“สหายหนุ่มเย่ เจ้าจะยังฝืนทนอีกหรือ? เจ้าไม่รู้หรือว่าเวลานี้ตนเองได้กลายเป็นที่หัวร่อของคนทั้งเมืองเมฆหนุนแล้ว? เจ้าไม่รู้บ้างหรืออย่างไรว่าพวกมันทั้งหลายนั้นว่ากล่าวอย่างไรลับหลังเจ้า? โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าเจียงเจ๋อนั้น คำพูดของมันช่างน่าชังนัก” ตี้หยางกล่าว
สามปีมานี้เย่หยวนได้ทำการตามหาเก็บเศษเสี้ยวของแนวคิดแห่งกาลเวลามาอย่างต่อเนื่อง
เทียนหยวนตี้หยางสองผัวเมียที่ได้ยินเรื่องจึงได้มาคิดกล่อมให้เขาล้มเลิกความตั้งใจ
แต่เย่หยวนนั้นยังคงดื้อรั้นอย่างมาก
“สองผู้อาวุโส เย่หยวนนั้นได้ตัดสินใจลงไปแล้ว พวกท่านไม่ต้องเสียเวลากล่าวหว่านล้อมข้าหรอก” เย่หยวนยิ้มตอบ
สามปีมานี้เย่หยวนไม่ได้ออกไปบ่มเพาะใดๆ เขานั้นใช้เวลาส่วนมากไปกับการรอข่าวของสัตว์ร้ายซวนสู้ในเมืองเมฆหนุน
ตราบเท่าที่เขาได้ยินข่าวนั้นเขาก็จะมุ่งหน้าออกไปล่าสัตว์ร้ายซวนสู้ทันที
แต่มันก็มิใช่จะนั่งรออย่างเสียเปล่าทีเดียว
เพราะนานครั้งนานทีเย่หยวนก็จะออกไปล่าสัตว์ร้ายต่างๆ ด้วยตัวเองบ้าง
มิติสงครามดึกดำบรรพ์นี้มันมีพลังงานฟ้าดินที่หนักหน่วงหนาแน่นมาก ในเวลาแค่สามปีสั้นๆ นี้เย่หยวนแทบจะขึ้นมาถึงขั้นสุดของอาณาจักรมหาพิภพขั้นต้น
ครั้งนี้เขาได้ยินข่าวมาว่ามันมีราชันสัตว์ร้ายซวนสู้ปรากฏขึ้นมาในป่าน้ำยาว เย่หยวนจึงตัดสินใจที่จะเดินทางออกจากเมืองไปล่าทันที
ราชันสัตว์ร้ายซวนสู้นั้นมันแข็งแกร่งอย่างมาก มีพลังบ่มเพาะใกล้เคียงกับจักรพรรดิเทพสวรรค์หกดาวขั้นสุด แต่พลังต่อสู้ของมันย่อมจะเหนือล้ำกว่านั้นไปมาก
ที่สำคัญกว่านั้นคือแนวคิดแห่งกาลเวลาที่ราชันสัตว์ร้ายซวนสู้ถือครองไว้นั้นมันยิ่งใหญ่ นักยุทธทั่วๆ ไปย่อมจะไม่อาจต่อสู้กับมันได้
เวลานี้เสี้ยวแนวคิดแห่งกาลเวลาที่เย่หยวนสะสมมามันขาดไปอีกแค่ส่วนเล็กๆ
หลังจากจัดการเจ้าราชันสัตว์ร้ายซวนสู้ลงได้นี้ เศษเสี้ยวแนวคิดแห่งกาลเวลาที่เขาสะสมมาได้มันคงครบสมบูรณ์
เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่ได้ลังเลแม้แต่น้อยที่จะเดินทางออกไปล่าสังหาร
เย่หยวนนั้นไม่ได้สนใจเรื่องแต้มเทพสงครามใดๆ แต้มที่เขาได้มาจากการล่าสัตว์ร้ายในช่วงสามปีนี้มันถูกใช้กับการซื้อสมบัติวิญญาณจักรพรรดิเทพสวรรค์และจ่ายค่าข่าวสิ้น
เวลานี้ค่ายกลดาบของเย่หยวนนั้นมันถูกแทนที่ด้วยสมบัติวิญญาณจักรพรรดิเทพสวรรค์จนครบสิ้น
นั่นย่อมทำให้พลังของค่ายกลดาบมันพุ่งทะยานขึ้นอีกหลายเท่า!
เมื่อได้เห็นเย่หยวนเดินทางไปทางด้านเทียนหยวนตี้หยางก็หันมามองหน้ากันอย่างขมขื่น
“เด็กน้อยคนนี้มากพรสวรรค์ล้ำแต่กลับหัวรั้นอย่างถึงที่สุด!” ตี้หยางกล่าว
เทียนหยวนพยักหน้ารับ “ใช่เลย! เจ้าเด็กคนนี้มันเป็นคนหัวแข็งอย่างไร้ทางแก้ไข เราไม่อาจกล่อมใดๆ มันได้เลย”
“หึๆ ดูท่าอัจฉริยะของเราจะออกไปล่าสัตว์ร้ายซวนสู้อีกแล้วหรือ? ชิๆ หลังจากเขาบรรลุแนวคิดแห่งกาลเวลามาได้เขาคงเอาชนะคนทั้งมิติสงครามดึกดำบรรพ์ไปได้แน่! เก่งกาจแท้ๆ! เก่งกาจเสียจริงๆ!” เสียงเย้ยหยันของเจียงเจ๋อดังขึ้นมาจากด้านหลัง
อีกผู้คนหนึ่งก็กล่าวขึ้นมาด้วยเสียงหัวเราะตาม “เจ้าโง่นี้มันคิดใช้วิธีนี้ในการพิสูจน์หรือว่าตัวมันมากพรสวรรค์กว่าว่านเจิ้น? ข้าคงต้องบอกเลยว่า มันช่างโง่เง่าแท้ๆ! ฮ่าๆๆ…”
คำพูดเช่นนั้นตัวเทียนหยวนตี้หยางได้ยินมาจนเอือม
ไม่ว่าจะอย่างไรเสียเรื่องของเย่หยวนนี้ก็ได้กลายเป็นที่ขำขันของทุกผู้คนไปแล้ว
คนทั้งสองนั้นไม่คิดจะเสียเวลาไปเถียงคำด้วยและเดินจากไป
…
เมื่อออกจากเมืองเมฆหนุนมาเย่หยวนก็มุ่งหน้าไปยังป่าน้ำยาวทันที
ป่าน้ำยาวนั้นมันคือรังของสัตว์ร้ายทรงพลังมากมาย ทั้งยังมียอดฝีมือมากมายบ่มเพาะอยู่ภายใน
เย่หยวนนั้นมาถึงที่ที่ได้รับข่าวมาและออกตามหาตัวของราชันสัตว์ร้ายซวนสู้ในทันที
“โฮ่ก!”
หลังจากตามหาไม่นานเย่หยวนก็ได้พบเจอเข้ากับราชันสัตว์ร้ายซวนสู้
เขานั้นยิ้มกว้างพร้อมชักดาบยาวออกมาทันที
ราชันสัตว์ร้ายซวนสู้นั้นเองเป็นสมชื่อว่าเป็นสัตว์ร้ายระดับราชัน เพราะแค่ขนาดตัวของมันนั้นก็ใหญ่กว่าสัตว์ร้ายซวนสู้ทั่วๆ ไปเกือบเท่าตัวแล้ว
เมื่อเย่หยวนก้าวเข้ามาใกล้เขาก็รู้สึกเหมือนตนได้ก้าวลงสู่หลุมดูดกาลเวลา
“โฮ่ก โฮ่ก…”
เมื่อราชันสัตว์ร้ายซวนสู้เห็นหน้ามนุษย์ มันก็ร้องและตะปบเข้าทันที
“เจ้าสัตว์ร้าย เจ้ากล้า?!”
เย่หยวนนั้นขมวดคิ้วก่อนจะใช้แนวคิดแห่งห้วงมิติและค่ายกลดาบออกมาทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...