จอมเทพโอสถ นิยาย บท 2360

“ข้าเถาฮันยี่จากเมืองสงบใต้ขอคำชี้แนะจากพี่เย่ด้วย!”

ระหว่างที่คนทั้งหลายยังคงไม่กล้าก้าวเดินออกมามันก็ปรากฏเงาร่างหนึ่งขึ้นมาตรงหน้าเย่หยวนและท้าทายเขา

แต่เขานั้นมาด้วยท่าทางเปิดเผยไม่ได้คิดลอบโจมตีใคร

เขานั้นดูเหมือนจะเป็นสุภาพบุรุษผู้หนึ่ง

แต่ยูถันจื่อนั้นกลับกล่าวขึ้นมาด้วยสีหน้าดูถูก “สุดท้ายเจ้านี่มันก็เสนอหน้าออกมาจนได้! แต่เช่นนี้ก็ดี จะได้เห็นว่าเจ้าเด็กคนนี้มันเก่งกาจถึงขั้นไหน”

หลายต่อหลายคนที่รู้จักนิสัยเถาฮันยี่นั้นต่างแสดงสีหน้าดูถูกออกมาตามๆ กัน

การเข้ามาท้าทายเช่นนี้มันย่อมจะเพื่อถือโอกาสที่คนอื่นกำลังอ่อนล้า

แต่ในสนามรบแห่งความเป็นความตายเช่นนี้ ใครกันเล่าที่จะมาสนใจรักษากฎใด?

เพราะอย่างไรเสียนี่มันก็คือศึกที่ไร้กฎเกณฑ์ ตราบเท่าที่ฆ่าอีกฝ่ายได้มันก็จบ

ไม่ว่าจะเป็นการลอบโจมตีทีเผลอ หรือการท้าทายขณะอีกฝ่ายเหนื่อยอ่อน

เย่หยวนลืมตาขึ้นมามองดูอีกฝ่ายก่อนจะค่อยๆ ลอยตัวลุกขึ้น

“ได้สิ เชิญสั่งสอนชี้แนะได้” เย่หยวนยิ้มรับ

เถาฮันยี่นั้นแสดงท่าทางสุภาพยกมือขึ้นมาคารวะ “พี่เย่นั้นมีค่ายกลดาบที่เหนือล้ำ ท่านต้องแสดงเมตตาแก่ข้าบ้าง!”

แต่ในจิตใจของเขานั้นกำลังหัวเราะเย้ย

เถาฮันยี่คิดในใจ ‘มันสร้างเรื่องราวใหญ่โตเช่นนั้นไปก่อนหน้าปราณเทวะของเจ้าเด็กนี่คงเหลือไม่มากแล้ว! จัดการกับมันในเวลานี้คงเหมาะสมที่สุด! ตราบเท่าที่ข้าสังหารมันลงได้ ข้าก็จะได้นามของผู้พิชิตว่านเจิ้นติดมาด้วย!’

เย่หยวนนั้นผงะไปนิดหน่อยหลังได้ยิน

แสดงเมตตา?

เจ้าล้อเล่นหรือ?

นี่มันคือศึกดวลเอาชีวิตเป็นเดิมพัน!

แต่เห็นท่าทางอ่อนน้อมของอีกฝ่ายนั้นตัวเย่หยวนก็ได้แค่ต้องยิ้มตอบไป “ความเป็นตายนั้นขึ้นอยู่กับชะตา พวกเราก็มาพึ่งพาความสามารถของตนเองกันเถอะ!”

เขานั้นไม่ได้ฆ่าสังหารว่านเจิ้นนั้นหนึ่งคือพวกเขานับถือกันมาก่อน สองคือหากคิดอยากสังหารว่านเจิ้นลงจริงๆ เย่หยวนคงต้องเหนื่อยยากอีกไม่น้อยและอาจจะกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบหากมีใครคิดลอบโจมตีทีหลัง

แต่แค่เขาไม่สังหารว่านเจิ้น มันไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่สังหารคนอื่นๆ

ในเมื่ออีกฝ่ายนั้นมาท้าทายเขาแล้วก็ย่อมต้องเตรียมตัวตายไว้ด้วย

เย่หยวนนั้นย่อมจะพูดออกมาเพื่อเป็นการเตือนกรายๆ แต่ในสายตาของเถาฮันยี่แล้วมันย่อมจะฟังดูน่าขัน

แต่อย่างไรเขาก็ยังรักษาท่าทางสุภาพนั้นไว้ “ฮ่าๆ ย่อมได้ๆ!”

วินาทีก่อนนั้นเขายังยิ้มกล่าว

แต่วินาทีต่อมาเขากลับลงมือด้วยกระบวนท่าสังหาร!

พริบตาเดียวนี้เถาฮันยี่ได้ใช้การโจมตีที่สุดแสนรุนแรงออกมา

ในฐานะอันดับหนึ่งแห่งเมืองสงบใต้ตัวเถาฮันยี่ย่อมจะมีฝีมือเก่งกาจอย่างไม่ต้องสงสัย

ดาบร้อยจุติ!

นี่มันคือพลังจากการผสานเต๋าดาบและแนวคิดแห่งการจุติมีพลังเหนือล้ำฟ้าดิน!

การจุติของเต๋าสวรรค์นั้นบอกให้เจ้าอยู่เจ้าก็จะต้องอยู่!

สั่งให้เจ้าตายเจ้าก็ต้องยอมตาย!

คลื่นพลังดาบรุนแรงนั้นมันปะทะเข้าใส่ตัวเย่หยวนอย่างแรง

ร่างกายของเย่หยวนนั้นเหมือนตกลงมาในห้วงทะเลแห่งดาบ

แต่เย่หยวนก็มิใช่เด็กใหม่ฝึกหัด เขานั้นเตรียมใช้ค่ายกลดาบนิพพานแท้ไว้ตั้งแต่ต้นและใช้พลังทั้งสี่อย่างนั้นเปลี่ยนเป็นแสงนับพันพุ่งทะยานใส่พลังดาบไร้จำกัดของเถาฮันยี่

วินาทีต่อมานี้ทั้งดาบแสงและค่ายกลดาบเข้าปะทะกันด้วยพลังแนวคิดยุ่งเหยิง

คลื่นพลังรุนแรงหนักหน่วงกระจายออกมาทั่วกรงยักษ์อีกครั้ง

แต่ยิ่งสู้ไปตัวเถาฮันยี่ก็ยิ่งกังวล

เพราะแม้เขาจะไม่ได้มีพลังแนวคิดที่เหนือล้ำอย่างว่านเจิ้นแต่ในหมู่ยอดอัจฉริยะด้วยกันนั้นเขาก็ยังนับว่าเก่งกาจไม่น้อย

เย่หยวนนี้ปะทะกับว่านเจิ้นอย่างหนักหน่วงแท้ๆ แต่ทำไมยังมีปราณเทวะหนาแน่นถึงปานนี้ได้?

ดาบของเขานั้นมันค่อยๆ หยุดช้าลงเหมือนถูกอะไรดูดตรึงไว้ภายในค่ายกลดาบนิพพานแท้ทำให้ไม่อาจจะทำอันตรายใดๆ เย่หยวนได้เลย

เป็นเวลานี้เองที่เขาได้เข้าใจว่าคนที่ทำลายกำเนิดหมื่นเต๋าของว่านเจิ้นลงได้นั้นมันแข็งแกร่งแค่ไหน!

ผางเจิ้นและคนทั้งหลายเองก็หันมามองดูเรื่องราวตั้งแต่ต้นอย่างสนใจ เมื่อได้เห็นเถาฮันยี่ค่อยๆ เสียเปรียบลงพวกเขาก็รู้สึกตื่นตะลึงขึ้นมาอย่างสุดใจอีกครั้ง

เขานั้นมั่นใจว่าตอนที่ว่านเจิ้นปะทะกับเย่หยวนก่อนหน้านี้ พวกเขาทั้งสองไม่มีใครออมมือใดๆ สิ้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ