ภายในกรงขังนั้นมันมีดาบมากมายปกคลุมท้องฟ้า
คลื่นพลังจากต้นกำเนิดเต๋าดาบนั้นมันทำให้สีหน้าของยอดฝีมือทั้งสิบเจ็ดต้องซีดขาว
ภาพตรงหน้านี้มันทำให้คนทั้งหลายแทบจะอยากสิ้นลมลง
แต่จู่ๆ ตัวยูถันจื่อก็ยิ้มขึ้นมา “หึๆ เรียกดาบมากมายปานนี้ออกมาคิดหลอกผู้คนแล้ว? พลังต้นกำเนิดดาบระดับสองมันน่ากลัวจริง! แต่… เต๋าดาบเจ้าพัฒนามันคงทำลายสมดุลของค่ายกลดาบลงแล้ว”
เมื่อคำพูดนี้ถูกกล่าวผางเจิ้นและคนทั้งหลายก็ต้องเบิกตากว้างขึ้นมา!
แน่นอนด้วยจำนวนดาบมากมายมหาศาลเช่นนี้ สมดุลของค่ายกลดาบนิพพานแท้มันย่อมจะพังทลายลง
เหมือนอย่างพลังห้าธาตุของว่านเจิ้นที่หากมันมีพลังใดสูงล้ำกว่าพลังอื่นไปแล้วมันย่อมจะทำให้เกิดความไม่สมดุลในธาตุทั้งห้าและพลังที่ออกมาจะต่ำกว่าเก่าแทน
เย่หยวนเรียกดาบมากมายออกมาเช่นนี้มันอาจจะดูน่ากลัวจริง แต่แท้จริงแล้วพลังของมันอาจจะไม่ได้เหนือล้ำไปกว่าเก่า
หากไม่มีพลังของค่ายกลดาบที่สมบูรณ์นั้นแล้วมีหรือที่เย่หยวนจะยังจัดการคนทั้งสิบเจ็ดพร้อมกันได้?
เพราะจะอย่างไรเสียมันก็มิใช่ว่าในหมู่คนทั้งสิบเจ็ดนั้นมันไม่มีมีพลังต้นกำเนิดจนถึงระดับสอง เพราะว่าผางเจิ้นนั้นเป็นเองก็มีพลังต้นกำเนิดสายฟ้าระดับสองเช่นกัน!
แค่ใช้พลังดาบที่ไม่มีระเบียบนั้นมันจะเทียบเคียงกับพลังของสุดยอดฝีมือทั้งสิบเจ็ดได้หรือ?
“ฮ่าๆๆ เกือบโดนเจ้าหลอกไปแล้ว เจ้าเด็กคนนี้! ก็แค่พลังของต้นกำเนิดดาบระดับสอง? หากวัดกันแค่นั้นต้นกำเนิดสายฟ้าของข้าเองก็ไม่แพ้เจ้าหรอก! ไหนจะยังเรื่องที่ว่ามียอดคนอีกมากมายด้วย!” ผางเจิ้นหัวเราะขึ้น
“ยังคงเป็นยูถันจื่อที่หัวเร็ว มองทะลุการข่มขู่ของเจ้าเด็กคนนี้ในพริบตา” เสียงชื่นชมดังขึ้นมา
พวกเขานั้นกลัวเกรงกับค่ายกลดาบของเย่หยวนไปมากจนแทบสิ้นแรงยืน
เพราะดาบมากมายที่ปกปิดท้องฟ้าไว้นี้ จะมองอย่างไรมันก็น่ากลัวจริงๆ
เวลานี้เมื่อได้ยินยูถันจื่อกล่าว คนทั้งหลายจึงได้เข้าใจว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นแค่เสือในกระดาษ
ผางเจิ้นกล่าวขึ้นมาด้วยจิตใจหนักแน่น “อย่าได้ถูกเจ้าเด็กคนนี้มันหลอกเอา! ทุกคนใช้พลังฝีมือที่แท้ของพวกเจ้าออกมา! ครั้งนี้เราต้องจัดการมันลงให้ได้!”
พูดไปเขาก็ยื่นมือออกมาด้วยพลังสายฟ้ารุนแรงที่ไม่แพ้คลื่นพลังดาบของเย่หยวน
เวลานี้งูสายฟ้ารุนแรงมันได้วิ่งกระจายไปทั่วทั้งกรง
หากวัดกันแค่ที่แรงสั่นสะท้านแล้ว มันคงไม่นับว่าด้อยกว่าเย่หยวนเลย!
ครั้งนี้พลังสายฟ้าของเขามันเหนือล้ำกว่าตอนแรกมาก
เป็นเวลานั้นเองที่คนทั้งหลายได้เข้าใจว่าแท้จริงแล้วเขาคนนี้ยังเก็บงำไม้ตายไว้
แต่ใครเล่าที่จะไม่ออมมือไว้บ้าง?
มีหรือที่พวกเขาทั้งหลายจะกล้าใช้ไม้ตายสุดตัวออกมาอย่างที่ไม่เหลือพลังใดๆ เก็บไว้?
เพราะแม้จะจบศึกนี้ไปแล้วมันก็ยังมีศึกอื่นรออยู่!
แต่ทว่าพรสวรรค์ทะลวงฟ้าดินของเย่หยวนนี้มันทำให้ยอดฝีมือทั้งสิบเจ็ดนั้นต้องเอาจริงขึ้นมาในที่สุด
“แช่งนิรันดร์!”
“ดาบสวรรค์สัจธรรมยุทธ!”
“หอกนักบุญแปดร้าง!”
…
คลื่นพลังต้นกำเนิดมากมายปะทุขึ้นมาพร้อมๆ กันจนกลบพลังรุนแรงของเย่หยวนลงได้ชั่วขณะ
เวลานี้ยอดฝีมือทั้งสิบเจ็ดได้เอาจริงแล้ว
ภายในกรงนั้นมันเกิดคลื่นพลังหนักหน่วงกระจายไปทั่วอย่างรุนแรงกว่าเก่าหลายเท่าตัว!
“มันจบแล้ว! มันจะจบแล้วจริงๆ! สุดท้ายเขาก็ไม่อาจจะปะทะกับยอดคนทั้งสิบเจ็ดได้!”
“น่าเสียดาย! แต่อย่างไรเย่หยวนก็ได้ตายอย่างสมเกียรติ เขานั้นมีปัญญาพอจะท้าทายยอดคนทั้งสิบเจ็ดจริง!”
“พาตัวเองฉิบหายแท้! หากไม่เพราะไปหาเรื่องยอดคนทั้งสิบเจ็ดนั้นเขาอาจจะขึ้นไปติดหนึ่งในสิบก็ได้ เวลานี้เขานั้นไม่อาจจะทำเช่นนั้นได้แล้วเสียด้วยซ้ำ”
…
เสียงโห่ร้องอย่างเสียดายดังขึ้นมาจากเมืองต่างๆ
เพราะพรสวรรค์ล้ำฟ้าของเย่หยวนนี้มันทำให้คนทั้งหลายต้องถอนหายใจยาวอย่างตกตะลึง
เพียงแค่ว่าเขานั้นไม่รู้จักกลัวตาย คิดท้าทายยอดคนทั้งสิบเจ็ดพร้อมๆ กัน
ส่วนอีกด้านตัวเย่หยวนที่เงียบปากมาตลอดก็ยิ้มกว้างขึ้นมา “พวกเจ้าเข้าใจอะไรผิดหรือไม่? ข้าไปบอกตอนไหนว่าข้าแค่บรรลุต้นกำเนิดดาบ?”
คำพูดเดียวนี้ทำให้สีหน้าของเด็กชะตาไร้คาดเดาทั้งหลายต้องถอดสีไปตามๆ กัน
จากนั้นเย่หยวนก็ยกมือทั้งสองขึ้นมา “ค่ายกล ทำงาน!”
จากนั้นดาบที่บินว่อนอย่างไร้ทิศทางมันก็ได้ผสานเข้าและทำงานพร้อมๆ กันเป็นหนึ่ง
ต้นกำเนิดเต๋าค่ายกลระดับสอง!
ได้เห็นเช่นนั้นเด็กชะตาไร้คาดนับล้านๆ นั้นก็ต้องแตกตื่นขึ้นมาจนมิติสงครามดึกดำบรรพ์สั่นสะเทือน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...