกกวาดล้างลงได้? เจ้าไม่ได้เอาสมองเข้ามาด้วยหรือ?”

หลู่เหยียนนั้นร้องตะโกนด้วยเสียงสนั่นจนตัวตึกสั่นสะท้าน

ทหารเกราะดำนั้นได้แต่ก้มหัวลงกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรงจะขัดขืนเมื่อถูกเสียงร้องตะโกนของหลู่เหยียนตะคอกใส่เช่นนี้ แม้แต่จะพูดยังไม่สามารถทำได้

มีหรือที่ทหารตัวน้อยๆ จะทนทานแรงกดดันจากเทพสวรรค์ที่พิโรธได้?

แต่ในเวลานั้นเองที่เติ้งหยุนไซก็กลับมาตั้งสติได้และรีบกล่าวขึ้นมาห้ามหลู่เหยียน “พี่หลู่โปรดระงับอารมณ์ก่อน ให้มันได้พูดให้จบก่อน”

จากนั้นเขาก็ได้หันหน้ากลับไปหาทหารเกราะดำผู้นั้น “รีบรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ มา!”

ตอนนี้มีหรือที่ทหารคนนั้นจะยังกล้าลีลาใดๆ เขารีบเล่าเรื่องราวที่เย่หยวนใช้พิษล้างบางสังหารเทพถ่องแท้ทั้งหลายไปให้ฟังทันที

พวกหลู่เหยียนที่ได้ยินนั้นต่างผงะถอยหลังกันไปคนละหลายก้าว ไม่นึกไม่ฝันว่าเรื่องราวมันจะกลับตาลปัตรไปได้มากมายถึงขนาดนี้

“นี่มัน… นี่มัน จะเป็นไปได้อย่างไร? มันเป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร?” หลู่เหยียนได้แต่ก้าวถอยหลังกลับไปอย่างไม่คิดอยากเชื่อ

ทหารเกราะดำนั้นย่อมไม่มีทางจะโกหกต่อตัวเขา แต่เพียงแค่ว่าตัวหลู่เหยียนไม่คิดอยากเชื่อความเป็นจริงตรงหน้า

ข่าวนี้มันทำให้ผู้คนไม่คิดอยากเชื่อ ตัวเขาเองก็ย่อมไม่คิดอยากเชื่อเช่นกัน

เท่านี้ตัวเขาที่เป็นเจ้าเมืองยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์จะไม่กลายเป็นแม้ทัพผู้เดียวดายไปหรือ?

การลงมือนี้ของเย่หยวนมันโหดร้ายอย่างมาก!

ตอนนี้เมืองหลวงจักรพรรดิภายใต้การดูแลของเขาทั้งหมดทั้งสิ้นนั้นได้กลายเป็นเมืองเปล่าไปแล้ว

เมื่อไม่มีเทพถ่องแท้คอยอยู่ดูแล มีหรือที่เมืองหลวงจักรพรรดิจะยังคงเป็นเมืองหลวงจักรพรรดิได้?

มันตกกลับลงไปกลายเป็นเมืองจักรพรรดิในพริบตา!

นั่นทำให้ยอดเมืองหลวงจักรพรรดิของเขาจะกลายเป็นแค่เมืองหลวงจักรพรรดิ แล้วตัวเขาที่เป็นเจ้าเมืองของยอดเมืองหลวงจักรพรรดินี้จะไม่กลายเป็นตัวตลกของผู้คนไปหรือ?

หลู่เหยียนนั้นแทบสิ้นสติ!

ดาบนี้ของเย่หยวนมันช่างเฉียบคมตัดทำลายตัวตนของเขาทิ้งลงสิ้น

เติ้งหยุนไซและไต้ชุนห่าวเองก็มีสีหน้ามึนงงไม่แพ้กัน คนทั้งสองหันไปมองหน้ากันและก็พบว่าต่างฝ่ายต่างก็ไม่คิดอยากเชื่อในข่าวนี้

“ค่ายกลหลอมพิษมิติ นี่มันช่างเป็นวิชาที่ไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อน! เจ้าเด็กผู้นี้มันเป็นสัตว์ประหลาดมาจากทิศใดกัน?” เติ้งหยุนไซร้องลั่น

“ยอมท้าทายสามพันยอดฝีมือดีกว่าจะลบหลู่ผู้ใช้พิษ! ใครจะไปคิดไปฝันว่าเจ้าเด็กคนนี้มันจะมีวิชาพิษที่เก่งกาจปานนี้?” ไต้ชุนห่าวได้แต่กล่าวขึ้นมาด้วยสีหน้าขื่นขม

การปกครองของเทพสวรรค์นั้นมันหนักแน่นแข็งแกร่งกว่าเหล็กกล้า

เว้นแต่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นเทพสวรรค์ด้วยกัน มันย่อมจะไม่มีใครมาท้าทายได้

แต่เรื่องราวเช่นนั้นมันดูท่าจะไม่นับคนอย่างเย่หยวนเข้าไปด้วย

จู่ๆ หลู่เหยียนก็เปลี่ยนสีหน้าไปพร้อมกัดฟันพูด “ดูท่ามันจะทำให้เทพสวรรค์ผู้นี้ต้องลงมือเองเสียแล้ว! ครานี้เทพสวรรค์ผู้นี้จะไปถลกหนังหลอมวิญญาณไม่ให้มันได้ผุดได้เกิดอีกไปตลอดกาล!”

ตอนนี้ทางด้านเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นมันเต็มไปด้วยเสียงโห่ร้องดีใจ

“หึ พี่ใหญ่ตั้งแต่ที่ข้ารู้จักท่านมาข้าล่ะแทบไม่เคยจะเห็นท่านใช้พิษเลย! สงครามในวันนี้มันช่างทำให้รู้สึกสาแก่ใจนัก!” อิ้งหมัวหู่กล่าวขึ้นด้วยสีหน้าตื่นเต้นดีใจ

“วิธีการของอาจารย์นั้นช่างเหนือล้ำ เราไม่ควรคิดสงสัยตัวท่านเลย!” ไป๋เฉินร้องบอกขึ้นตาม

แต่เย่หยวนกลับส่ายหัวออกมาเมื่อได้ยิน “นักหลอมโอสถอย่างเรานั้นไม่ควรพูดจาเรื่องฟ้าดินหรือชะตากรรมของชาวโลก แต่มันก็ไม่ควรจะฆ่าทำลายล้างเช่นนี้ หากมิใช่เพราะเจ้าหลู่เหยียนนั้นมันกดดันผู้คนจนเกินไป ข้าเองก็คงไม่ต้องใช้ค่ายกลพิษเช่นนี้ออกมา”

ในฐานะนักหลอมโอสถแล้วเย่หยวนย่อมจะเห็นค่าของชีวิต

แต่การได้มีชีวิตถึงสองครั้งนี้มันย่อมทำให้เขาไม่ยอมเป็นคนโง่

คนอื่นคิดมาฆ่าสังหารถึงหน้าประตู มีหรือที่เขาจะยอมให้อีกฝ่ายฆ่าสังหารลงง่ายๆ

ไป๋ตงนั้นยังไม่ออกจากการเก็บตัวทำให้ตอนนี้เขามีวิธีจัดการศัตรูเพียงเท่านี้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ