“ผู้อาวุโสท่านว่าจะจัดการเรื่องนี้เอง! แต่ทุกผู้คนจงอย่าได้ลืม เรานั้นคือคน มิใช่หมูหมา! การขัดขืนนั้นมันย่อมจะเกิดความสูญเสีย แต่หากไม่ขัดขืน… เราก็จะเป็นได้แค่หมูหมาตลอดกาล!”
แม้ต้องเผชิญหน้ากับเหล่าเจ้าสำนักนิกายทั้งหลาย ตัวฉินเชาก็ยังกล่าวคำของเย่หยวนออกมาอย่างเรียบเฉย
แต่คนทั้งหลายย่อมจะไม่รับฟัง
“หึ! เรื่องวันนี้มันเป็นเพราะมันมาแต่แรก มันก็ควรจะเป็นตัวมันนั้นที่รับผลกรรมไว้เอง!”
“การที่มันกล้าออกไปรับผิดชอบเรื่องราวเช่นนี้ ก็ยังถือว่าเป็นคนที่รู้ผิดชอบชั่วดีอยู่บ้าง”
“หากมิใช่เพราะมันแล้วมีหรือนิกายทั้งหลายนั้นจะถูกทำลาย?”
“แล้วก็เจ้าเด็กคนนี้ กล้าไปท้าทายเผ่าเทวาทำให้เราต้องฉิบหายไปด้วย! โมชิงซาน สังหารมันเสียเพื่อสังเวยแก่คนในนิกายที่ต้องตายไปมากมาย!”
…
มันมีเจ้านิกายหลายคนที่เงียบปากไม่กล่าวอะไร แต่คนส่วนใหญ่นั้นย่อมจะรู้สึกว่าเย่หยวนนั้นหาเรื่องให้หัวผู้คน ขุดหลุมให้พวกเขาตกตายตามไปด้วย
ทำให้เหล่าเจ้านิกายทั้งหลายนั้นต่างคิดอยากฆ่าสังหารฉินเชาเพื่อระบายแค้น
สำหรับมนุษย์ส่วนมากแล้ว พวกเขาทั้งหลายชินชากับเรื่องเช่นนี้ไปแล้ว
อยู่เป็นหมูยังดีกว่าเป็นเสือแล้วต้องตาย!
การไล่ล้างทำลายวังสวรรค์เฝ้าในครานี้มันย่อมจะทำให้พวกเขาทั้งหลายรู้สึกสะใจไม่น้อย แต่มันก็ยังไม่มากพอที่จะทำให้พวกเขาตัดสินใจเสี่ยงชีวิต
สำหรับเผ่าต่างๆ ทั้งหลายแล้วที่ถูกเลี้ยงดูมาด้วยความหวาดกลัวนานหลายต่อหลายรุ่นมีหรือที่พวกเขาจะยังรู้สึกแปลกประหลาดกับการเป็นสัตว์เลี้ยงเช่นนี้อีก?
ตราบเท่าที่ไม่ไปยุ่งขวางทางเผ่าเทวาแล้ว เผ่าเทวานั้นกก็จะไม่ได้ฆ่าสังหารคนเล่นๆ เช่นกัน
หรือเปล่า?
แน่นอนว่าเมื่อมีคนแนะนำให้สังหารฉินเชาออกมา เหล่าเจ้านิกายทั้งหลายต่างเริ่มจะเห็นด้วยออกมา
แต่ฉินเชานั้นกลับไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อยตอบกลับไปด้วยเสียงเย้ย “หากเจ้ากล้าแตะต้องข้าแล้วผู้อาวุโสท่านจะต้องทำลายนิกายของพวกเจ้าลงสิ้นแน่! ผู้คนที่อยู่ในที่แห่งนี้และร่วมรู้เห็นก็อย่าหวังจะรอดไป!”
เจ้านิกายอีกคนจึงกล่าวขึ้นมา “เขานั้นไปถึงวังสวรรค์เฝ้าใต้แล้ว มีหรือที่ยังจะเอาเขามาใช้ข่มขู่ใดๆ พวกเราได้?”
ฉินเชาที่ได้ยินจึงตอบกลับไปด้วยใบหน้าเย้ยหยัน “ใครบอกว่าเขาไปรนหาที่ตาย? เขานั้นไปยังที่แห่งนั้นเพื่อเตือนเผ่าเทวา เพื่อหยุดไม่ให้พวกมันทำร้ายผู้คนไปมากกว่านี้!”
เจ้านิกายผู้นั้นจึงหัวเราะขึ้นมา “เจ้าล้อข้าเล่นแล้ว? วังสวรรค์เฝ้าใต้นั้นมันมีเจ้าวังเป็นถึงยอดฝีมือเต๋าสวรรค์เก้าลายขั้นกลาง ตัวตนที่แม้แต่เจ้าฟ้าดินสามทลายก็ยังไม่อาจต้านทาน เจ้าจะบอกว่าเขานั้นจะกลับมาได้หรือ?”
ฉินเชาที่ได้ยินก็ตอบกลับไป “ข้าฉินเชานี้เป็นแค่ตัวตนน้อยๆ หากเจ้านิกายอู๋คิดอยากใช้ชีวิตของตนพนันกับชีวิตของข้าก็เชิญสังหารข้าเถอะ!”
คำพูดของฉินเชานี้มันหนักแน่นอย่างมาก
มันมิใช่ว่าพวกเขาเชื่อว่าเย่หยวนจะกลับมาใดๆ แต่ชีวิตของพวกเขาทั้งหลายมันย่อมจะเหนือล้ำกว่าชีวิตน้อยๆ ของฉินเชานี้
หากเย่หยวนกลับมาได้จริงเล่า?
เจ้านิกายอู๋ได้แต่ตอบกลับมาด้วยใบหน้าเครียด “ไม่สังหารเจ้าแต่เราก็ยังจับเจ้าไว้ได้! รอข่าวว่าเจ้าเด็กคนนั้นตายแล้วเราค่อยมาลอกหนังเจ้าทิ้งก็ยังไม่สายใช่หรือไม่เล่า?”
โมชิงซานนั้นขมวดคิ้วแน่นก่อนจะตอบกลับไป “เจ้านิกายอู๋ ท่านพูดเช่นนี้จะไม่เห็นหน้าข้าเลย?”
เจ้านิกายอู๋นั้นจึงตอบกลับมาอย่างไม่พอใจ “เรื่องนี้เดิมทีมันก็มาจากนิกายม่วงน้อยเจ้ามิใช่แล้วหรือ? พวกเจ้านั้นเก็บงำเรื่องราวปล่อยให้คนทั้งแผ่นดินมึนงง คนมากมายต้องตายเพราะพวกเจ้า! เรื่องนี้เรายังไม่ได้ตัดสินบัญชีกันเลย!”
เจ้านิกายอู๋นั้นกล่าวออกมาจุดประเด็นให้เจ้านิกายอื่นๆ เห็นชอบตาม
จากนั้นคนทั้งหลายจึงได้ตัดสินใจจะจับสองอาจารย์และศิษย์นี้ไว้ก่อน
หลังจากข่าวการตายของเย่หยวนมาถึงแล้วพวกเขาจะได้ลงโทษคนทั้งสองอย่างสบายใจ จะได้เป็นการเชือดไก่ให้ลิงดูเสียด้วย!
ทางด้านฉินเชาที่ถูกจับนั้นกลับหันไปบอกโมชิงซานด้วยสีหน้าหนักแน่น “อาจารย์ท่านวางใจเถอะ! พวกมันจับเราไว้ตอนนี้เดี๋ยวพวกมันจะได้ปล่อยตัวเราพร้อมก้มหัวขอโทษ!”
โมชิงซานนั้นมองที่ศิษย์ด้วยสายตาสงสัย “คนผู้นั้นเก่งกาจจริง แต่ท่านหยวนฮุ่ยนั้นเองก็มิใช่แค่เจ้าวังสวรรค์เฝ้าทั่วๆ ไปเช่นกัน!”
…
ข่าวการตายของเย่หยวนนั้นไม่มา แต่มันกลับมีอีกข่าวที่น่ากลัวกว่าเกิดขึ้นแทน
คนร้ายที่ทำลายสิบแปดวังสวรรค์เฝ้าปรากฏตัวขึ้นมาและเขานั้นกลับเป็นแค่ชายหนุ่มจักรพรรดิเทพสวรรค์ห้าดาว!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...