เบื้องหน้าของพวกเขาในเวลานี้มันคือชายหนุ่มรูปงามผู้หนึ่งผู้มีพลังบ่มเพาะอาณาจักรนภาสวรรค์แปดดาว
ที่ด้านข้างของเขานั้นตามมาด้วยสาวน้อยนางหนึ่งและดูแล้วอายุของทั้งสองใกล้เคียงกันมากเป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นคู่หมั้นคู่หมาย
แต่ที่ด้านหลังของคนทั้งสองนั้นมีผู้ติดตามอาณาจักรเทพถ่องแท้อยู่ ดูท่าคงมิใช่คงธรรมดาๆ แน่
สาวน้อยผู้นั้นเป็นผู้พูดขึ้นมาต่อ “ช่างหน้าไม่อาย ข้าไม่เคยเห็นใครอวดอ้างว่าตนเป็นยอดอัจฉริยะอันดับหนึ่งมาก่อนเลย! แม้แต่พี่เฉียนเองที่เป็นถึงยอดอัจฉริยะแห่งตระกูลเจิ้งก็ยังไม่กล้าอวดอ้างว่าตัวเองเป็นอันดับหนึ่งเหนือใคร เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน?”
เย่หยวนนั้นไม่อาจตอบอะไรกลับไปได้ ตัวเขาไปพูดบอกว่าตัวเองเป็นอันดับหนึ่งตั้งแต่ตอนไหนกัน?
คำพูดทั้งหลายนั้นคนพูดคือหนิงซืออวี๋มิใช่หรือ?
นางคนนี้มันรู้วิธีหาเรื่องมาให้ตัวเขาจริงๆ!
เมื่อหนิงซืออวี๋ได้ยินเช่นนั้นนางก็อดทนไม่ได้เช่นกัน
“ตระกูลเจิ้งบ้าบอใดกัน? ยอดอัจฉริยะของตระกูลเจิ้ง? หึๆ! อย่าว่าแต่อัจฉริยะตระกูลเจิ้งเลย ต่อให้เป็นผู้อาวุโสผู้เฒ่าจากตระกูลเจิ้งเจ้ามามันก็ไม่อาจเทียบเคียงนายท่านของข้าได้แม้แต่น้อย!”
เจิ้งเฉียนนั้นยังเป็นหนุ่มน้อยอายุไม่มาก มีหรือที่ได้ยินเช่นนั้นแล้วเขาจะยังทนรับไหว? เขาจึงได้ยิ้มออกมาด้วยสีหน้าชั่วร้ายทันที “ช่างเป็นคำพูดที่ยิ่งใหญ่เสียจริงๆ! ในแดนใต้นี้มีแค่ไม่กี่ผู้คนหรอกนะที่กล้าจะพูดจาแบบนี้ต่อหน้าตระกูลเจิ้งแห่งป่าโพ้น!”
คำพูดของเขานี้มันทำให้คนทั้งหลายสั่นสะท้านแตกตื่นขึ้นทันที
“ที่แท้นี่คือตระกูลเจิ้งแห่งเมืองป่าโพ้น มันเป็นยอดตระกูลโอสถโบราณที่เป็นรองแค่ยอดดินแดนศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น!”
“ยอดอันดับหนึ่งของตระกูลเจิ้ง เจิ้งเฉียน เขาย่อมมาเพื่อเข้าร่วมงานงานชุมนุมโอสถเมฆาแน่แล้ว!”
“เจิ้งเฉียน! ข้าเคยได้ยินนามนี้มาก่อน! เขานั้นมีอายุเพียงแค่พันกว่าปีแต่ก็สามารถมีวิชาโอสถอาณาจักรต้นขั้นกลางได้แล้ว เขานั้นมีโอกาสที่จะก้าวขึ้นไปถึงอาณาจักรเต๋าได้ในวันหน้า!”
…
เมื่อได้ยินเสียงคุยของคนทั้งหลายเจิ้งเฉียนก็ยิ้มออกมาด้วยใบหน้าสุดเย่อหยิ่ง
ตระกูลเจิ้งแห่งยอดเมืองหลวงจักรพรรดิป่าโพ้นนั้นนับได้ว่าเป็นยอดตระกูลนักหลอมโอสถในแดนใต้ที่ด้อยกว่าแค่เหล่าเจ็ดดินแดนศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น
ตระกูลเจิ้งนั้นมีบรรพบุรุษที่เป็นถึงจอมเทพโอสถเจ็ดดาวที่หาตัวจับยาก แค่นี้มันก็มากพอจะเอามาอวดอ้างได้แล้ว
ด้วยเจิ้งเฉียนที่อยู่ในอาณาจักรต้นขั้นกลางได้ตั้งแต่อายุเพียงเท่านี้ มันย่อมแสดงให้เห็นแล้วว่าพวกเขานั้นยิ่งใหญ่เพียงใด
เพราะแม้ว่าเย่หยวนจะก้าวขึ้นอาณาจักรต้น บรรลุขึ้นอาณาจักรเต๋ามาอย่างไม่ยากเย็นและยังก้าวขึ้นมาใกล้ถึงอาณาจักรบรรพกาลได้ แต่เดิมทีแล้วอาณาจักรต้นนั้นมันก็เป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่งในหมู่นักหลอมโอสถทั้งหลาย
การจะพัฒนาให้ขึ้นมาถึงอาณาจักรต้นได้นั้นมันต้องใช้เวลาอย่างยาวนาน
หากให้พูดถึงแล้วตัวซวนอี้ที่อยู่มาจนแก่เฒ่าใกล้ฝั่งก็ยังอยู่เพียงแค่อาณาจักรต้นขั้นกลางเท่านั้น
เจิ้งเฉียนนี้ที่มีอายุเพียงพันกว่าปีแต่กลับขึ้นมาถึงอาณาจักรต้นขั้นกลางได้มันย่อมจะเป็นสิ่งที่เขาสามารถยึดถือภูมิใจ
“ได้ยินหรือไม่เจ้ายอดอัจฉริยะโอสถอันดับหนึ่ง? หากเจ้ากล้าพอก็มาดวลกัน!” เจิ้งเฉียนร้องตะโกนใส่เย่หยวนโดยไม่คิดสนใจหนิงซืออวี๋
ทุกผู้คนนั้นต่างหันมามองหน้ากันรู้สึกว่าเย่หยวนนั้นย่อมจะไม่กล้ารับคำท้าแล้ว
เพราะแม้ว่าเย่หยวนจะมีพลังบ่มเพาะที่เหนือกว่าเจิ้งเฉียนแต่พวกเขาทั้งสองก็มีอายุไม่ห่างกันมาก
ในสายตาของพวกเขาทั้งหลายแล้วเย่หยวนย่อมจะเป็นนักยุทธที่เน้นวิชาการต่อสู้มากกว่า
ส่วนเรื่องของวิชาโอสถนั้นมันเป็นสิ่งที่สุดแสนยากเย็นมีหรือที่จะสำเร็จได้ง่ายๆ?
เพราะฉะนั้นหากเย่หยวนดวลกับเจิ้งเฉียนจริงๆ แล้วเขาคงต้องแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย
เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียต่อหน้าอัจฉริยะด้านโอสถเช่นนี้ผลลัพธ์ของคนทั่วๆ ไปมันก็ย่อมจะเป็นความพ่ายแพ้
เย่หยวนนั้นได้แต่ส่ายหัวออกมาแต่ก็อดหัวเราะไม่ได้ “ดวลกับข้า? เจ้ายังไม่คู่ควรหรอก ไปเถอะซืออวี๋”
พูดไปเย่หยวนก็หันหลังจากไปทันที
อย่าว่าแต่เจิ้งเฉียนนภาสวรรค์ตัวน้อยผู้นี้ใดๆ ต่อให้อีกฝ่ายจะเป็นยอดจอมเทพโอสถหกดาวเย่หยวนก็สามารถชนะอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย
เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียเย่หยวนนั้นก็สามารถปะทะกับเทพสวรรค์เปียวหยูและได้ผลที่แทบจะเสมอ
แค่เจิ้งเฉียนใดๆ มันย่อมไม่อาจทำให้เขาสนใจได้
แต่เจิ้งเฉียนนั้นกลับหัวเราะขึ้น “เจ้าหมายความว่าอย่างไรไม่คู่ควร? ไม่กล้าก็บอกไม่กล้าสิ! จ้าวเหอ หลี่หู่!”
สองเทพถ่องแท้นั้นขยับเข้ามาขวางทางพวกเย่หยวนไว้ทันที
“หากเจ้าไม่กล้ารับคำท้าก็ก้มหัวต่อนายน้อยผู้นี้และยอมรับความผิดมาเสีย! ตระกูลเจิ้งข้านั้นไม่ยอมให้ใครมาดูถูกได้!” เจิ้งเฉียนร้องบอก
เย่หยวนได้แต่เหลือบตามองมองดุใส่หนิงซืออวี๋แต่นางกลับทำแค่แลบลิ้นปลิ้นตาและก้มหน้าลงหนีเย่หยวนไป
“หากเจ้าอยากดวลจริงๆ ก็ไปเรียกบรรพบุรุษตระกูลเจ้ามาเถอะ ส่วนคนอย่างเจ้านั้นอย่าได้คิดให้รกสมองเลย ข้ากลัวว่าเจ้าจะกลัวจดหัวหดเปล่าๆ” เย่หยวนตอบ
เมื่อเจิ้งเฉียนได้ยินเขาก็ยิ่งยิ้มกว้างออกมา
“ช่างเป็นเด็กน้อยไร้ยางอาย! ช่างเถอะ หากเจ้าไม่กล้ารับคำท้าแล้วก็จงคุกเข่าลงยอมรับผิดเสีย!” เจิ้งเฉียนร้องบอก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...