“การโจมตีผสานพลังของสิบเจ็ดยอดเด็กชะตาไร้คาดเดา มันจะน่ากลัวเกินไปแล้ว!”
“เจ้าเด็กคนนั้นมันคงกลายเป็นแค่ธุลีแล้วใช่หรือไม่?”
“วางท่าท้าทายหนึ่งต่อสิบเจ็ด เวลานี้ใบหน้าของมันคงถูกตบจนหันแล้วใช่หรือไม่?”
…
เมื่อสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังที่เกิดขึ้นในกรงนั้นเด็กชะตาไร้คาดเดานับล้านๆ ภายนอกต่างตกตะลึง
คลื่นพลังอันรุนแรงเช่นนี้กลับถูกใช้จัดการคนแค่ผู้เดียว ต่อให้จะมีร่างกายเป็นเหล็กกล้ามันก็คงไม่มีทางหลบรอดใดๆ ไปได้
ก่อนที่จะลงมือนั้นฟ้าดินปั่นป่วน
เมื่อโจมตีออกมานั้นฟ้าดินต้องแตกสลายแทบทวงร้องลั่นสั่นกลัว
เด็กชะตาไร้คาดเดาทั้งสิบเจ็ดนี้ผสานพลังกันอย่างรุนแรงจนถึงขั้นที่เรียกได้ว่างดงาม
พวกเขาทั้งหลายนั้นตั้งใจจะสั่งสอนเย่หยวนแน่นอนว่าย่อมไม่คิดออมมือใดๆ
เหล่าเด็กชะตาไร้คาดเดาทั้งหลายหัวเราะลั่นขึ้นแทบพร้อมกัน “ฮ่าๆๆ เยี่ยมจริง! ใครสั่งสอนให้เจ้าโอหังนักเล่า! ขอดูหน่อยเถอะว่าจะยังรอดได้อย่างไร!”
เพราะสำหรับพวกเขาแล้วนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ต้องร่วมมือกันจัดการศัตรู
พวกเขาเองก็ไม่คิดไม่ฝันว่าการผสานพลังของคนทั้งสิบเจ็ดมันจะทำให้เกิดพลังที่รุนแรงได้ปานนี้
ความยิ่งใหญ่รุนแรงของภาพตรงหน้านี้มันทำให้เลือดของพวกเขาทั้งหลายเดือดพล่าน
พวกเขานั้นรู้สึกราวกับว่าตัวเองจะดึงฟ้าลงมาไว้กับดินได้!
ความพึงพอใจนั้นมันได้ทำให้พวกเขาทั้งหลายต้องรู้สึกอิ่มเอิบ
ผางเจิ้นนั้นหัวเราะขึ้นมา “เจ้าโง่ที่ไม่ประมาณตัวเอง! เจ้าไม่ได้รู้เลยว่าพวกเรานั้นเก่งกาจแค่ไหน! เจ้ามันก็แค่กบในกะลาตัวหนึ่งเท่านั้น!”
ยูถันจื่อหัวเราะขึ้นมาตาม “ฮ่าๆ พี่ผางกล่าวถูก! เจ้าเด็กคนนี้มันก็แค่กบน้อยในกะลา!”
หลังใช้พลังสุดยอดของตนออกมาเช่นนั้นพวกเขาทั้งหลายต่างก็รู้สึกเหนื่อยอ่อนไปตามๆ กัน แต่ละคนนั้นต่างเริ่มดึงพลังของตนเองกลับมา
แต่เจ้าห้วงมิติที่บิดเบี้ยวนั้นมันกลับยังดำสนิทด้วยคลื่นพลังมากหลาย
ราวกับว่าทุกสิ่งอย่างในนั้นได้ถูกทำลายลงสิ้น
ที่แห่งนี้มันได้กลายเป็นมิติตาย เย่หยวนนั้นย่อมจะไม่มีทางรอดออกไปได้
“เอาล่ะ จัดการเจ้าเด็กคนนี้แล้ว! ต่อไปก็ตาเจ้าล่ะว่านเจิ้น!” ผางเจิ้นหันกลับมายิ้ม
ว่านเจิ้นเองก็ได้แต่อ้าปากค้างมองดูภาพตรงหน้า คลื่นพลังการโจมตีที่รุนแรงปานนั้นต่อให้เขาจะผสานห้าแนวคิดไว้ได้มันก็คงไม่อาจรอดชีวิต
เย่หยวนคงตายลงแน่แล้ว
แต่อีกด้านหนึ่งในเมืองเมฆหนุนตัวจางเหลียนที่ลงมาก่อนได้เปิดปากถามขึ้น “หากเย่หยวนตายลงเขาก็คงมาเกิดที่นี่! มีใครเห็นเขาบ้างหรือไม่?”
คำพูดนี้ปลุกผู้คนให้สะดุ้งตัวตื่น!
ในเมืองนั้นมันมีสายตานับหมื่นคู่สาดส่องมองหา
“ไม่มี!”
“ข้าไม่เห็น!”
“ไม่มีเงาของเย่หยวนเลย!”
“หรือว่า… เขาจะยังไม่ตาย? มันเป็นไปได้อย่างไรกัน?”
…
ทุกผู้คนต่างตื่นตะลึงขึ้นมาตามๆ กันเพราะว่าเย่หยวนนั้นไม่ได้ปรากฏตัวขึ้นในเมืองเมฆหนุน
พวกเขานั้นไม่อยากจะเชื่อว่าภายใต้พลังโจมตีเช่นนั้นเย่หยวนกลับจะยังไม่ตายได้
“จะรีบไปไหนกันเล่า? การต่อสู้กับข้ามันยังไม่จบเลย!” เสียงเฉื่อยชาหนึ่งดังขึ้นมาภายในหลุมดำ
พร้อมกันนั้นสีหน้าของเด็กชะตาไร้คาดเดานับล้านก็ต้องซีดขาวลง
“บ้าน่า! ขนาดนี้แล้วยังไม่ตายอีกหรือ?”
“บ้าเกิดไปแล้ว! มิติตรงนั้นมันแตกสลายลงไปทีเดียวนะ!”
“เจ้าหมอนี่มันทำได้อย่างไรกัน?”
…
ร่างของเย่หยวนนั้นมันค่อยๆ ปรากฏขึ้นมาต่อสายตาจนทำให้สีหน้าของยอดคนทั้งสิบเจ็ดต้องเปลี่ยนสีไป
เวลานี้คลื่นพลังของเย่หยวนมันดูยุ่งเหยิงไม่น้อย
แต่เขานั้นไม่ได้รับบาดเจ็บที่อันตรายถึงชีวิต!
ผางเจิ้นเบิกตากว้างร้องกล่าว “เป็นไปไม่ได้น่า! เจ้า… เจ้ากลับยังไม่ตาย!”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้! ข้าก็บอกแล้วว่าจะจัดการพวกเจ้าคนเดียวหรือสิบเจ็ดคนมันก็ไม่ต่าง ในเมื่อฝั่งพวกเจ้าได้ลองฝีมือข้าแล้ว… มันก็ถึงตาข้าบ้าง!”
เย่หยวนกล่าวออกมาพร้อมยกนิ้วสั่ง “ดาบจงมา!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...