จอมเทพโอสถ นิยาย บท 2362

“พัก! เขานั้นกลับบอกให้พวกผางเจิ้นนั่งพัก!”

“เจ้าเด็กคนนี้มันโดนว่านเจิ้นตีจนสมองกลับแล้วหรือ?”

“ถึงเวลานี้แล้วยังจะต้องมานึกถึงเรื่องใจกว้างใดๆ อีก?”

คนทั้งหลายนั้นต่างร้องลั่นขึ้นมาตามๆ กันเพราะไม่อาจจะเข้าใจถึงการกระทำของเย่หยวนได้

ในวินาทีที่ทุกอย่างนั้นจะตัดสินเป็นตายได้เจ้าหมอนี่มันกลับทำใจกว้างบอกให้อีกฝ่ายไปพักก่อน

แม้แต่ตัวผางเจิ้นเองหรือยูถันจื่อเองก็ยังผงะไปไม่น้อย หลังจากยืนนิ่งอยู่พักหนึ่งพวกเขาจึงเริ่มกลับมาตั้งสติได้

พวกเขาทั้งหลายนั้นต่างเป็นคนทะนงถือตัวเป็นธรรมชาติ ไม่เคยจะได้รับการดูถูกเหยียดหยามเช่นนี้จากใครมาก่อน

“เด็กน้อย เจ้าแน่ใจแล้ว?” ยูถันจื่อถามขึ้นด้วยรอยยิ้มเย็นเยือก

เย่หยวนพยักหน้ารับ “สำหรับข้าแล้วจะคนเดียวหรือสิบคนมันก็ไม่ต่างกัน เพราะฉะนั้นพวกเจ้าทั้งหลายก็พักฟื้นแรงกันก่อนเถอะ ไม่เช่นนั้นแล้วศึกนี้มันจะน่าเบื่อไป”

พูดจบเขาก็นั่งลงพัก

เหล่ายอดอัจฉริยะทั้งสิบแปดนั้นต่างหันมองด้วยความรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังโดนดูถูก

พวกเขาทั้งหลายนี้กลับยังถูกคนมาดูถูกได้!

“ดีมาก ข้าก็อยากจะรู้เสียจริงๆ ว่าเจ้าเด็กคนนี้มันจะเก่งกาจสักเท่าใด!”

ผางเจิ้นนั้นหัวเราะขึ้นก่อนจะนั่งลงปรับลมหายใจ

เสียงหัวเราะลั่นมันดังขึ้นบนท้องฟ้ากว้าง

“เจ้าเด็กคนนี้มันช่างโอหังเสียจริงๆ! เขากลับคิดท้าทายคนทั้งสิบแปดนี้ด้วยกำลังของตัวเอง หากเทียบกันแค่ความกล้าแล้วแม้แต่เฒ่าคนนี้ก็ยังไม่กล้าเท่ามัน! สายฟ้า เจ้าบอกว่าเขาไม่ติดอับดับทองคำเทพสงครามมิใช่หรือ? เวลานี้เป็นอย่างไรเล่า?” จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้กล่าวถามด้วยเสียงหัวเราะ

เหล่ายอดคนทั้งหลายรวมไปถึงตัวเต๋าบรรพกาลสายฟ้าต่างแสดงสีหน้าเหยเกออกมาตามๆ กัน

เพราะสิบปีที่ผ่านมาในโลกภายนอกนี้พวกเขาทั้งหลายได้กล่าวเยาะเย้ยจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ไปอย่างไม่ขาดปาก บอกว่าคนที่เขาเลือกนั้นกลับไม่อาจจะติดอันดับทองคำเทพสงคราม

แต่ใครจะไปคิดว่าในโค้งสุดท้ายนั้นเย่หยวนกลับปรากฏตัวพุ่งทะยานขึ้นมาครองอันดับหนึ่งไปได้เสียอย่างนั้น?

ศึกในกรงนี้เองเย่หยวนก็ทำการต่อสู้อันน่าหวาดกลัวมาถึงสองครั้งจนทำให้เหล่าเด็กชะตาไร้คาดเดาทั้งหลายไม่กล้าจะมาท้าทายเขา

ในโค้งสุดท้ายนั้น เขายังกล้าจะท้าทายยอดอัจฉริยะทั้งสิบแปดนี้ด้วยตัวคนเดียว

เรื่องราวที่เขาทำนี้มันย่อมจะไม่ได้ทำให้แค่เหล่าเด็กชะตาไร้คาดเดาทั้งหลายในมิติสงครามดึกดำบรรพ์ตกตะลึง แต่รวมไปถึงเหล่าบรรพกาลทั้งหลายที่ดูเรื่องราวอยู่

แม้แต่ตัวจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้เองก็ยังต้องผงะมึนงงไปนานกว่าจะกลับมาตั้งสติได้

เต๋าบรรพกาลสายฟ้านั้นกล่าวขึ้นมาด้วยสีหน้าไม่พอใจ “เจ้าจะมาวางท่าเพื่อ? ต่อสู้หนึ่งต่อสิบแปดนี้มีหรือที่มันจะยังเอาชนะได้?”

จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ยิ้มกว้างตอบ “แพ้แล้วทำไมเล่า? ยอดอัจฉริยะนั้นคือคนที่ทำเรื่องราวเหนือกว่าผู้คนได้และกล้าจะทำเรื่องที่คนอื่นไม่กล้า! ไม่เอาชนะยอดอัจฉริยะในรุ่นเดียวกันไปแล้วมีหรือที่คนผู้นั้นจะร่างเต๋าได้? ในยุคสมัยนี้มันมีแต่เราเหล่าเฒ่าทั้งหลายที่รอดมาได้มิใช่หรือ? ที่สำคัญไปกว่านั้นคือเจ้าเด็กนี้มันกล้าวางตัวโอหังเช่นนี้ มันจะพูดกล่าวออกมาอย่างไร้อะไรหนุนได้หรือ?”

คนอื่นนั้นต่างไม่อาจจะเถียงใดๆ กลับได้

ที่จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ว่ามานั้นมันถูกต้องสิ้น พวกเขาทั้งหลายเหล่าบรรพกาลนั้นต่างร่างเต๋าของตน มีใครบ้างเล่าที่ไม่ทำลายบดขยี้อัจฉริยะคนอื่นๆ ในรุ่นเดียวกันมากว่าจะขึ้นมาถึงวันนี้ได้?

แต่ถึงจะเป็นสมัยคนทั้งหลายนี้ยังหนุ่มๆ พวกเขาก็ไม่กล้าจะต่อสู้กับยอดอัจฉริยะสิบแปดคนเช่นนี้!

บรรพกาลคนหนึ่งกล่าวขึ้นมา “เฉียนจี้ เจ้าอย่าเพิ่งได้ใจไป! ต่อให้มันจะมีไม้ตายใดๆ หลบซ่อนไว้มันก็ไม่มีทางใดจะเอาชนะได้! ระวังจะถูกตบหน้าเข้าทีหลังเถอะ!”

จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้หันหน้าไปมองดูคนทั้งหลายก่อนจะส่ายหัวออกมาพร้อมหัวเราะเย้ย “สายตาของเจ้ามันช่างคับแคบจริงๆ! เวลานี้ทุกเผ่าพันธุ์ทุกชีวิตบนมหาพิภพถงเทียนกำลังเผชิญภัยร้าย เวลานั้นมันต้องมียอดวีรบุรุษที่จะก้าวขึ้นมานำเรา! ยิ่งเย่หยวนเก่งกาจเท่าใด มันก็ยิ่งหมายความว่าความหวังของพวกเรายิ่งยิ่งใหญ่ขึ้น! ถึงเวลานี้พวกเจ้ายังจะมาเล่นเกมเอาหน้า มันมีประโยชน์ใดกัน?”

ทุกผู้คนต่างหุบปากลงไปตามๆ กันเพราะคำพูดของจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้นั้นมันมีเหตุผลที่หนักแน่นเกินกว่าจะเถียง แต่ใครกันเล่าที่จะทิ้งเรื่องราวเช่นนั้นลงไปได้สิ้น?

สามวันผ่านไปอย่างรวดเร็วด้วยความที่เหล่ายอดอัจฉริยะทั้งหลายนั้นต่างบ่มเพาะด้วยวรยุทธบ่มเพาะเหนือล้ำการฟื้นฟูของพวกเขาจึงรวดเร็วล้ำ

เวลานี้คนทั้งสิบแปดนั้นได้กลับมามีสภาพสมบูรณ์พร้อมอีกครั้ง

เมื่อมีพลังเต็มเปี่ยมความมั่นใจของพวกเขานั้นมันก็ได้กลับมาอีกครั้ง

ผางเจิ้นหันมามองเย่หยวนด้วยรอยยิ้มเย็นเยือก “เด็กน้อย ความมั่นใจนั้นมันก็ดี! แต่อีกไม่นานเจ้าจะได้รู้ว่าสิ่งที่เจ้ามีนั้นมันมิใช่ความมั่นใจ แต่เป็นความหลงตัวเอง!”

เย่หยวนยิ้ม “เช่นนั้นหรือ? เช่นนั้นก็หวังว่าเจ้าจะพิสูจน์มันให้ข้าเห็นได้”

ผางเจิ้นนั้นหน้าดำลงทันทีที่ได้ยิน รอยยิ้มของเจ้าเด็กคนนี้มันน่ารำคาญเสียจริง!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ