บนยอดตะวันลับนั้นสีหน้าของทุกผู้คนต่างเปี่ยมไปด้วยความตกตะลึง!
การโจมตีครั้งนี้มันหนักหน่วงพอที่จะแยกขุนเขาออกจากกันได้แต่มันกลับไม่อาจสร้างแม้แต่รอยขีดข่วนบนร่างเย่หยวน!
เป็นเทพสวรรค์สองดาวเหมือนกันแท้ๆ เหตุใดจึงกลายเป็นเช่นนี้ได้?
หลังจากนั้นไม่นานทุกผู้คนต่างก็เริ่มได้สติหลุดจากภวังค์และร่ำร้องขึ้นมา
“ตาข้าบอดไปแล้วหรืออย่างไร! นี่ท่านลุงฉางชิงคงไม่ได้ออมมือหรอกใช่หรือไม่?”
“ศัตรูระดับเดียวกันไม่ว่าจะอ่อนแอเก่งกาจกว่ากันปานใดมันก็ไม่มีทางจะยืนรับอย่างไร้รอยขีดข่วนเช่นนี้มิใช่หรือ?”
“ท่านลุงฉางชิงนั้นผสานสามแนวคิดเข้าด้วยกัน ต่อให้จะเป็นเทพสวรรค์สามดาวเองก็คงไม่มีทางทนรับได้เช่นนี้หรอกใช่หรือไม่?”
…
หลินฉางชิงนั้นเป็นดั่งเทพในสายตาของผู้คน มันเป็นตัวตนที่พวกเขาไม่อาจคิดเทียบได้
แต่วันนี้หลินฉางชิงกลับทุ่มสุดตัวโจมตีอีกฝ่าย สุดท้ายกลับไม่อาจสร้างได้แม้แต่รอยขีดข่วนบนร่างนั้น
เรื่องราวเช่นนี้มันย่อมจะทำให้คนทั้งหลายมึนงงไม่อาจเข้าใจ
หลินฉางชิงได้แต่ยืนนิ่งมองดูเย่หยวนอย่างไม่อาจเข้าใจ “บ้าน่า! นี่…เป็นไปได้หรือ? ดาบเมฆาครามขนนกแท้นี้กลับไม่อาจสร้างแผลใดๆ ให้ได้เลย?”
คำพูดของเขานี้มันเปี่ยมล้นไปด้วยความขมขื่น
ในวินาทีนี้เขาได้เข้าใจความแตกต่างของตนเองและเย่หยวนอย่างชัดแจ้ง
ต่อให้จะเป็นตอนที่เย่หยวนแสดงพลังออกมาว่าขึ้นถึงอาณาจักรเทพสวรรค์สองดาวเขาก็ยังไม่รู้สึกสิ้นหวังเท่านี้
เขานั้นยังคิดไปว่าหากสู้กันจริงๆ แล้วเขาคงพอต้านทานอีกฝ่ายได้
แต่ในวินาทีนี้เขาได้รู้แล้วว่าความภาคภูมิใดๆ ที่เคยมีมันไร้ค่าปานใด!
เย่หยวนนั้นเก่งกาจจนเขาสิ้นหวัง!
แต่จู่ๆ เย่หยวนก็เงยหน้าขึ้นไปมองบนฟ้ากว้างและกล่าวขึ้น “พี่ชายท่านนี้ ท่านดูมานานแล้วจะไม่แสดงตัวหน่อยหรือ?”
นั่นทำให้สีหน้าของคนทั้งหลายเปลี่ยนสีหันไปมองรอบกายตามๆ กัน
และไม่นานจากนั้นมันก็ปรากฏเงาร่างของชายวัยกลางคนผู้หนึ่งก้าวออกมายกมือคารวะเย่หยวน “ศิษย์พี่ใหญ่ภายใต้จักรพรรดิเทพสวรรค์ลั่วเฟิง จุนหมิงซินขอคารวะท่านรองมหาปราชญ์แห่งวิหารนักบวช! ศิษย์น้องฉางชิงลบหลู่ท่านรองมหาปราชญ์ไว้ จักรพรรดิผู้นี้ต้องขออภัยแทนตัวเขาด้วย! ขอบพระคุณท่านรองมหาปราชญ์ที่มีเมตตา!”
เย่หยวนพยักหน้ารับ “ไม่ว่าจะอย่างไรเขานั้นก็เป็นศิษย์พี่ของลี่เอ๋อ ถือว่าเห็นแก่หน้าลี่เอ๋อข้าจึงไว้ชีวิตเขาก็เท่านั้น”
จุนหมิงซินยิ้มตอบกลับมา “เป็นเกียรติเหลือเกินที่ท่านรองมหาปราชญ์ให้โอกาสมาเยี่ยมยังเขาก่วมร่วงเรา เวลานี้ท่านอาจารย์รอท่านอยู่ที่ยอดหลักแล้ว เรียนเชิญท่านรองมหาปราชญ์ตามข้ามาด้วย”
เย่หยวนพยักหน้ารับ “ได้ ท่านนำทางไปเลย”
“เชิญด้านนี้!”
จุนหมิงซินและเย่หยวนทั้งสองคนจึงได้เดินหายไปจากยอดตะวันลับ
“หา!”
เวลานี้ผู้คนบนยอดตะวันลับทั้งหลายต่างร่ำร้องขึ้น
“ข้าเห็นอะไรอยู่? ท่านลุงใหญ่เป็นถึงจักรพรรดิเทพสวรรค์ แต่เขากลับมาก้มหัวขอโทษชายหนุ่มผู้หนึ่ง?”
“ท่านลุงใหญ่กล่าวว่าอย่างไร? รองมหาปราชญ์? มันคือสิ่งใดกัน?”
“ใครจะไปรู้เล่า แต่ดูอย่างไรก็ต้องเป็นคนใหญ่คนโตแน่! ไม่เช่นนั้นกับแค่เทพสวรรค์มีหรือที่ท่านลุงใหญ่จะวางตัวทำท่าทางเคารพขนาดนั้น?”
…
ทุกผู้คนต่างกล่าวร้องขึ้นตามๆ กันถึงตัวตนของเย่หยวน
แต่พวกเขาทั้งหลายนั้นสุดท้ายก็เป็นแค่นักยุทธระดับล่าง เรื่องราวของรองมหาปราชญ์ใดๆ พวกเขาไม่อาจรู้ได้
หลินฉางชิงนั้นได้แต่ยืนนิ่ง จนถึงเวลานี้เขาก็ยังไม่อาจเข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นตรงหน้าได้
และเป็นเจิ้งหยูเฟิงที่เดินเข้ามาตบบ่าเรียกสติเขา “แท้จริงก่อนหน้านี้ข้าก็ไม่อยากจะเชื่อว่าเขานั้นคือรองมหาปราชญ์แห่งวิหารนักบวช ตัวตนที่เป็นรองเพียงแค่มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลเพียงผู้เดียว! แม้แต่ศิษย์ทั้งสิบเอ็ดนั้นเองก็ยังอยู่ในตำแหน่งที่ต่ำกว่าเขา!”
หลินฉางชิงสั่นสะท้านไปทั้งร่างกายมองดูเจิ้งหยูเฟิงอย่างไม่อยากเชื่อ
เขานั้นเฝ้าเก็บตัวบ่มเพาะมาตลอดพันปีนี้ย่อมจะไม่ได้รู้เรื่องราวใดๆ ที่เกิดขึ้นในโลกภายนอก
แต่ชื่อวิหารนักบวชหรือมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลและศิษย์ทั้งสิบเอ็ดนั้น แม้แต่ตัวเขาก็เคยได้ยินมาก่อน
เย่หยวนผู้นี้กลับอยู่เหนือหัวศิษย์ทั้งสิบเอ็ดนั้น!
เรื่องราวเช่นนั้นมันจะเป็นไปได้อย่างไร?
เจ้าเย่หยวนคนนี้มันคือคนที่เขาไปหาเรื่องดูถูกเหยียดหยามในเมืองจักรพรรดินั้นจริงๆ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...