“อั่ก!”
เย่หยวนวางหมากลงพร้อมๆ กับกระอักเลือดคำโตออกมา
เมื่อวางอีกครั้งเขาก็ต้องกระอักเลือดอีกครา
เย่หยวนนั้นมีร่างกายเนื้อที่สุดแสนแข็งแกร่ง แต่เวลานี้เขาแทบจะสิ้นใจลงเสียให้ได้
เขานั้นมีสภาพสุดแสนน่าสมเพช
การประลองโอสถนี้มันไม่ได้แตกต่างจากการต่อสู้ด้วยชีวิตเลย
สำหรับเย่หยวนแล้วมันยากจนเกินไป
มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลอดไม่ได้ที่จะมองดูเย่หยวนและนึกย้อนกลับไปถึงตัวเองในครานั้น
มันช่างเหมือนกันเสียเหลือเกิน!
เขาเองก็มีสภาพแห้งเหี่ยวเช่นนี้อยู่หน้ากระดานหมากนานนับพันๆ ปี
โอสถบรรพกาลนั้นเล็งเล่นงานที่จิตเต๋า มันไม่มีทางใดจะต้านทานหยุดยั้งได้
เย่หยวนนั้นไม่ได้เก่งกาจมากล้ำอยู่แล้ว เวลานี้เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับโอสถบรรพกาลที่แข็งแกร่งกว่าแต่ก่อน เขาย่อมจะทำได้เพียงยอมรับความพ่ายแพ้
“เฮ้อ มันเป็นความผิดข้าเอง เจ้าหนุ่ม… มันคงพิการแน่แล้ว” มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลกล่าวขึ้นพร้อมถอนหายใจ
เพราะต่อให้เขาไม่พูดคนทั้งหลายก็เข้าใจ
ตำนานจะจบลงตรงนี้!
ยอดอัจฉริยะที่สั่นสะท้านโลกาได้ผู้นั้นจะมาจบลงในที่แห่งนี้แล้ว
“สหายหนุ่ม มันจบแล้ว!”
โอสถบรรพกาลกล่าวขึ้นมาด้วยเสียงแหบๆ จากบนฟ้ากว้าง
ฟู่!
หมากถูกวางลงอีกครั้งก่อนจะทำให้กระดานทั้งหมดสั่นสะท้าน
บนกระดานนี้มันเกิดแสงสว่างจ้าขึ้นมาเหมือนดั่งดวงอาทิตย์สีขาวนั้นกลืนกินสีดำไปจนสิ้น
หมากกระดานนี้มันไม่มีที่ให้สีดำอยู่รอดอีกต่อไป
เย่หยวนนั้นสั่นสะท้านไปทั้งกายด้วยดวงตาเหนือล้า
ดูท่าเขาคงใกล้หมดแรงเต็มที
แต่เขานั้นก็ยังครุ่นคิดอย่างหนักหน่วงราวกับว่าไม่ได้เข้าใจถึงสถานการณ์ตรงหน้า
“มันมิใช่เป็นเช่นนี้สิ!” เย่หยวนขมวดคิ้วแน่น
“สหายหนุ่ม เจ้าพ่ายแล้ว” โอสถบรรพกาลกล่าว
เย่หยวนส่ายหัวออกมา “ข้ายังไม่แพ้ มันยังต้องมีทางออกแน่!”
โอสถบรรพกาลนั้นกล่าวออกมาด้วยท่าทางสบาย “เมื่อตอนที่เจ้าลงหมากแรก บรรพกาลผู้นี้ก็ได้เข้าใจถึงหมากร้อยตาหน้า! แต่ละหมากของเจ้านั้นล้วนแล้วแต่อยู่ในการคำนวณของบรรพกาลผู้นี้สิ้น โลกที่เจ้าสร้างขึ้นมานั้นขยับไหวตามสั่งของบรรพกาลผู้นี้ เจ้ายังจะไม่คิดยอมแพ้อีกหรือ?”
นี่มันอาจจะเป็นการประลองแต่แท้จริงมันก็คือการต่อสู้
ใครที่ครอบครองโลกบนกระดานนี้ได้ก็คือผู้ชนะ
สภาพของโอสถบรรพกาลในเวลานี้มันแตกต่างจากโอสถบรรพกาลในอย่าถามไปมาก
โอสถบรรพกาลนั้นเดิมทีก็เป็นแค่เสี้ยววิญญาณและยังถูกมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลกดพลังไว้จึงทำให้เย่หยวนเอาชนะมาได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
ส่วนโอสถบรรพกาลที่อยู่ตรงหน้าเขาในเวลานี้มันมีพลังที่สามารถทำลายฟ้าดินลงได้ง่ายๆ
ไม่ว่าจะมีแผนการใดมันก็ล้วนไม่มีค่าให้ใช้ต่อหน้ากำลังที่แข็งแกร่งล้ำ
การประลองนี้มันถูกโอสถบรรพกาลควบคุมไว้ตั้งแต่ต้นแล้ว
โลกแบบใดที่เย่หยวนคิดสร้างนั้นมันล้วนปรากฏชัดต่อสายตาของโอสถบรรพกาล
เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่ต้องคิดใดๆ
เมื่อมนุษย์คิด เทพเจ้าจะหัวเราะ
มันคือสถานการณ์แบบนั้นอย่างแท้จริง
จุดที่โอสถบรรพกาลยืนอยู่นั้นมันสูงส่ง สูงจนเขาสามารถมองดูการประลองโอสถนี้ได้ด้วยสายตาของเทพเจ้า
ไม่ว่าจะมีแผนการความคิดแยบยลปานใด มีหรือที่มันจะหลุดรอดสายตาของเทพเจ้าไปได้?
เย่หยวนนั้นใช้สมองที่มีทั้งหมดพยายามคิดแต่มันกลับไม่ได้มีค่าใดต่อหน้าโอสถบรรพกาลเลย
“ไม่มีใครหรอกที่จะควบคุมทุกสิ่งอย่างได้! ข้าทำไม่ได้ เจ้าทำไม่ได้ ต่อให้… จะเป็นเต๋าสวรรค์เองก็ทำไม่ได้! ข้าจะแพ้ แต่… ข้าจะไม่แพ้ลงเช่นนี้แน่!” เย่หยวนตอบกลับมาด้วยเสียงแห้งๆ ไร้เรี่ยวแรง
หมากกระดานนี้มันดำเนินมาเกือบร้อยปีและเย่หยวนก็พยายามหนีให้หลุดจากการควบคุมของโอสถบรรพกาลมาตลอด
ทุกก้าวที่เขาเดินนั้นมันยากลำบากอย่างถึงที่สุด
การประลองกับตัวตนระดับเทพเจ้าเช่นนี้หากทำตามที่อีกฝ่ายต้องการไป มันก็ย่อมจะไม่มีทางใดที่จะชนะได้
คนอื่นๆ อาจจะบอกว่าเขานั้นไม่ประมาณตัวเองแต่ไม่ได้รู้เลยว่าแค่ทนมาได้จนถึงเวลานี้มันก็น่าตกตะลึงแค่ไหนแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...