จอมเทพโอสถ นิยาย บท 2301

สรุปบท ตอนที่ 2301 เจ้าเด็กนรกรีบไสหัวกลับมา!: จอมเทพโอสถ

ตอนที่ 2301 เจ้าเด็กนรกรีบไสหัวกลับมา! – ตอนที่ต้องอ่านของ จอมเทพโอสถ

ตอนนี้ของ จอมเทพโอสถ โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายActionทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 2301 เจ้าเด็กนรกรีบไสหัวกลับมา! จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

โอสถขั้นเทวะตำนานปรากฏขึ้นเช่นนี้มันก็เหมือนกับสมบัติล้ำค่าได้เกิดขึ้นมาสู่โลก

ที่สำคัญไปกว่านั้นคือมันจะเพิ่มประสิทธิภาพของโอสถวิญญาณบรรพกาลศึกทักษิณไปอีกมาก

การกินโอสถวิญญาณบรรพกาลศึกทักษิณขั้นเทวะตำนานลงไปนี้มันจะช่วยให้จักรพรรดิเทพสวรรค์บรรลุดาวขึ้นได้ทันที!

สำหรับการบ่มเพาะในอาณาจักรจักรพรรดิเทพสวรรค์แล้ว การจะขึ้นในแต่ละดาวนั้นมันต้องใช้เวลานับล้านปี

จักรพรรดิเทพสวรรค์บางคนที่ไม่ได้มากพรสวรรค์ก็อาจจะใช้เวลาถึงสิบล้านปีกว่าที่จะบรรลุดาวขึ้นมาได้

การจะขึ้นแต่ละดาวนั้นมันยากเสียยิ่งกว่าคำว่ายาก!

เพราะฉะนั้นเวลานี้ดวงตาของเหล่ายอดฝีมือทั้งหลายมันจึงแดงก่ำ

โอสถนี้หากอยู่ในมือจางจื้อหลิงแล้วมันก็คงไม่เป็นปัญหาใดเพราะเขานั้นเป็นถึงเจ้าฟ้าดินผู้หนึ่ง

แน่นอนว่าหากเย่หยวนเก็บไว้เองมันก็คงไม่มีปัญหาใดๆ เช่นกัน

เพราะด้วยตำแหน่งของเย่หยวนนั้น อย่างน้อยๆ ในอาณาจักรหทัยเมฆานี้มันก็คงไม่มีใครกล้าลงมือใด

หากแต่เมื่อมันมาอยู่ในมือของมู่เถี่ยเฉิงแล้วมันก็เหมือนเด็กน้อยสามขวบเดินถือทองคำเล่นในเมืองอันวุ่นวาย

แน่นอนว่าเขานั้นเก่งกาจ แต่คนที่เก่งกาจกว่าเขานั้นยังมีอีกมากมาย!

“ร-รองมหาปราชญ์ โอสถนี้… ท่านเก็บไว้เองเถอะ มู่ผู้นี้ไม่มีดวงจะได้ครอบครองมัน” มู่เถี่ยเฉิงกล่าวขึ้นด้วยสีหน้าเจ็บช้ำ

การที่จะพูดกล่าวเช่นนี้ออกมา เขาก็ต้องกัดฟันข่มใจไว้อย่างหนักหน่วง

เพราะแท้จริงแล้วหากเขาได้โอสถนี้ไปเขาก็คงไม่คิดจะขายและเก็บมันไว้ใช้เอง

แต่เขานั้นรู้ว่าตนเองคงไม่มีปัญญาจะเอามันออกไป

เย่หยวนตอบกลับไป “เก็บไปเถอะ เดี๋ยวเจ้าลงเขาไปกับข้า”

มู่เถี่ยเฉิงสั่นสะท้านไปทั้งกายกล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้มกว้าง “ขอบพระคุณรองมหาปราชญ์มาก! ขอบพระคุณรองมหาปราชญ์จริงๆ!”

คนทั้งหลายที่ได้ยินเองต่างก็ต้องผงะ ความกระหายเลือดบ้าคลั่งใดๆ ของพวกเขามันค่อยๆ เบาบางลงเมื่อได้ยิน

เพราะเรื่องราวในเวลานี้ตัวมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลก็คงรู้ถึงมันแล้ว

หากลงมือใดๆ ต่อรองมหาปราชญ์ไปเวลานี้ พวกเขาทั้งหลายคงได้ตายอย่างไรที่กลบฝัง

เรื่องโง่ๆ เช่นนั้นมันย่อมไม่มีใครคิดทำ

เพียงแค่ว่ามันช่างน่าเสียดาย

“อ่อก!”

ในฝูงชนที่ตามมาติดๆ นั้นตัวฟางเทียนเหรินที่ได้เห็นมู่เถี่ยเฉิงเก็บโอสถวิญญาณบรรพกาลศึกทักษิณขั้นเทวะตำนานลงไปก็ถึงกับต้องกระอักเลือดคำโตร่วงไปนอนหมดสติกับพื้น

การกระทำนี้ของเย่หยวนมันเป็นการตอกย้ำว่าเขานั้นยอมทิ้งทองไปเก็บหินอย่างไร้สมอง!

เจ้าโอหังมากมิใช่หรือ?

คิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่นัก?

เจ้าบอกว่ารองมหาปราชญ์นั้นไร้ค่าใด?

ก็ย่อมได้ ข้าจะทำให้เจ้าต้องเจ็บแค้นจนแทบตาย!

เมื่อเห็นตัวฟางเทียนเหรินล้มลงไปเช่นนั้นคนทั้งหลายต่างก็อดไม่ได้ที่จะหันมามองด้วยความสมเพช

ส่วนอีกด้านทางจางจื้อหลิงนั้นยังคงยืนนิ่งไม่อาจกลับมาตั้งสติใดๆ ได้

เย่หยวนมองดูและกล่าวถามขึ้น “ข้าไปได้แล้วใช่หรือไม่?”

จางจื้อหลิงที่ได้ยินก็สั่นสะท้านไปทั้งกายก่อนจะกล่าวถามขึ้น “เจ้า… ทำได้อย่างไร? ไม่มีคลื่นต้นกำเนิดลึกลับใดแต่เจ้ากลับหลอมโอสถขั้นเทวะตำนานขึ้นมาได้!”

เย่หยวนมองดูที่ใบหน้าตื่นตะลึงนั้นอย่างหนักใจ “ข้าก็บอกเจ้าไปแล้วว่าเจ้านั้นเป็นผู้เยาว์ เพียงแค่ว่าเจ้ากลับไม่คิดสนใจมัน”

พูดจบเย่หยวนก็เดินผ่านตัวจางจื้อหลิงขึ้นไปบนโถงใหญ่ ณ ยอดเขา

มู่เถี่ยเฉิงก็ได้แต่ก้มหัวต่ำเดินตามไป

จางจื้อหลิงนั้นสะดุ้งตัวขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะกล่าวพึมพำ “ข้ากลับแพ้พ่ายลงต่อเด็กน้อยผู้หนึ่ง เช่นนั้นความพยายามหลายล้านปีของข้านี้มันจะทำไปเพื่อสิ่งใด?”

“น่าขัน! บ้าบอสิ้นดี! ข้านั้นคิดไปเสียว่าข้านั้นยืนอยู่จุดสูงสุดภายใต้โอสถเต๋า ที่แท้กลับถูกเด็กน้อยคนหนึ่งเอาชนะลงได้!”

“ฮ่าๆๆ… จุดสุดยอดของเต๋าโอสถบ้าบอใด! อาณาจักรบรรพกาลขั้นสุดใด! ข้าจางจื้อหลิงนี้มันก็แค่หมาขี้แพ้ตัวหนึ่ง!”

เวลานี้มันเหมือนราวกับว่าตัวจางจื้อหลิงกลายเป็นคนบ้าไป

ทุกผู้คนต่างหันมามองเขาด้วยสายตาสงสารและตื่นตะลึง

จางจื้อหลิงนั้นเคยบอกว่าจิตแสวงเต๋าของเย่หยวนมันจะพังทลายลง ไม่นึกว่าฝ่ายที่ต้องเสียจิตแสวงเต๋าไปมันจะกลายเป็นตัวเขา!

แต่คนทั้งหลายก็พอเข้าใจความรู้สึกของจางจื้อหลิงได้

ยอดฝีมือที่อยู่บนจุดสูงสุดผู้นี้กลับแพ้พ่ายลงแก่เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่เพิ่งสร้างชื่อให้ตัวเองได้

การประลองของยอดคนระดับนี้แสนๆ ล้านๆ ปีมันจะเกิดขึ้นมาสักครั้ง

ครั้งนี้พวกเขาเกือบจะได้เห็นมันอยู่ตรงหน้า ไม่นึกว่าบรรพกาลเฟิงหลินกลับสั่นไม่ให้พวกเขาได้ดูการประลองใดๆ อีก

จางจื้อหลิงสั่นสะท้านไปทั้งกายก่อนจะหันไปเรียกศิษย์น้องทั้งหลายขึ้นเขาไป

เวลานี้พวกจ้าวซีซวนทั้งห้านั้นกำลังดื่มกินอยู่อย่างสนุกสนานโดยมีจักรพรรดิเทพสวรรค์จื่อจินเป็นเจ้าภาพ

“หึๆ เจ้าเด็กคนนั้นมันไม่ประเมินตัวเองจนเกินไป! มันคิดว่าตนเองเป็นใครคิดกล้าไปท้าทายบรรพกาลเฟิงหลินเช่นนั้น!” จ้าวซีซวนกล่าวขึ้นมาด้วยสีหน้าดูถูก

จักรพรรดิเทพสวรรค์จื่อจินตอบกลับมา “ก็ต้องยอมรับว่ารองมหาปราชญ์นั้นเก่งกาจสมชื่อจริงๆ! เพียงแค่ว่าต่อหน้ายอดคนระดับบรรพกาลแล้ว เขายังจะอายุน้อยเกินไป! หากนับเวลาดู ตอนนี้เขาคงพ่ายแพ้ไปแล้วใช่หรือไม่?”

จู้เทียนเซียงตอบกลับ “อืม หากให้ข้าเดา ศิษย์พี่รองข้าคงไม่อาจเอาชนะได้ แต่เวลานี้มันก็คงแพ้พ่ายให้ศิษย์พี่ใหญ่ข้าไปแล้ว”

จักรพรรดิเทพสวรรค์จื่อจินยิ้มขึ้นมา “เวลานี้พวกที่ออกไปดูเรื่องราวมันกำลังกลับมา คงมารายงานได้ในไม่ช้า”

แต่ในเวลานั้นเองมันกลับมีเสียงดังสนั่นสะท้านเข้ามาถึงหูของจู้เทียนเซียงทำให้ตัวเขาแทบสะดุ้งผุดลุกขึ้น

“เจ้าเด็กนรก ไสหัวกลับมาหาอาจารย์บัดเดี๋ยวนี้!”

จู้เทียนเซียงหน้าเปลี่ยนสีไปอย่างฉับพลันพร้อมพ่นสุราที่กำลังดื่มออกมากลางโต๊ะจนเกิดเป็นสายรุ้ง

เขานั้นไม่ได้พูดกล่าวใดๆ รีบลุกพุ่งตัวหายไปจากเมืองหทัยเมฆาทันที

คนอื่นๆ ที่ได้เห็นนั้นต่างหันมองหน้ากันอย่างมึนงง

เพราะแม้เสียงที่จู้เทียนเซียงได้ยินนั้นมันจะดังลั่นเพียงใด แต่มันกลับไม่เข้าหูคนอื่นๆ เลย

จนเกิดมีคนถามขึ้น “พี่จู้เป็นอะไรไป? ทำไมถึงได้จากไปอย่างไม่บอกกล่าวเช่นนี้?”

แต่จู่ๆ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนสีไปก่อนจะพุ่งตัวหายตามไปอีกคน

จากนั้นก็คนที่สาม คนที่สี่!

จ้าวซีซวนหน้าเปลี่ยนสีถามขึ้นมาด้วยคิ้วขมวดแน่น “มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? เจ้าพวกนี้ไปไม่บอกไม่กล่าว…”

“เจ้าเด็กนรกส่งมาเกิด ดูสิว่าเจ้าทำอะไรลงไป! ทำไมยังไม่รีบไสหัวกลับมาหาอาจารย์เจ้าอีก?! กลับมาบัดเดี๋ยวนี้! อย่าได้ช้า!”

พร้อมๆ กันนั้นมันก็เกิดเสียงคำรามขึ้นที่ข้างหูของเขาจนทำให้ตัวเขาต้องพุ่งตัวหายไปอีกคน

จักรพรรดิเทพสวรรค์จื่อจินและจักรพรรดิเทพสวรรค์ชิงหยูนั้นได้แต่ต้องหันมามองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นตรงหน้านี้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ