หม้อหลอมยังไม่ทันถูกเปิดแต่ผู้คนทั้งหลายก็เข้าใจได้ว่าใครคือผู้ชนะ
ก่อนหน้านี้มันย่อมจะไม่มีใครคิดใครฝันว่าเย่หยวนจะเอาชนะจอมเทพโอสถเจ็ดดาวขึ้นไปนั่งบนตำแหน่งปรมาจารย์ได้
แต่ในเวลานี้เย่หยวนกลับใช้พลังฝีมืออันน่าหวาดกลัวนั้นพังทลายสามัญสำนึกของผู้คน
“เขา… เขาทำได้จริงๆ! ช่างน่าเกรงขามนัก! จอมเทพโอสถหกดาวกลับชนะรวดเหล่าจอมเทพโอสถเจ็ดดาวได้สิ้น!”
“หากเทพสวรรค์ดันหยู่ไม่คิดลงมือแล้วในแดนใต้นี้มันก็คงไม่มีใครที่จะสามารถเอาชนะเขาได้แล้วใช่ไหมเล่า?”
“ช่างเป็นพรสวรรค์ที่น่าหวาดกลัวนัก! หรือว่านี่มหาพิภพถงเทียนจะให้กำเนิดโอสถบรรพกาลคนที่สองกัน?”
…
เมื่อนึกย้อนกลับไปการประลองของเย่หยวนนั้นเหล่าผู้คนทั้งหลายก็ยังรู้สึกราวกับว่าได้ฝันไป
นี่มันมิใช่แค่ดวงรุ่งดวงใหม่ใดๆ แต่มันเป็นถึงตัวตนที่ยืนอยู่บนยอดสูงสุดของโลกโอสถเป็นที่เรียบร้อย!
ไม่ว่าจะคิดอย่างไรอีกไม่นานเขาก็คงสามารถก้าวข้ามเทพสวรรค์ดันหยู่ไปได้
ตอนนี้มันไม่มีใครคิดสงสัยว่าเย่หยวนจะขึ้นไปถึงอาณาจักรบรรพกาลหรือไม่!
อาณาจักรบรรพกาลนั้นมันเป็นสิ่งที่ต้องใช้ความรู้สั่งสมบ่มเพาะมานับหมื่นๆ แสนๆ ปี แต่กับเย่หยวนแล้วมันดูไม่ได้ห่างไกลใดๆ เลย
เพราะตัวเขานั้นใช้เวลาแค่พันกว่าปีก็สามารถก้าวขึ้นมาถึงจุดที่ยืนอยู่ตอนนี้ได้
ในฝูงชนตอนนี้ใบหน้าของหยุนยี่นั้นเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน แต่มันมิใช่ความเย้ยหยันต่อใคร มันเป็นตัวเขาเองที่น่าสมเพช
ตอนที่เขาได้ยินว่าเย่หยวนได้ตำแหน่งปรมาจารย์งานชุมนุมโอสถเมฆาครั้งนี้ ความคิดแรกของเขาคือเขาไม่อาจยอมได้
หยุนยี่ผู้นี้เป็นถึงเหลนของเทพสวรรค์ดันหยู่ เขานั้นมีวิชาโอสถที่ไม่มีใครเทียบเคียง ใช้เวลาเพียงแค่สามพันปีก็สามารถก้าวขึ้นมาถึงอาณาจักรเต๋าได้
ต่อให้เป็นเหล่ายอดอัจฉริยะใดๆ ในงานชุมนุมโอสถเมฆานี้พวกเขาต่างก็ใช้เวลากว่าห้าพันปีกว่าจะก้าวขึ้นมาถึง
เหล่ายอดอัจฉริยะใดๆ ต่างไม่อาจเทียบเคียงตัวเขาได้
เขานั้นคิดและเชื่อเสมอว่าวันหนึ่งเขาจะก้าวขึ้นไปถึงจุดที่เทพสวรรค์ดันหยู่ยืนและปกครองเหนือแดนใต้ทั้งหมดนี้
แต่เรื่องราวใดๆ นั้นมันกลับถูกตัวตนของเย่หยวนขยี้จนแหลกเละ
ต่อหน้าเย่หยวนแล้วเทพสวรรค์ดันหยู่จะมีค่าใด?
เหล่ายอดอัจฉริยะทั้งหลายที่เคยได้ไปท้าทายเย่หยวนต่างมีสีหน้าละอายใจอย่างถึงที่สุดออกมา
เย่หยวนนั้นมิได้ใช้หนิงซืออวี๋เป็นเกราะป้องกันใดๆ เขานั้นแค่ไม่คิดสนใจจะรับคำท้าทายของเด็กน้อยอย่างพวกเขา
เพราะนั่นมันคือการลบหลู่ปรมาจารย์!
มีหรือที่เทพสวรรค์ดันหยู่ เทพสวรรค์เปียวหยู หรือเทพสวรรค์เจาหยวนทั้งหลายนั้นจะมารับคำท้าของเหล่าเด็กหนุ่มทั้งหลายอย่างพวกเขา?
แน่นอนว่าไม่มีทาง!
คนรับใช้ของเย่หยวน หนิงซืออวี๋ผู้นั้นต่างหากที่เป็นคนรุ่นเดียวกับพวกเขาทั้งหลาย
ส่วนตัวเย่หยวนนั้นเป็นยอดคนที่ยืนตระหง่านเทียบเท่าเหล่าจอมเทพโอสถที่เหนือล้ำที่สุดของแดนใต้!
“พี่ดันหยู่ ข้าสงสัยเหลือเกินว่าเย่ผู้นี้จะมีค่าพอนั่งตำแหน่งปรมาจารย์หรือยัง?” เย่หยวนหันไปถามเทพสวรรค์ดันหยู่ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
เทพสวรรค์ดันหยู่ได้แต่ยิ้มแห้งๆ ออกมาก่อนจะตอบกลับไป “แน่นอนว่าเจ้าย่อมเหมาะสม! ปรมาจารย์เย่ทำให้เทพสวรรค์ผู้นี้ได้เบิกหูเบิกตาเสียจริงๆ!”
ภายใต้สายตาของคนทั้งหลายนี้เย่หยวนได้ค่อยๆ เดินกลับขึ้นไปยังที่นั่งเหล่าปรมาจารย์
และในเวลานี้ที่นั่งของเขาก็ได้ถูกจัดขึ้นใหม่ให้ไปนั่งข้างๆ เทพสวรรค์เปียวหยูแทน
ดูท่าแล้วมันย่อมจะหมายความว่าตัวตนของเขานั้นถูกนับว่าเหนือล้ำกว่าเจ้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่เหลือทั้งห้าคนแล้ว!
ในลานกว้างนั้นสายตาทุกคู่ต่างล้วนจับจ้องไปที่เย่หยวน
ช่างเป็นเกียรติอันยิ่งใหญ่นัก!
หลังจากเย่หยวนเข้ามานั่งลงในตำแหน่งของตนเทพสวรรค์ดันหยู่ก็กระแอมกล่าว “อะแฮ่มๆ ปรมาจารย์เย่นั้นเหมาะสมกับตำแหน่งปรมาจารย์อย่างมาก ในเมื่อปรมาจารย์เย่ได้พิสูจน์ฝีมือให้ทุกผู้คนได้เห็นแล้วเช่นนั้นเราก็จะขอเริ่มงานชุมนุมโอสถเมฆากัน….”
“เดี๋ยวก่อนสิ!” ในเวลานั้นเองเทพสวรรค์เปียวหยูกลับร้องบอกขึ้นขัดคำพูดเปิดงานของเทพสวรรค์ดันหยู่
เทพสวรรค์ดันหยู่ขมวดคิ้วแน่นก่อนจะถามขึ้น “มีอะไรอีกหรือน้องเปียวหยู?”
เทพสวรรค์เปียวหยูยิ้มตอบกลับ “ในเมื่องานชุมนุมโอสถเมฆาครั้งนี้มันคึกคักกันปานนี้แล้ว ทำไมเราไม่ทำให้มันคึกคักขึ้นอีกสักหน่อยเล่า? พี่ดันหยู่ว่าอย่างไร?”
เทพสวรรค์ดันหยู่ที่ได้ยินจึงยิ้มกว้างออกมา “คำพูดนั้น มันหมายความว่าเจ้าคิดท้าทายข้าแล้ว?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...