ภายในกรงขังนี้มันมีสายฟ้าพุ่งผ่านอย่างบ้าคลั่ง!
ที่ใดที่มันผ่านไปนั้นล้วนจะเกิดเสียงร่ำร้องโหยหวนขึ้น!
ผางเจิ้นนั้นมีฝีมือสมชื่อเป็นทายาทเต๋าบรรพกาลสายฟ้า การที่จะสามารถฝึกฝนบ่มเพาะต้นกำเนิดสายฟ้ามาจนถึงระดับนี้ได้มันย่อมจะไม่มีให้เห็นกันง่ายๆ
แนวคิดต่างๆ นั้นมันตัดสินกันที่ระดับความต่ำสูง แต่ขณะเดียวกันมันก็ขึ้นอยู่กับว่าผู้ใช้ใช้งานมันออกมาได้ฉลาดแค่ไหน
คนที่บ่มเพาะแนวคิดระดับสูงนั้นอาจจะไม่ได้แข็งแกร่งกว่าผู้บ่มเพาะแนวคิดพื้นฐานเสมอไป
แต่ผางเจิ้นนั้นย่อมได้รับการสั่งสอนจากเต๋าบรรพกาลสายฟ้าโดยตรงจนทำให้สามารถใช้สายฟ้าออกมาได้จนถึงขั้นนี้
แต่จะอย่างไรคนทั้งหลายนั้นก็เป็นถึงยอดคนที่ติดสิบอันดับแรกมาได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกที่ติดสามอันดับแรกนั้นต่างล้วนแล้วแต่มีฝีมือเหนือล้ำ
ผางเจิ้นนั้นทำตัวเช่นนี้มันย่อมทำให้ยอดฝีมือหลายคนไม่ชอบใจ
เพราะจะอย่างไรเสียสมบัติสืบทอดนี้มันก็น่าดึงดูดจนเกินไป ใครกันเล่าที่จะไม่อยากได้สมบัติสืบทอดเลิศล้ำ?
หรือต่อให้จะไม่ได้สมบัติสืบทอดเลิศล้ำจริงแต่แค่สิบยอดสมบัติสืบทอดก็ถือว่าดีมากแล้ว
เพราะฉะนั้นเมื่อยอดฝีมือทั้งหลายได้เห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติพวกเขาทั้งหลายจึงได้หันมาร่วมมือกันสร้างปราการป้องกันทันที
หรือก็คือในเวลานี้สถานการณ์ภายในกรงมันปั่นป่วนไปอย่างไม่เหลือเค้าเดิม
แต่ยิ่งจำนวนของผู้คนลดต่ำลงการต่อสู้ของผู้คนมันก็จะยิ่งรุนแรงมากขึ้น
คนที่ยืนหยันอยู่ได้ในเวลานี้ล้วนเป็นยอดของยอดฝีมือ
แม้แต่ตัวผางเจิ้นเองก็ยังรับมือเหล่ายอดคนทั้งหลายนี้พร้อมๆ กันได้อย่างยากลำบาก
“ฮ่าๆๆ สุดยอด! น้องเย่เจ้าแสดงฝีมือที่แท้จริงออกมาเถอะ!” ว่านเจิ้นหัวเราะลั่น
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “พี่ว่านนั้นเก่งกาจจริง! ในเมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วเย่ผู้นี้ก็จะไม่ปิดบังพลังใดๆ อีก!”
อีกด้านนั้นคนทั้งสองปะทะกันจนฟ้าทลายแผ่นดินแยก
แต่จนถึงจุดนี้คนทั้งสองก็ยังไม่ได้แสดงฝีมือจริงๆ ออกมาและแค่ทำการลองเชิงกันอยู่เท่านั้น
แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นพลังการต่อสู้ของคนทั้งสองมันก็เหนือล้ำกว่ายอดคนส่วนมากในที่นี้แล้ว
ในเมืองเมฆหนุนนั้นเจียงเจ๋อได้แต่ยืนอ้าปากค้าง!
เมื่อได้เห็นการปะทะของว่านเจิ้นและเย่หยวนนี้เขาจึงได้เข้าใจว่าเย่หยวนนั้นเก่งกาจปานใด
เย่หยวนในเวลานี้มันเก่งกาจล้ำกว่าตอนที่ปะทะกับพวกเขาไปนับสิบเท่า!
ไหนจะยังเรื่องที่ว่าเย่หยวนยังไม่ได้ใช้แนวคิดแห่งกาลเวลาและห้วงมิติออกมา
เป็นเวลานี้เองที่เขาได้เข้าใจว่าความสงสัยของเขาในช่วงหลายปีมานี้มันน่าขันสักแค่ไหน
ในฝูงชนนั้นฉินหูเองก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆ ออกมา “ข้ามันไม่มีตาเสียจริง! ตอนนั้นข้าคิดอะไรอยู่ถึงไปท้าทายสัตว์ประหลาดระดับนี้เข้า?”
โมซีหันมามองพร้อมกล่าว “หากเจ้ารู้ว่าไม่มีตาก็เปลี่ยนนิสัยตัวเองเสียบ้าง หัดเลิกหาเรื่องคนไปทั่วเสียที! นี่ยังดีที่เป็นภายในมิติสงครามดึกดำบรรพ์ หากเป็นในโลกภายนอกเจ้าจะได้ตายไปนับสิบครั้งแล้ว!”
ฉินหูนั้นพยักหน้ารับขึ้นอย่างจำใจ “เจ้าพูดถูก วันหน้าข้าต้องห้ามไม่ให้ตนไปวางท่าต่อหน้าใคร จะตัดสินอะไรจากภายนอกมันไม่ได้จริงๆ แผ่นดินนี้มันสุดแสนกว้างใหญ่ คนบางคนนั้นมันไม่อาจจะไปท้าทายลบหลู่ได้จริงๆ!”
เป็นเวลานี้เองที่เขาได้รู้ถึงความแปลกประหลาดของเย่หยวน
เวลาพันปีนี้มันไม่ได้นับว่าสั้นหรือยาวมากนัก
แต่การพัฒนาของเย่หยวนในช่วงพันปีมานี้มันกลับเหนือล้ำกว่าที่ใครจะจินตนาการได้
นอกจากจะเรื่องพลังบ่มเพาะที่พุ่งทะยานไม่หยุดแล้วยังมีเรื่องของแนวคิดที่พัฒนาอย่างไม่มีติดขัด
และถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่ได้เอาจริงออกมา!
“กระบวนท่าของเขานี้! ว่านเจิ้นจะใช้ไม้ตายของเขาแล้ว ห้าพลังกำเนิดรุ่ง! ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าเวลานี้มันจะแข็งแกร่งไปจนถึงระดับใด!”
“พระเจ้าช่วย พลังของกระบวนท่านี้มันย่อมจะเหนือล้ำกว่าก่อนๆ นับสิบเท่า!”
“แรงกดดันนี้มันจะทำลายกรงขังลงแล้ว! พลังของการผสานห้าธาตุนี้มันน่ากลัวเสียจริง!”
…
ท่ามกลางเสียงโห่ร้องของผู้คนนั้นคลื่นพลังบนกายของว่านเจิ้นก็พุ่งทะยานขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว
บนหัวของเขานั้นมันมีกลีบดอกไม้ห้าสีหมุนวนต่อเนื่อง
ว่านเจิ้นนั้นควบคุมเจดีย์สมบัติพร้อมส่งกลีบดอกไม้ห้าสีนั้นพุ่งไหลไปตามมัน
ภาพตรงหน้านี้มันสุดแสนจะอลังการ
แต่ทุกตำแหน่งในกรงยักษ์นั้นมันกลับเปลี่ยนล้นไปด้วยคลื่นพลังอันตราย
ยอดฝีมือหลายต่อหลายคนแม้แต่เหล่ายอดคนที่ติดสามอันดับแรกต่างหันมามองก่อนจะรีบพุ่งตัวถอยห่างจากคนทั้งสองทันที
เวลานี้แม้แต่ผางเจิ้นก็ยังต้องเบิกตากว้างอย่างตกตะลึง
เวลาพันปีที่ผ่านมานี้ว่านเจิ้นกลับพัฒนาฝีมือไปอย่างมากล้ำ!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...