จอมเทพโอสถ นิยาย บท 2358

สรุปบท ตอนที่ 2358 ห้าพลังกำเนิดรุ่งปะทะค่ายกลดาบนิพพานแท้!: จอมเทพโอสถ

ตอนที่ 2358 ห้าพลังกำเนิดรุ่งปะทะค่ายกลดาบนิพพานแท้! – ตอนที่ต้องอ่านของ จอมเทพโอสถ

ตอนนี้ของ จอมเทพโอสถ โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายActionทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 2358 ห้าพลังกำเนิดรุ่งปะทะค่ายกลดาบนิพพานแท้! จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ภายในกรงขังนี้มันมีสายฟ้าพุ่งผ่านอย่างบ้าคลั่ง!

ที่ใดที่มันผ่านไปนั้นล้วนจะเกิดเสียงร่ำร้องโหยหวนขึ้น!

ผางเจิ้นนั้นมีฝีมือสมชื่อเป็นทายาทเต๋าบรรพกาลสายฟ้า การที่จะสามารถฝึกฝนบ่มเพาะต้นกำเนิดสายฟ้ามาจนถึงระดับนี้ได้มันย่อมจะไม่มีให้เห็นกันง่ายๆ

แนวคิดต่างๆ นั้นมันตัดสินกันที่ระดับความต่ำสูง แต่ขณะเดียวกันมันก็ขึ้นอยู่กับว่าผู้ใช้ใช้งานมันออกมาได้ฉลาดแค่ไหน

คนที่บ่มเพาะแนวคิดระดับสูงนั้นอาจจะไม่ได้แข็งแกร่งกว่าผู้บ่มเพาะแนวคิดพื้นฐานเสมอไป

แต่ผางเจิ้นนั้นย่อมได้รับการสั่งสอนจากเต๋าบรรพกาลสายฟ้าโดยตรงจนทำให้สามารถใช้สายฟ้าออกมาได้จนถึงขั้นนี้

แต่จะอย่างไรคนทั้งหลายนั้นก็เป็นถึงยอดคนที่ติดสิบอันดับแรกมาได้

โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกที่ติดสามอันดับแรกนั้นต่างล้วนแล้วแต่มีฝีมือเหนือล้ำ

ผางเจิ้นนั้นทำตัวเช่นนี้มันย่อมทำให้ยอดฝีมือหลายคนไม่ชอบใจ

เพราะจะอย่างไรเสียสมบัติสืบทอดนี้มันก็น่าดึงดูดจนเกินไป ใครกันเล่าที่จะไม่อยากได้สมบัติสืบทอดเลิศล้ำ?

หรือต่อให้จะไม่ได้สมบัติสืบทอดเลิศล้ำจริงแต่แค่สิบยอดสมบัติสืบทอดก็ถือว่าดีมากแล้ว

เพราะฉะนั้นเมื่อยอดฝีมือทั้งหลายได้เห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติพวกเขาทั้งหลายจึงได้หันมาร่วมมือกันสร้างปราการป้องกันทันที

หรือก็คือในเวลานี้สถานการณ์ภายในกรงมันปั่นป่วนไปอย่างไม่เหลือเค้าเดิม

แต่ยิ่งจำนวนของผู้คนลดต่ำลงการต่อสู้ของผู้คนมันก็จะยิ่งรุนแรงมากขึ้น

คนที่ยืนหยันอยู่ได้ในเวลานี้ล้วนเป็นยอดของยอดฝีมือ

แม้แต่ตัวผางเจิ้นเองก็ยังรับมือเหล่ายอดคนทั้งหลายนี้พร้อมๆ กันได้อย่างยากลำบาก

“ฮ่าๆๆ สุดยอด! น้องเย่เจ้าแสดงฝีมือที่แท้จริงออกมาเถอะ!” ว่านเจิ้นหัวเราะลั่น

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “พี่ว่านนั้นเก่งกาจจริง! ในเมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วเย่ผู้นี้ก็จะไม่ปิดบังพลังใดๆ อีก!”

อีกด้านนั้นคนทั้งสองปะทะกันจนฟ้าทลายแผ่นดินแยก

แต่จนถึงจุดนี้คนทั้งสองก็ยังไม่ได้แสดงฝีมือจริงๆ ออกมาและแค่ทำการลองเชิงกันอยู่เท่านั้น

แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นพลังการต่อสู้ของคนทั้งสองมันก็เหนือล้ำกว่ายอดคนส่วนมากในที่นี้แล้ว

ในเมืองเมฆหนุนนั้นเจียงเจ๋อได้แต่ยืนอ้าปากค้าง!

เมื่อได้เห็นการปะทะของว่านเจิ้นและเย่หยวนนี้เขาจึงได้เข้าใจว่าเย่หยวนนั้นเก่งกาจปานใด

เย่หยวนในเวลานี้มันเก่งกาจล้ำกว่าตอนที่ปะทะกับพวกเขาไปนับสิบเท่า!

ไหนจะยังเรื่องที่ว่าเย่หยวนยังไม่ได้ใช้แนวคิดแห่งกาลเวลาและห้วงมิติออกมา

เป็นเวลานี้เองที่เขาได้เข้าใจว่าความสงสัยของเขาในช่วงหลายปีมานี้มันน่าขันสักแค่ไหน

ในฝูงชนนั้นฉินหูเองก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆ ออกมา “ข้ามันไม่มีตาเสียจริง! ตอนนั้นข้าคิดอะไรอยู่ถึงไปท้าทายสัตว์ประหลาดระดับนี้เข้า?”

โมซีหันมามองพร้อมกล่าว “หากเจ้ารู้ว่าไม่มีตาก็เปลี่ยนนิสัยตัวเองเสียบ้าง หัดเลิกหาเรื่องคนไปทั่วเสียที! นี่ยังดีที่เป็นภายในมิติสงครามดึกดำบรรพ์ หากเป็นในโลกภายนอกเจ้าจะได้ตายไปนับสิบครั้งแล้ว!”

ฉินหูนั้นพยักหน้ารับขึ้นอย่างจำใจ “เจ้าพูดถูก วันหน้าข้าต้องห้ามไม่ให้ตนไปวางท่าต่อหน้าใคร จะตัดสินอะไรจากภายนอกมันไม่ได้จริงๆ แผ่นดินนี้มันสุดแสนกว้างใหญ่ คนบางคนนั้นมันไม่อาจจะไปท้าทายลบหลู่ได้จริงๆ!”

เป็นเวลานี้เองที่เขาได้รู้ถึงความแปลกประหลาดของเย่หยวน

เวลาพันปีนี้มันไม่ได้นับว่าสั้นหรือยาวมากนัก

แต่การพัฒนาของเย่หยวนในช่วงพันปีมานี้มันกลับเหนือล้ำกว่าที่ใครจะจินตนาการได้

นอกจากจะเรื่องพลังบ่มเพาะที่พุ่งทะยานไม่หยุดแล้วยังมีเรื่องของแนวคิดที่พัฒนาอย่างไม่มีติดขัด

และถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่ได้เอาจริงออกมา!

“กระบวนท่าของเขานี้! ว่านเจิ้นจะใช้ไม้ตายของเขาแล้ว ห้าพลังกำเนิดรุ่ง! ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าเวลานี้มันจะแข็งแกร่งไปจนถึงระดับใด!”

“พระเจ้าช่วย พลังของกระบวนท่านี้มันย่อมจะเหนือล้ำกว่าก่อนๆ นับสิบเท่า!”

“แรงกดดันนี้มันจะทำลายกรงขังลงแล้ว! พลังของการผสานห้าธาตุนี้มันน่ากลัวเสียจริง!”

ท่ามกลางเสียงโห่ร้องของผู้คนนั้นคลื่นพลังบนกายของว่านเจิ้นก็พุ่งทะยานขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว

บนหัวของเขานั้นมันมีกลีบดอกไม้ห้าสีหมุนวนต่อเนื่อง

ว่านเจิ้นนั้นควบคุมเจดีย์สมบัติพร้อมส่งกลีบดอกไม้ห้าสีนั้นพุ่งไหลไปตามมัน

ภาพตรงหน้านี้มันสุดแสนจะอลังการ

แต่ทุกตำแหน่งในกรงยักษ์นั้นมันกลับเปลี่ยนล้นไปด้วยคลื่นพลังอันตราย

ยอดฝีมือหลายต่อหลายคนแม้แต่เหล่ายอดคนที่ติดสามอันดับแรกต่างหันมามองก่อนจะรีบพุ่งตัวถอยห่างจากคนทั้งสองทันที

เวลานี้แม้แต่ผางเจิ้นก็ยังต้องเบิกตากว้างอย่างตกตะลึง

เวลาพันปีที่ผ่านมานี้ว่านเจิ้นกลับพัฒนาฝีมือไปอย่างมากล้ำ!

เวลานี้เขาจึงไม่ลังเลใดๆ ใช้เจดีย์สมบัติออกมา

กลีบดอกห้าสีนั้นมันหมุนวนเป็นพลังพุ่งทะยานใส่เย่หยวนไป

พริบตานี้มันราวกับว่าสวรรค์ถูกกดลงมาให้จมดิน

พลังของห้าธาตุนั้นมันคือส่วนประกอบหลักของโลก ว่านเจิ้นนั้นใช้พลังของธาตุทั้งห้าออกมาได้สมบูรณ์มันจะไม่เท่ากับว่าเขานั้นใช้ทั้งโลกเข้าโจมตีหรือ?

เย่หยวนเองก็ไม่ลังเลใช้ค่ายกลดาบนิพพานแท้ออกมาเปิดรับสร้างโลกของตน

ตู้ม!

เมื่อพลังทั้งสองปะทะกับมันก็เกิดแรงสั่นสะเทือนไปทั้งโลกใบน้อย

เวลานี้กรงยักษ์นั้นมันสั่นไหวอย่างไม่มีหยุดยั้ง

เด็กชะตาไร้คาดเดาทั้งหลายนั้นกำลังปะทะกันอย่างดุเดือด แต่แม้พวกเขาจะเว้นระยะห่างออกมาอย่างมากแล้วแต่ก็ยังถูกแรงสะเทือนนี้ปะทะเข้าร่างไป

พวกเขานั้นไม่ทันจะได้ขัดขืนใดๆ ก็ต้องถูกคลื่นพลังนี้ฉีกร่างออกเป็นชิ้นๆ ตายลงอย่างไม่ทันรู้ตัว

ว่านเจิ้นหรี่ตาลงอย่างไม่อยากเชื่อสายตาว่าค่ายกลดาบตรงหน้ามันจะแข็งแกร่งได้ปานนี้!

เสมอกัน!

แต่วินาทีตัวเขาย่อมไม่คิดประมาทใดๆ รีบใช้ปราณเทวะของตนออกมาอย่างบ้าคลั่งอีกครา

เวลานี้กลีบดอกไม้ห้าสีที่หมุนวนนั้นมันค่อยๆ แตกสลายลงเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย!

“กำเนิดหมื่นเต๋า!”

ว่านเจิ้นร้องลั่นขึ้นมาพร้อมเปลี่ยนกลีบดอกไม้ทั้งห้านั้นให้กลายเป็นเศษกลีบดอกไม้ห้าสีนับพันๆ ชิ้น

เย่หยวนที่ได้เห็นก็ต้องเบิกตากว้างเพราะว่าวิชานี้มันแข็งแกร่งกว่าการโจมตีก่อนหน้าหลายเท่า!

เจ้าเศษกลีบดอกนี้มองเผินๆ มันอาจจะดูไร้ระเบียบระบบใดๆ แต่แท้จริงแล้วแต่ละเศษกลีบดอกมันจะหมุนวนกันเป็นห้าเศษกลิ่นดอกที่ต่อเนื่องกันไป

และแต่ละวงการหมุนของเศษกลีบดอกนั้นมันจะมีพลังบางอย่างรั้งพวกมันไว้ด้วยกัน

นี่คือกำเนิดหมื่นเต๋า!

เย่หยวนได้แต่มองภาพตรงหน้าด้วยใบหน้าดำมืดก่อนจะพุ่งตัวเข้าไปกลางดงกลีบดอกทั้งหลายนั้น!

…………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ