“ช่างเป็นวิชาการควบคุมไฟที่เหนือล้ำ! สามารถเผาหัวที่เต็มไปด้วยเส้นผมจนเกลี้ยงเกลาได้ปานนั้น”
“ชายหนุ่มผู้นี้ช่างเก่งกาจนัก! ข้าก็นึกไปเสียว่าเขาโม้โอ้อวด!”
“ดูท่างานชุมนุมโอสถเมฆามันจะมีเสือหลับมังกรซ่อนเข้ามาร่วมงานเสียแล้ว!”
…
หลังเสียงหัวเราะนั้นจางหายไปทุกผู้คนต่างก็ได้เริ่มเข้าใจและตระหนักถึงความเก่งกาจของวิชาควบคุมไฟที่เย่หยวนใช้
ตอนนี้แม้แต่ตัวเจิ้งเฉียนเองก็ยังหวาดกลัวอยู่ไม่น้อย
เพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้มันเกิดขึ้นกับตัวเขาโดยตรง ไฟที่เผาไหม้อยู่บนหัวราวเป็นมีดโกนที่ตัดทำลายเส้นผมของเขาจนหมดสิ้น
แต่ตัวเขานั้นกลับไม่รู้สึกถึงความร้อนใดๆ
มันช่างเป็นวิชาการควบคุมไฟที่เหนือล้ำอย่างแท้จริง
ดูท่าแล้วแม้แต่พี่ปู้ฉุนก็คงไม่อาจทำได้ถึงขั้นนี้ใช่หรือไม่?
เจิ้งเฉียนได้แต่คิดอยู่ในใจ
เมื่อมองดูไปยังทิศทางที่เย่หยวนเดินจากไปเจิ้งเฉียนก็ได้แต่กัดฟันแน่นร้องขึ้น “เจ้าบ้านี่ อย่าให้ข้าได้เจอเจ้าอีกก็แล้ว! กล้ามาทำให้คนตระกูลเจิ้งเสียหน้าเช่นนี้นายน้อยผู้นี้จะต้องสั่งสอนเจ้าให้ได้!”
…
“นายท่าน เมื่อกี้ท่านเท่สุดๆ ไปเลย! หึๆ ไอ้เด็กคนนั้นมันก็ช่างกล้ามาท้าทายท่าน ไม่ประเมินตัวเองเสียจริงๆ” หนิงซืออวี๋ร้องกล่าว
เย่หยวนที่ได้ยินจึงหันมาเหลือกตาใส่นางทันที “เจ้ายังมีหน้ามาพูดอีกหรือ? ยอดอัจฉริยะอันดับหนึ่งใด? เจ้าไม่กลัวว่าลิ้นของตนนั้นมันจะขาดลงบ้างหรือ! มหาพิภพถงเทียนนั้นมียอดคนมากมายหลบซ่อนตัวไม่เปิดเผย ใครกันจะกล้าอ้างตัวว่าเป็นอันดับหนึ่งเหนือพวกเขาได้?”
เย่หยวนนั้นมั่นใจ แต่ไม่เคยลืมตัว
มหาพิภพถงเทียนนั้นมันสุดแสนยิ่งใหญ่ยอดอัจฉริยะนั้นมีมากมายดั่งดวงดาวบนฟากฟ้า
ตำแหน่งของอันดับหนึ่งนั้นมันยิ่งใหญ่เกินกว่าจะแบกรับไว้!
ต่อให้จะขึ้นไปถึงอาณาจักรบรรพกาลแต่ตัวเย่หยวนเองก็เคยพบเจอคนอย่างมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาล
และขนาดคนเช่นนั้นยังไม่อาจรับชื่ออันดับหนึ่งไปได้จนต้องสร้างหมากล้อมนิรันดร์ ‘อย่าถาม’ ขึ้นมา
หนิงซืออวี๋นั้นรู้จักเย่หยวนมานานและย่อมจะรู้ถึงนิสัยของเขาอย่างดีนางจึงได้หัวเราะออกมา “ข้าไม่สนหรอก ไม่ว่าอย่างไรเสียในใจของข้าก็คิดว่าท่านนี่แหละคือยอดอัจฉริยะอันดับหนึ่ง! ที่สำคัญหากนับกันแค่ในหมู่คนหนุ่มสาวรุ่นใหม่แล้วใครกันที่จะเทียบเท่าท่านได้? ต่อให้ค้นหาทั้งมหาพิภพถงเทียนเองมันก็คงไม่อาจหาพบเจอหรอกใช่หรือไม่?”
เย่หยวนนั้นไม่อาจตอบโต้ใดๆ กลับไปได้จึงได้แต่ต้องยกมือขึ้นมาโบกปัดตัดเรื่องทิ้ง ไม่อยากเสียน้ำลายเถียงกับนางผู้นี้อีกต่อไป
ตัวเย่หยวนนั้นได้พาหนยิงซืออวี๋เดินชมรอบๆ เขตเมืองชั้นนอกและหาซื้อสมุนไพรต่างๆ นาๆ ที่หาได้ยากยิ่งก่อนจะคิดมุ่งหน้าเข้าไปยังเมืองชั้นในต่อ
และในเส้นทางเข้าสู่เมืองชั้นในนั้นตอนนี้มันได้มีกลุ่มทหารกลุ่มหนึ่งเฝ้าอยู่ แต่ละคนที่คิดเข้าไปต่างต้องผ่านการตรวจจากคนทั้งหลายนี้
คนทั้งสองนั้นกำลังจะเดินเข้าไปรับการตรวจก่อนที่จะเกิดเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากอีกฟากถนน
และหนึ่งในกลุ่มคนนั้นมีรูปร่างแสนสะดุดตา มันจะเป็นใครไปได้หากมิใช่เจิ้งเฉียน?
เมื่อหนิงซืออวี๋เห็นเจิ้งเฉียนนางก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมาอีกครา
นายท่านของนางเองก็ช่างเป็นคนขี้เล่น เผาทำลายเส้นผมของเจิ้งเฉียนและไม่ยอมให้มันงอกกลับมาเสียด้วย
ชายหนุ่มรูปงามผู้หนึ่งกลายเป็นเด็กน้อยหัวล้านไป วันหน้าจะยังมีหญิงใดหันมาสนใจอีก?
เจิ้งเฉียนนั้นหันมาพบเห็นพวกเย่หยวนเข้าจึงได้ร้องทักไว้
“พี่ปู้ฉุน เจ้าหมอนี่แหละที่มันอ้างว่าตัวเองเป็นยอดอัจฉริยะอันดับหนึ่ง! พี่ต้องล้างแค้นให้ข้า!”
ที่ด้านข้างเจิ้งเฉียนนั้นมันมีชายหนุ่มอีกคนที่ดูอายุมากกว่าตัวเขาหน่อยกำลังจ้องมองมาทางเย่หยวนด้วยใบหน้าไม่ค่อยเป็นมิตร
เขาผู้นั้นค่อยๆ เดินเข้ามาหาเย่หยวนและกล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้มเย็นเยือก “ไอ้เด็กที่ขนเพชรยังไม่ทันขึ้นเช่นเจ้าก็กล้ามาเรียกตนว่าเป็นยอดอัจฉริยะอันดับหนึ่ง? เจ้าหรือคือคนที่เผาเส้นผมของน้องเฉียน?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...