“รองมหาปราชญ์เก่งกาจขนาดนี้ได้อย่างไร?”
“ต่อหน้าเหล่ายอดฝีมืออาณาจักรบรรพกาลขั้นปลายทั้งหลายนั้นรองมหาปราชญ์กลับเอาชนะมาได้อย่างสิ้นเชิง! รองมหาปราชญ์เองก็มีอายุเพียงเท่านี้แต่จะบอกว่าเขานั้นกลับขึ้นมาเป็นถึงยอดฝีมืออาณาจักรบรรพกาลขั้นปลายได้?”
“จะอย่างไรมันก็ยังมีจุดสิ้นสุด! ศิษย์คนโตจางจื้อหลิงนั้นเป็นยอดฝีมืออาณาจักรบรรพกาลขั้นสุด เป็นตัวตนที่ปกครองโลกหล้าอย่างแท้จริง! ต่อหน้าเขานั้นต่อให้รองมหาปราชญ์จะแพ้คนทั้งหลายก็คงไม่มีใครกล้าว่ากล่าวใด!”
…
เย่หยวนได้เดินผ่านหน้าศิษย์ลำดับสองที่นั่งนิ่งด้วยความตื่นตะลึงที่พ่ายแพ้อย่างย่อยยับ
ครั้งนี้มันถึงเวลาของยอดคนที่อยู่บนจุดสุดยอดของโลกหล้าอย่างจางจื้อหลิงแล้ว!
อาณาจักรบรรพกาลขั้นสุดนั้นมันคือสุดเส้นทางที่นักหลอมโอสถจะเดินไปได้
หากมันไม่มีโอกาสอันเหนือล้ำจริงๆ คนทั้งหลายก็ย่อมจะไม่อาจเข้าใจถึงโอสถเต๋าได้
เหล่ายอดศิษย์ของบรรพกาลทั้งหลายนั้นต่างล้วนแล้วแต่เป็นยอดคนที่บ่มเพาะฝึกฝนมานับล้านๆ ปี แต่ส่วนมากแล้วมันก็ต้องมาหยุดลงตรงนี้
ยอดฝีมือในระดับของมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลนั้นเอง ศิษย์คนโตทั้งสามของเขาก็ยังหยุดอยู่ที่อาณาจักรบรรพกาลขั้นสุดนี้!
แต่มันไม่มีใครเลยที่จะเรียนรู้ถึงโอสถเต๋าได้
มนุษย์นั้นมีจำนวนมากล้น วิชาโอสถรุ่งเรืองมันย่อมจะมีนักหลอมโอสถที่ขึ้นถึงอาณาจักรบรรพกาลขั้นสุดอยู่บ้าง
แต่ในหมู่คนทั้งหลายนั้นมันไม่มีใครที่จะก้าวผ่านก้าวสุดท้ายนี้ไปได้
หากมิใช่เพราะการเรียกของโอสถบรรพกาลแล้ว คนทั้งหลายที่อยู่ในระดับบรรพกาลนั้นก็คงไม่ออกหน้ามา
เวลานี้เหล่าคนที่ติดตามขึ้นมาดูเรื่องราวต่างตื่นเต้นกันอย่างถึงที่สุด
การประลองของยอดฝีมือนี้จะไปหาดูได้ที่ไหน?
งานประชุมโอสถสหภูมิภาคครั้งนี้มันถูกจัดขึ้นเพื่อให้เหล่าคนรุ่นใหม่ได้แสดงฝีมือ
ทุกคนต่างไม่นึกไม่ฝันว่ามันจะมีการประลองของยอดคนอาณาจักรบรรพกาลขั้นสุดเช่นนี้!
จางจื้อหลิงมองดูเย่หยวนด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง “เดินมาจนถึงที่นี่ได้ด้วยอายุเท่านี้ เจ้าคงทำให้คนทั้งโลกตกตะลึงแล้ว จางผู้นี้ขอชื่นชม!”
สภาพของจางจื้อหลิงในเวลานี้มันไม่ได้ดูเหมือนศิษย์ของบรรพกาลเฟิงหลินใดๆ แต่มันเหมือนท่าทางของปรมาจารย์คนหนึ่ง
เย่หยวนนั้นเก่งกาจ เขาเห็นมากับตา
แต่มันก็ยังไม่มากพอจะเขย่าความมั่นใจหนักแน่นของเขา
เมื่อก้าวขึ้นมาถึงระดับนี้ได้ตัวเขาย่อมจะบ่มเพาะความมั่นใจขึ้นมาจนถึงที่สุดและไม่มีอะไรจะมาสั่นคลอนได้
หากมิใช่เหล่าบรรพกาลลงมือเองแล้ว เขาย่อมจะยืนอยู่ในจุดสูงสุด!
ส่วนเรื่องที่ว่าเย่หยวนจะเข้าใจโอสถเต๋าได้หรือไม่นั้นเขาย่อมไม่เคยคิดถึงมัน
เพราะมันไม่มีทางเป็นไปได้
นึกย้อนกลับไปตอนหนุ่มๆ เขานั้นมากพรสวรรค์ปานใด?
ต่อให้มันจะไม่อาจเทียบเย่หยวนตรงหน้านี้ได้ แต่มันก็ไม่ได้อ่อนแอกว่ามากมายนัก
เวลานี้เขาได้บ่มเพาะวิชามานานนับแสนๆ ปีจึงจะก้าวขึ้นมาถึงจุดนี้ได้
เย่หยวนนั้นย่อมจะเป็นยอดคนแสนอัจฉริยะ แต่จะอย่างไรเขาก็ต้องมาหยุดที่ก้าวนี้นานนับแสนๆ ล้านๆ ปี!
“กฎเหมือนเดิม เจ้าเป็นคนรุ่นหลัง เจ้าเลือกหัวข้อโอสถเถอะ” เย่หยวนตอบกลับไป
คนทั้งหลายที่มองดูเรื่องราวต่างต้องหันมาหาเย่หยวนด้วยสายตาแปลกๆ ถึงเวลานี้แล้วยังว่าท่าเป็นผู้อาวุโสมันช่างดูขัดตาเสียจริง
แต่คำพูดนี้มันคือความจริงที่ไม่มีใครจะเถียงได้
จางจื้อหลิงนั้นควบคุมตัวเองได้ดีกว่าศิษย์คนอื่นๆ มากไม่เหมือนศิษย์น้องทั้งหลาย
เขานั้นไม่ได้แสดงท่าทีไม่พอใจใดๆ ออกมา เพียงแค่ยิ้มตอบกลับ “มันจบลงเท่านี้แหละ เดินมาจนถึงหน้าจักรพรรดิผู้นี้ได้มันก็แสดงได้ชัดเจนแล้วว่าเจ้าเก่งกาจสมชื่อรองมหาปราชญ์ ถอยกลับไปเสียแล้วเราจะถือว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้น หากยังดื้อด้านความพ่ายแพ้นี้จะกระทบจิตแสวงเต๋าของเจ้าเอา!”
“ชิๆ จะอย่างไรปรมาจารย์ก็คือปรมาจารย์ ความอดทนนี้… เหนือล้ำจริงๆ!”
“จางจื้อหลิงนั้นมีกำลังไม่ได้ด้อยไปกว่ามหานักบวชดวงชะตาแห่งวิหารนักบวช!”
“เขานั้นเป็นผู้ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลกหล้า หากเหล่าบรรพกาลไม่ออกหน้าเองแล้วใครจะกล้าท้าทาย! หากรองมหาปราชญ์ยังมีสติอยู่บ้างเขาก็ควรจะถอย”
…
ท่าทางของจางจื้อหลิงนั้นทำให้คนทั้งหลายกล่าวชื่นชมไม่ขาดปาก
เพราะนี่มันคือท่าทางของยอดคนที่แท้!
เย่หยวนได้แต่หรี่ตาลงหัวเราะ “แม้เจ้าจะเป็นคนเฒ่าที่อยู่มานับล้านๆ ปีแต่ในเต๋าโอสถ ผู้ที่ก้าวถึงก่อนก็ย่อมจะเป็นผู้อาวุโส! เจ้าไม่ได้คิดว่าเย่ผู้นี้คือรองมหาปราชญ์ใดๆ แต่ก็ไม่เป็นไร! หากเป็นเช่นนั้น… ข้าก็จะแสดงให้เจ้าได้เห็นกับตานั้นเอง!”
ตั้งแต่จู้เทียนเซียงจนมาถึงจางจื้อหลิงนี้ รวมไปถึงคนทั้งหลายในที่นี้พวกเขาทั้งหลายต่างคิดว่าที่เย่หยวนมาเป็นรองมหาปราชญ์ได้นั้นมันเพราะอำนาจของมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาล
เพราะฉะนั้นพวกมันทั้งหลายจึงกล้าที่จะขุดหลุมล่อให้จักรพรรดิเทพสวรรค์เจิ้งหมิงโดดลงไปเช่นนั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...