“ขั้นเทวะวิญญาณมรณา! มันกลับเป็นถึงโอสถวิญญาณบรรพกาลศึกทักษิณขั้นเทวะวิญญาณมรณา…”
“ดูสภาพแล้วมันคงอยู่ถึงระดับสุดเลยใช่หรือไม่?”
“สมชื่อจางจื้อหลิง! โอสถวิญญาณบรรพกาลศึกทักษิณนั้นมันเป็นโอสถที่เหล่าจอมเทพโอสถแปดดาวไม่กล้าแม้แต่จะลองหลอม เขาผู้นี้กลับหลอมมันได้ถึงขั้นเทวะวิญญาณมรณา สมแล้วจริงๆ ที่เป็นผู้เก่งกาจที่สุดในโลกหล้า!”
…
โอสถวิญญาณบรรพกาลศึกทักษิณขั้นเทวะวิญญาณมรณานั้นมันคือสมบัติล้ำค่าระดับตำนาน
แค่การหลอมโอสถวิญญาณบรรพกาลศึกทักษิณขึ้นมาได้นั้นมันก็นับว่าเป็นเรื่องทรงเกียรติแล้ว
แต่จางจื้อหลิงนี้กลับหลอมมันได้จนถึงขั้นเทวะวิญญาณมรณา
ฝีมือระดับนี้มันคงเอาชนะทุกผู้คนในมหาพิภพถงเทียนได้สิ้นแล้ว
ในหมู่ยอดค่ายสำนักทั้งหลายนั้นที่มายังงานประชุมโอสถสหภูมิภาคนี้หากไม่นับเหล่าตัวบรรพกาลแล้ว มันก็คงไม่มีใครจะเหนือล้ำกว่าเขาผู้นี้ไปได้
อย่างมากที่สุดมันก็คงเป็นคนที่มีฝีมือระดับเดียวกัน
คนทั้งหลายนั้นต่างหันมามองดูเย่หยวนด้วยความสงสาร จางจื้อหลิงนั้นไดเปิดทางออกให้แก่เขาไปแล้วแต่เขากลับดื้อรั้นหาเรื่องใส่ตัวเอง
จางจื้อหลิงมองดูเย่หยวนด้วยรอยยิ้มจางๆ “รองมหาปราชญ์ จางผู้นี้ก็ได้บอกให้เจ้าจากไปแล้ว ข้านั้นนับถือในพรสวรรค์ของเจ้าจริงๆ จนไม่อาจลงมือทำลายจิตแสวงเต๋าของเจ้าได้ แต่เจ้านั้นกลับจับมัดมือข้าชกแล้ว”
เมื่อเย่หยวนได้ยินเขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้น
จางจื้อหลิงคิดว่าตนชนะแน่แล้ว?
แน่นอนว่ามันมิใช่แค่ตัวเขา แต่แม้ในหมู่คนทั้งหลายในที่นี้เองมันก็ต่างคิดว่าเย่หยวนต้องแพ้ลงแน่แล้ว
“ทำลายจิตแสวงเต๋า? แค่คนอย่างเจ้านี้มันย่อมยังไม่มีฝีมือพอทำ! เจ้าอย่าได้ลืมไปว่าเหนือขั้นเทวะวิญญาณมรณามันยังมีขั้นเทวะตำนาน!” เย่หยวนส่ายหัวออกมาพร้อมพูดบอก
“ขั้นเทวะตำนาน? หึๆ มันมิใช่ว่าจางผู้นี้คิดดูถูกดูแคลนใดๆ แต่ก้าวย่างนี้มันยากจนเกินไป! ยอดฝีมือในรุ่นเดียวกับจางผู้นี้ต่างล้วนมีฝีมือไม่ต่างจากจางผู้นี้ไปมากมายนัก ต่อให้จะเป็นศิษย์คนโตของมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาล มหานักบวชเขียนมณีเองก็ยังไม่อาจจะหลอมโอสถวิญญาณบรรพกาลศึกทักษิณได้ถึงขั้นเทวะตำนาน” จางจื้อหลิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ในสายตาของเขานั้นเย่หยวนย่อมจะแค่พยายามพูดจาหาทางรอดจากทางตันนี้
โอสถขั้นเทวะตำนานนั้นมันมิใช่ว่าเขาไม่อาจหลอมได้
เพียงแค่ว่ากับโอสถวิญญาณบรรพกาลศึกทักษิณแล้ว เขาทำไม่ได้
การหลอมโอสถวิญญาณบรรพกาลศึกทักษิณให้ขึ้นถึงขั้นเทวะตำนานนั้นมันคงมีแต่เหล่าบรรพกาลทั้งหลายเท่านั้นที่จะทำได้!
แต่เย่หยวนนั้นเก่งกาจถึงระดับบรรพกาลหรือ?
แน่นอนว่าไม่มีทาง!
“หึๆ โอสถวิญญาณบรรพกาลศึกทักษิณขั้นเทวะตำนาน ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่ามีจริง!”
“พรสวรรค์นั้นมีอยู่ แต่ความไม่ประเมินตัวเองก็มีอยู่ไม่แพ้พรสวรรค์นั้น”
“บางทีนี่อาจจะเป็นวิถีของยอดฝีมือ ขั้นเทวะตำนานมันอาจจะเป็นแค่ขยะต่อหน้าเขาก็ได้”
…
คำพูดทั้งหลายนั้นมันย่อมเปี่ยมล้นไปด้วยความแดกดัน
คนทั้งหลายนั้นเชิดชูผู้แข็งแกร่งและตัวจางจื้อหลิงที่หลอมโอสถวิญญาณบรรพกาลศึกทักษิณขั้นเทวะวิญญาณมรณาได้ก็ย่อมจะเป็นตัวตนที่ไม่อาจโค่นล้มลงได้
เพราะฉะนั้นเมื่อได้ยินเย่หยวนพูดถึงขั้นเทวะตำนาน คนทั้งหลายจึงไม่คิดใส่ใจให้มากมายนัก
จุดสูงสุดนั้นเจ้าจะขึ้นไปถึงได้ง่ายๆ หรือ?
เย่หยวนตอบกลับไป “ข้าก็บอกไปแล้วว่าเจ้านั้นเป็นคนรุ่นเยาว์กว่าข้า อย่าได้เอาความสามารถของคนรุ่นเจ้ามาเทียบกับคนรุ่นข้าเลย เจ้ายังไม่มีสิทธินั้น”
นั่นทำให้คนทั้งหลายต้องขมวดคิ้วแน่นขึ้นมาอีกครั้งเพราะท่าทางของเย่หยวนนี้มันก็ยังทำตัวเหมือนเป็นผู้อาวุโสได้อย่างน่าอาย!
เจ้าหมอนี่มันคิดว่าตัวเองเป็นบรรพกาลจริงๆ?
จางจื้อหลิงยิ้มตอบกลับมา “เช่นนั้นหรือ? เช่นนั้นรองมหาปราชญ์ช่วยสั่งสอนข้าด้วย”
เย่หยวนพยักหน้ารับก่อนจะชี้นิ้วออกมากลางอากาศวาดสร้างค่ายกลที่ลึกลับซับซ้อนอย่างต่อเนื่อง
ค่ายกลในครั้งนี้มันลึกล้ำอย่างมาก
จางจื้อหลิงนั้นเป็นยอดคนในเต๋าโอสถ แต่เขาย่อมจะไม่มีความรู้เรื่องค่ายกลมากมาย
เขานั้นรู้แค่ว่าค่ายกลนี้ดูซับซ้อน ลึกลับ แต่ว่ามันจะหลอมโอสถได้หรือไม่นั้นเขาย่อมจะไม่อาจรู้ได้
แต่ดูท่ามันคงหลอมอะไรไม่ได้
เพราะการจะใช้ค่ายกลมาหลอมโอสถวิญญาณบรรพกาลศึกทักษิณนั้นมันเหมือนเป็นแค่เรื่องตลก
หากไม่มีแรงส่งจากหม้อหลอม ไม่มีพลังจากการควบคุมไฟที่เหมาะสม เพียงแค่ใช้มหาค่ายกลนี้มันจะหลอมโอสถที่เหนือกว่าขั้นเทวะวิญญาณมรณาขั้นสุดได้?
ไม่มีทางเสียหรอก!
คนทั้งหลายเองก็มีความคิดไม่ต่างไปจากนี้นัก
ไม่ใช่ว่าพวกเขานั้นดูถูกเย่หยวน ความสามารถของเย่หยวนนั้นมันได้ทำให้คนทั้งหลายต้องขนลุกมาหลายครา
แต่เพียงแค่ว่าอีกฝ่ายนั้นเก่งกาจจนเกินไป!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...