จอมเทพโอสถ นิยาย บท 2401

“สู้? มันจะไปสู้…”

ยูถันจื่อนั้นหัวเราะขึ้นมาเมื่อได้ยินก่อนจะคิดกล่าวขัดแต่ก็ต้องหยุดปากตัวเองไว้

เพราะตัวตนของเย่หยวนเวลานี้มันแตกต่างจากเดิมไปมาก หากเขาไม่ระวังปากอีกแล้วมันคงไม่จบลงง่ายๆ แค่ถูกริบพลังกลับไปแน่

แน่นอนว่าทางเฉียนจี้นั้นหันมามองเขาด้วยสายตาเย็นชาทันที

สายตานี้มันทำให้ร่างกายของเขาแข็งทื่อไม่อาจขยับเคลื่อนไหว

แต่ทว่าตัวยูถันจื่อนั้นได้ถามคำถามที่ทุกผู้คนสงสัยออกมาจริงๆ

จะสู้อย่างไร?

เย่หยวนค่อยๆ กล่าวออกมา “ไม่ว่าจะอย่างไรการต่อสู้ก็คือเส้นทางสู่ความแข็งแกร่งที่ดีที่สุด! ไม่ว่าจะเป็นเวลาร้อยปีหรือพันปี กำลังของเราจะพัฒนาไปได้สักแค่ไหนนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับโชคของเราเองแล้ว!”

แม้ว่าเย่หยวนนั้นจะสามารถใช้แนวคิดแห่งกาลเวลาบ่มเพาะยอดคนได้แต่ทำเช่นนั้นตัวเย่หยวนเองก็คงไม่อาจจะมีเวลาไปบ่มเพาะฝึกฝนตัวเองอีก

ที่สำคัญไปกว่านั้นคือการจะสร้างโลกใบน้อยที่หล่อหลอมนักยุทธนับพันๆ ได้นั้นมันต้องใช้พลังงานและทรัพยากรมากมายมหาศาล

ไม่ว่าจะเป็นมิติลับสวรรค์ในตอนนั้นหรือมิติสงครามดึกดำบรรพ์ในตอนนี้มันก็ต่างต้องใช้แรงกายแรงใจทรัพยากรมหาศาลของจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ทั้งสองยุค มันมิใช่สิ่งที่จำเตรียมการแล้วเสร็จได้ภายในวันสองวัน

เพราะฉะนั้นการบ่มเพาะเช่นนั้นมันจึงไม่เหมาะสมกับสถานการณ์นี้

เต๋าบรรพกาลสายฟ้ากล่าวขึ้นมาด้วยใบหน้าเหยเก “นี่มันคือทางออกที่ไหนกัน?”

เย่หยวนตอบกลับไป “แล้วจะทำอย่างไร? ให้เจ้าเหล่าเต๋าบรรพกาลทั้งหลายบุกไปไล่สังหารบรรพบุรุษของเผ่าเทวาเอาไหมเล่า?”

เต๋าบรรพกาลแทบต้องสำลักขึ้นเมื่อได้ยินก่อนจะหุบปากเงียบลง

เต๋าบรรพกาลสามคนลงมือพร้อมๆ กันยังไม่อาจฆ่าสังหารเทียนชิงลงได้ หากพวกเขาทั้งหลายไปบุกแล้วมันย่อมจะไม่ทำให้สถานการณ์ดีขึ้นแน่นอน

การต่อสู้ในครั้งนี้มันทำให้ต่างฝ่ายต่างหวาดกลัวซึ่งกันและกัน

หลังจากซ่างเหิงนิ่งเงียบมาสักพักเขาก็กล่าวขึ้นมา “ข้าว่าความคิดนี่มันน่าจะได้ผล! ในสงครามสิ้นโลกครั้งก่อนเองแม้เราจะตายกันเกือบสิ้นแต่ฝ่ายพวกมันเองก็เจ็บกันไปถ้วนหน้าไปได้! นอกจากตัวเทียนชิงนั้นแล้วเหล่าบรรพบุรุษคนอื่นๆ ของพวกมันน่าจะยังไม่อาจฟื้นตัวได้เต็มที่! หากเทียบกันที่จำนวนแล้วหลากเผ่าพันธุ์นั้นย่อมจะมีปริมาณมากกว่าพวกมันนับสิบนับร้อยเท่า! ต่อให้เราต้องใช้ชีวิตแลกชีวิตมันก็คงมีชีวิตให้แลกอีกมากมาย! สิ่งที่เราขาดตอนนี้มันมีเพียงแค่กำลังที่จะจัดการตัวเทียนชิงลงเท่านั้น!”

พูดไปเช่นนั้นสีหน้าของซ่างเหิงก็เริ่มกลับมาตึงเครียดอีกครั้ง “หากเทียนชิงไม่ตายแล้วต่อให้จะสังหารเหล่าเผ่าเทวาลงจนหมดสิ้นมันก็คงไม่อาจจะลบล้างพวกมันได้! กำลังของมันนั้นมันเหนือล้ำจนสามารถทำลายความต่างเรื่องจำนวนได้สิ้น!”

เวลานี้แล้วสายตาของทุกผู้คนจึงได้หันมามองเย่หยวนเป็นตาเดียว

หากมันจะมีใครในหมู่คนทั้งหลายนี้ที่จะก้าวถึงระดับของเทียนชิงได้แล้วมันก็คงมีแต่เขา!

นักบุญฟ้าครามผู้เป็นนิรันดร์ ตำนานที่เขาทิ้งไว้นั้นทำให้หลากเผ่าพันธุ์ขับไล่เผ่าเทวาลงบัลลังก์ได้

โลกหล้านี้จะมีใครกันอีกเล่าที่ทำได้?

เฉียนจี้กล่าวขึ้นมาด้วยสีหน้าหนักใจ “ท่านนักบุญฟ้าคราม… ท่านทำได้หรือไม่?”

เย่หยวนส่ายหัวออกมา “เวลามันสั้นเกินไป ข้านั้นไม่รู้หรอกว่ามันจะสำเร็จหรือไม่แต่ข้าจะทำเท่าที่ทำได้และปล่อยให้ที่เหลือเป็นเรื่องของโชคชะตา! ถึงเวลานี้จะอย่างไรมันก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องสู้!”

พูดไปเย่หยวนก็หันหน้ากลับไปหาเหล่าเด็กชะตาไร้คาดเดาทั้งหลายก่อนจะกล่าว “พวกเจ้าทั้งหลายมีใครบ้างที่คิดจะยอมเสี่ยงชีวิตไปพร้อมกันนักบุญผู้นี้?”

“ข้า!”

เสียงของเย่หยวนยังไม่ทันจางหายมันก็มีคนก้าวขึ้นมารับคำ

แน่นอนว่าเขาย่อมเป็นว่านเจิ้นแล้ว!

“ข้า!”

“ข้าด้วย!”

ไม่นานนักมันก็มีคนมากมายก้าวออกมาเรื่อย

แต่ว่าคนส่วนมากกลับยังเอาแต่หันมองหน้ากันไปมา ไม่มีความคิดที่จะก้าวย่างออกมาใดๆ

เมื่อเย่หยวนได้เห็นเช่นนั้นเขาก็ได้แต่ต้องถอนหายใจยาว “เวลาเปลี่ยนจิตใจคนก็เปลี่ยนตาม!”

เขานั้นยังคงจำภาพการสละตัวของนักบุญมายาล้ำ ความทรงคุณธรรมของเขาผู้นั้นยังคงฝังอยู่ในใจ!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ