ในเมืองอินทรีสวรรค์เวลานี้ต้วนหยุนเฟยได้แต่ต้องก้มหน้าหลบตาหยุนยี่อย่างอับอาย
ก่อนจะจากไปนั้นเขาได้ว่ากล่าวหัวเราะเย้ยหยุนยี่ว่าจะต้องมาเสียใจภายหลัง แต่ตอนนี้มันเป็นตัวเขาเองที่เสียใจอย่างสุดซึ้ง
ใช่แล้ว เวลานี้เขาได้กลับมาอีกครั้ง
หลังจากได้ข่าวการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ของเย่หยวนเขาก็มุ่งหน้ากลับมายังเมืองอินทรีสวรรค์อย่างไม่ยั้งคิดใดๆ
ในเวลานี้ผู้ทำหน้าที่ดูแลหอโอสถนั้นมันคือซวนอี้
กับเหล่านักหลอมโอสถยอดอัจฉริยะทั้งหลายนี้แต่ละคนล้วนมีเบื้องหลังใหญ่โต ซวนอี้เพียงลำพังย่อมไม่อาจจะกล้าไปขัดขวางพวกเขาใดๆ ได้แต่ต้องรับพวกเขาทั้งหลายกลับมา
แม้ว่าตัวเขาจะรู้ดีว่าเย่หยวนคงไม่คิดรับคนทั้งหลายนี้เข้าเป็นศิษย์แต่เรื่องนั้นมันก็เป็นสิ่งที่ควรปล่อยให้เย่หยวนเลือกเอง ตัวเขาไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวใดๆ กับการตัดสินใจของเย่หยวนทั้งสิ้น
“พี่หยุน ข้า…” ต้วนหยุนเฟยได้แต่ก้มหน้าพูดขึ้น
เขานั้นอุตส่าห์ทนทานมาถึงสิบปีแต่ไม่นึกไม่ฝันว่าจะกลับตัดสินใจพลาดในวินาทีสุดท้าย
แต่หากไม่ลองกลับมาแล้ว ตัวเขาเองก็ไม่อาจทำใจรับได้เช่นกัน
บางทีเย่หยวนอาจจะใจอ่อนรับเขาเข้าไปบ้างก็ได้?
หยุนยี่ได้แต่มองดูต้วนหยุนเฟยอย่างอ่อนใจ “เฮ้อ! ข้าก็เคยบอกห้ามเจ้าไปแล้ว แต่เป็นตัวเจ้าที่ไม่ยอมฟัง! เจ้านั้นอยู่ทนมาถึงสิบปี เหตุใดกลับต้องมาตัดสินใจโง่ๆ เอาในช่วงสุดท้ายด้วย?”
ต้วนหยุนเฟยได้แต่ยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “ใครจะไปคิดว่า… มันจะเป็นเช่นนี้ไปเล่า?!”
ในเวลานั้นคนทั้งโลกได้เชื่อว่าเย่หยวนคงตายแน่แล้ว ต้วนหยุนเฟยเองก็ไม่เคยคาดคิดว่าเย่หยวนจะไม่ตายและย้อนกลับมาด้วยพลังฝีมือที่เหนือล้ำฟ้าแทน
ตอนนี้เขาได้ข่าวจากตระกูลต้วนมาแล้วว่าการกลับมาพร้อมบรรลุของเย่หยวนนี้มันได้สร้างความวุ่นวายโกลาหลไปทั่วทั้งยอดเมืองหลวงจักรพรรดิโอสถเมฆา
ปราณ ร่างกาย จิต สามเส้นทางบรรลุสิ้นพร้อมๆ กันทำให้ตัวเขานั้นมีพลังฝีมือพัฒนาขึ้นอย่างเหนือล้ำก้าวขึ้นถึงอาณาจักรบรรพกาล
ยอดคนระดับตำนานเช่นนี้ ก่อนหน้าเขากลับเชื่อว่าจะตายลงไปได้!
‘ให้ตายเถอะ สมองข้าทำไมมันถึงได้โง่เง่าเช่นนี้!’
หยุนยี่นั้นได้แต่ส่ายหัวออกมา “แม้ว่าข้าจะไม่ได้รู้จักปรมาจารย์เย่ใดๆ แต่คนระดับนั้นย่อมจะต้องถือศักดิ์ในตนอย่างมาก เดิมทีแม้เจ้าจะไม่ได้ตั้งใจฝึกฝนมากมายแต่เขาก็อาจจะยังรับเจ้าไว้ภายใต้ความอดทนอดกลั้นที่เจ้ามี แต่สุดท้ายเจ้ากลับทิ้งมันไปครึ่งๆ กลางๆ เวลานี้มันคงเป็นการยากแล้วหากเจ้าคิดจะเข้ากราบเขาเป็นอาจารย์อีก”
ต้วนหยุนเฟยแทบสำลักเมื่อได้ยินคำพูดของหยุนยี่
เวลาที่ทนมากว่าสิบปีมันกลับหายวับไปด้วยเวลาเพียงวันเดียว!
“เฮ้อ ต่อให้มันจะมีความหวังแค่ริบหรี่ข้าก็อยากจะลองหวัง! หวังว่าเขาจะเห็นแก่ความพยายามสิบปีของข้า!” ต้วนหยุนเฟยพูดพร้อมถอนหายใจยาว
ตอนนี้ตัวเขานั้นเสียใจกับเรื่องที่ตนทำลงไปอย่างสุดซึ้ง แต่โลกใบนี้มันไม่มีโอสถใดจะช่วยรักษาอาการนี้ได้
อย่างน้อยๆ เขาก็ยังมีความหวังมากกว่าพวกหลัวเทียนฉีทั้งหลายนั้น
เพราะตั้งแต่ที่เรื่องของเย่หยวนกระจายออกไปเหล่ายอดอัจฉริยะที่เดิมทีจากไปแล้ว ต่างก็มุ่งหน้ากลับมาตามๆ กัน
ตอนนี้ในหอโอสถมันมีคนกลับมากว่ายี่สิบคน
เดิมทีความดื้อด้านของหยุนยี่และหยางซวนนั้นมันย่อมจะเป็นที่ขำขันน่าเหยียดหยันในสายตาคนทั้งหลาย
แต่ตอนนี้พวกเขากลับอิจฉาการตัดสินใจของคนทั้งสองอย่างมาก
อย่างน้อยๆ คนทั้งสองนี้ก็คงนับได้ว่ามีโอกาสมากที่สุด
…
ภายในจวนเจ้าเมืองของยอดเมืองหลวงจักรพรรดิโอสถเมฆา เย่หยวนกำลังนั่งจ้องมองหน้าเทพสวรรค์ออหยุนด้วยความเหยียดหยาม “พี่ออหยุน ท่านจะไม่แก้ตัวใดๆ ต่อเย่ผู้นี้หน่อยหรือ?”
เทพสวรรค์ออหยุนนั้นจึงหัวเราะขึ้นมา “เจ้าอยากได้ข้อแก้ตัวใดเล่า? ข้าก็ได้ลงคำสั่งดึงกำลังทั้งหมดออกจากเขตแดนใต้อำนาจของเจ้าแล้ว เจ้าจะยังบอกว่ามันไม่พออีกหรือ?”
“ไม่พอ!” เย่หยวนตวาดกลับไปอย่างหนักแน่น
เทพสวรรค์ออหยุนนั้นจึงหัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง “เจ้าบอกว่ามันไม่พอก็เท่ากับว่าไม่พออย่างนั้นหรือ? เจ้าอย่าได้คิดว่าตนเป็นปรมาจารย์แล้วจะคิดต่อกรกับเทพสวรรค์ผู้นี้ได้นะ”
เย่หยวนที่ได้ยินจึงยิ้มตอบไปด้วยสีหน้าเย้ยหยัน “ต่อกร? เจ้าก็มีค่าพอหรือ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...