“นั่นคือเหลนข้า! พวกเจ้าเห็นหรือไม่? เขานั้นคือหยุนยี่! เขานั้นคือเหลนของข้า! เหลนของข้าเอาชนะงานประชุมโอสถสหภูมิภาค! ฮ่าๆๆ…”
ในกลุ่มคนนั้นเทพสวรรค์ดันหยู่ยิ้มหัวเราะพร้อมตะโกนลั่นขึ้นมา
แม้ว่าตัวเทพสวรรค์ดันหยู่นั้นจะโอหังถือตัวว่าเก่งกาจแค่ไหนเขาก็ไม่เคยนึกฝันว่าเหลนของตนนั้นจะกลับมายืนอยู่ในแนวหน้าของมหาพิภพถงเทียนได้เช่นนี้ ยิ่งได้กลายเป็นยอดคนอัจฉริยะอันดับหนึ่งเช่นนี้แล้วด้วย!
มันมิใช่ว่าเขาไม่เคยจะวาดฝัน เพียงแค่เขานั้นรู้ตัวว่าด้วยความสามารถของตนเองนั้นมันคงไม่มีทางไปถึงได้
ความยากจนนั้นมันได้จำกัดจินตนาการของเขาไว้!
สำหรับเขาแล้วอย่างมากที่สุดที่หยุนยี่จะทำได้มันก็คงเป็นแค่ขึ้นมารับอำนาจแทนตำแหน่งของเขาเพื่อครอบครองวงการโอสถในดินแดนใต้
แต่เวลานี้หยุนยี่กลับก้าวล้ำจุดนั้นไปอย่างไม่อาจเทียบ ไปจนถึงจุดที่เขาไม่กล้าจะวาดฝัน
เอาชนะโซวรุยได้เช่นนี้หยุนยี่ในเวลานี้มันคงนับได้ว่าเป็นยอดอัจฉริยะอันดับหนึ่งอย่างแท้จริง!
แล้วได้เห็นเช่นนั้นมีหรือที่เทพสวรรค์ดันหยู่จะจดจำการทรยศของหยุนยี่ไว้? มีหรือที่จะจดจำความแค้นใดๆ ที่เคยมีกับเย่หยวน?
เวลานี้สิ่งเดียวที่เขารู้สึกเปี่ยมล้นใจคือความภาคภูมิ
ที่ด้านข้างตัวเขานั้นจักรพรรดิเทพสวรรค์จั่วหยุน จักรพรรดิเทพสวรรค์วันเปาและเทพสวรรค์เปียวหยูต่างมองดูภาพตรงหน้าอย่างมึนงง
ดูท่าพวกเขาทั้งหลายเองก็คงไม่มีใครคาดฝันว่าเรื่องราวมันจะกลายเป็นเช่นนี้ไป
แต่คนอื่นๆ นั้นกลับหันมามองหน้าเทพสวรรค์ดันหยู่แปลกๆ ราวกับมองดูคนบ้า
“ก็เคยเห็นมาก่อนนะพวกที่อ้างตัวเป็นญาติ แต่ไม่เคยจะเห็นใครหน้าด้านทำถึงขนาดนี้”
“เขาชนะแล้วเขาก็เป็นเหลนเจ้า เช่นนั้นแล้วก่อนหน้านี้เจ้าไปอยู่ที่ใดมา? เพิ่งจะมาอ้างตัวเป็นญาติเอาเวลานี้ ข้าอ้างว่าเจ้าเป็นเหลนข้าบ้างไหมเล่า!”
“ไปไกลๆ ไป! หน้าตาท่าทางโง่ๆ ของเจ้านี้มีหรือจะสั่งสอนเหลนได้ถึงขั้นนั้น?”
…
มันไม่มีใครคิดเชื่อเทพสวรรค์ดันหยู่เลย
เพราะเหล่ายอดคนจากเขาขนนกนั้นต่างมีที่นั่งประจำของตนเองแยกไว้ หากหยุนยี่นั้นเป็นเหลนของเขาอย่างที่เทพสวรรค์ดันหยู่ว่าเหตุใดเขาจะมานั่งดูจากที่นั่งคนทั่วไปในมุมน้อยๆ เช่นนี้?
ยิ่งได้เห็นมันก็ยิ่งทำให้คนทั้งหลายรู้สึกขำขัน
เทพสวรรค์ดันหยู่นั้นหน้าดำมืดลงด้วยความอับอาย
แน่นอนล่ะว่าหากเขาคิดยอมรับสนับสนุนหยุนยี่แต่แรก เรื่องราวในเวลานี้มันคงไม่มีทางเกิดขึ้น
เมื่อทุกคนเห็นท่าทางนั้นของเขา พวกเขาก็ยิ่งมั่นใจไปใหญ่ว่าเขานั้นพูดจาไร้สาระ
…
ในห้วงความตื่นเต้นนั้นงานประชุมโอสถสหภูมิภาคก็ได้จบลงและทำให้ชื่อเสียงของเมืองเล็กๆ อย่างวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์อินทรีสวรรค์ในแดนใต้นี้โด่งดังไปทั่วโลกหล้า
จักรพรรดิเทพสวรรค์ฉางเล่อนั้นนำเอาตำราทั้งสองของโอสถบรรพกาลนั้นออกมามอบให้ทั้งหยุนยี่และหนิงซืออวี๋ก่อนจะกล่าวชื่นชมด้วยรอยยิ้มไม่ขาดปาก
เวลานี้หยุนยี่นั้นมีจิตใจสงบนิ่งใกล้เคียงตัวเย่หยวนเขาย่อมไม่ได้คิดสนใจว่าใครจะชื่นชมหรือเยาะเย้ยใดๆ
ส่วนตัวหนิงซืออวี๋นั้นก็นับถือเย่หยวนเป็นอาจารย์เพียงหนึ่ง ไม่ว่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ฉางเล่อจะกล่าวชมอย่างไรนางก็ไม่ได้คิดสนใจ
แต่ขณะที่ทุกผู้คนกำลังคิดไปว่างานประชุมโอสถสหภูมิภาคในครั้งนี้มันจะจบลงด้วยความพ่ายแพ้ย่อยยับของอาณาจักรทหัยเมฆาตัวจักรพรรดิเทพสวรรค์ฉางเล่อก็เดินเข้ามาหาเย่หยวน
“รองมหาปราชญ์ อาจารย์ขอเชิญท่านไปยังเขาทหัยเมฆาเพื่อถกวิชา”
คำพูดนี้มันทำให้คนทั้งหลายต้องหันหน้ามามองดูพร้อมๆ กัน โอสถบรรพกาลคิดออกโรงแล้ว!
นี่แหละคือจุดน่าจับตาของงานที่แท้!
เมื่อคำพูดนี้ถูกกล่าวอากาศมันก็หนักหน่วงขึ้นมาในทันที
โอสถบรรพกาลนั้นมันมิใช่แค่นามของยอดฝีมือ แต่ตัวเขานั้นคือสัญลักษณ์ของเต๋าโอสถ
เขานี้คือท้องฟ้าของเต๋าโอสถ!
เขานี้คือเต๋าบรรพกาลแห่งเต๋าโอสถ!
แน่นอนว่าเขาย่อมมิใช่เต๋าบรรพกาลอย่างแท้จริง แต่ในจิตใจของเหล่านักหลอมโอสถทั้งหลายเขานี้คือเต๋าบรรพกาล!
ตัวตนที่ไร้เปรียบ!
ต่อให้จะเป็นยอดคนอย่างมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลเองก็ยังไม่อาจจะเทียบเคียงกับเขานี้ได้
แต่วันนี้พวกเย่หยวนศิษย์อาจารย์กลับเอาชนะคนอาณาจักรทหัยเมฆาได้สิ้นจนเหมือนได้ตบหน้าอาณาจักรทหัยเมฆาอย่างรุนแรง
นั่นทำให้โอสถบรรพกาลไม่อาจนั่งเฉยได้อีกต่อไป!
เขานั้นเป็นตัวตนที่อยู่เหนือโลกและแทบจะไม่เคยปรากฏตัวออกมาต่อโลกหล้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...