“สู้? มันจะไปสู้…”
ยูถันจื่อนั้นหัวเราะขึ้นมาเมื่อได้ยินก่อนจะคิดกล่าวขัดแต่ก็ต้องหยุดปากตัวเองไว้
เพราะตัวตนของเย่หยวนเวลานี้มันแตกต่างจากเดิมไปมาก หากเขาไม่ระวังปากอีกแล้วมันคงไม่จบลงง่ายๆ แค่ถูกริบพลังกลับไปแน่
แน่นอนว่าทางเฉียนจี้นั้นหันมามองเขาด้วยสายตาเย็นชาทันที
สายตานี้มันทำให้ร่างกายของเขาแข็งทื่อไม่อาจขยับเคลื่อนไหว
แต่ทว่าตัวยูถันจื่อนั้นได้ถามคำถามที่ทุกผู้คนสงสัยออกมาจริงๆ
จะสู้อย่างไร?
เย่หยวนค่อยๆ กล่าวออกมา “ไม่ว่าจะอย่างไรการต่อสู้ก็คือเส้นทางสู่ความแข็งแกร่งที่ดีที่สุด! ไม่ว่าจะเป็นเวลาร้อยปีหรือพันปี กำลังของเราจะพัฒนาไปได้สักแค่ไหนนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับโชคของเราเองแล้ว!”
แม้ว่าเย่หยวนนั้นจะสามารถใช้แนวคิดแห่งกาลเวลาบ่มเพาะยอดคนได้แต่ทำเช่นนั้นตัวเย่หยวนเองก็คงไม่อาจจะมีเวลาไปบ่มเพาะฝึกฝนตัวเองอีก
ที่สำคัญไปกว่านั้นคือการจะสร้างโลกใบน้อยที่หล่อหลอมนักยุทธนับพันๆ ได้นั้นมันต้องใช้พลังงานและทรัพยากรมากมายมหาศาล
ไม่ว่าจะเป็นมิติลับสวรรค์ในตอนนั้นหรือมิติสงครามดึกดำบรรพ์ในตอนนี้มันก็ต่างต้องใช้แรงกายแรงใจทรัพยากรมหาศาลของจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ทั้งสองยุค มันมิใช่สิ่งที่จำเตรียมการแล้วเสร็จได้ภายในวันสองวัน
เพราะฉะนั้นการบ่มเพาะเช่นนั้นมันจึงไม่เหมาะสมกับสถานการณ์นี้
เต๋าบรรพกาลสายฟ้ากล่าวขึ้นมาด้วยใบหน้าเหยเก “นี่มันคือทางออกที่ไหนกัน?”
เย่หยวนตอบกลับไป “แล้วจะทำอย่างไร? ให้เจ้าเหล่าเต๋าบรรพกาลทั้งหลายบุกไปไล่สังหารบรรพบุรุษของเผ่าเทวาเอาไหมเล่า?”
เต๋าบรรพกาลแทบต้องสำลักขึ้นเมื่อได้ยินก่อนจะหุบปากเงียบลง
เต๋าบรรพกาลสามคนลงมือพร้อมๆ กันยังไม่อาจฆ่าสังหารเทียนชิงลงได้ หากพวกเขาทั้งหลายไปบุกแล้วมันย่อมจะไม่ทำให้สถานการณ์ดีขึ้นแน่นอน
การต่อสู้ในครั้งนี้มันทำให้ต่างฝ่ายต่างหวาดกลัวซึ่งกันและกัน
หลังจากซ่างเหิงนิ่งเงียบมาสักพักเขาก็กล่าวขึ้นมา “ข้าว่าความคิดนี่มันน่าจะได้ผล! ในสงครามสิ้นโลกครั้งก่อนเองแม้เราจะตายกันเกือบสิ้นแต่ฝ่ายพวกมันเองก็เจ็บกันไปถ้วนหน้าไปได้! นอกจากตัวเทียนชิงนั้นแล้วเหล่าบรรพบุรุษคนอื่นๆ ของพวกมันน่าจะยังไม่อาจฟื้นตัวได้เต็มที่! หากเทียบกันที่จำนวนแล้วหลากเผ่าพันธุ์นั้นย่อมจะมีปริมาณมากกว่าพวกมันนับสิบนับร้อยเท่า! ต่อให้เราต้องใช้ชีวิตแลกชีวิตมันก็คงมีชีวิตให้แลกอีกมากมาย! สิ่งที่เราขาดตอนนี้มันมีเพียงแค่กำลังที่จะจัดการตัวเทียนชิงลงเท่านั้น!”
พูดไปเช่นนั้นสีหน้าของซ่างเหิงก็เริ่มกลับมาตึงเครียดอีกครั้ง “หากเทียนชิงไม่ตายแล้วต่อให้จะสังหารเหล่าเผ่าเทวาลงจนหมดสิ้นมันก็คงไม่อาจจะลบล้างพวกมันได้! กำลังของมันนั้นมันเหนือล้ำจนสามารถทำลายความต่างเรื่องจำนวนได้สิ้น!”
เวลานี้แล้วสายตาของทุกผู้คนจึงได้หันมามองเย่หยวนเป็นตาเดียว
หากมันจะมีใครในหมู่คนทั้งหลายนี้ที่จะก้าวถึงระดับของเทียนชิงได้แล้วมันก็คงมีแต่เขา!
นักบุญฟ้าครามผู้เป็นนิรันดร์ ตำนานที่เขาทิ้งไว้นั้นทำให้หลากเผ่าพันธุ์ขับไล่เผ่าเทวาลงบัลลังก์ได้
โลกหล้านี้จะมีใครกันอีกเล่าที่ทำได้?
เฉียนจี้กล่าวขึ้นมาด้วยสีหน้าหนักใจ “ท่านนักบุญฟ้าคราม… ท่านทำได้หรือไม่?”
เย่หยวนส่ายหัวออกมา “เวลามันสั้นเกินไป ข้านั้นไม่รู้หรอกว่ามันจะสำเร็จหรือไม่แต่ข้าจะทำเท่าที่ทำได้และปล่อยให้ที่เหลือเป็นเรื่องของโชคชะตา! ถึงเวลานี้จะอย่างไรมันก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องสู้!”
พูดไปเย่หยวนก็หันหน้ากลับไปหาเหล่าเด็กชะตาไร้คาดเดาทั้งหลายก่อนจะกล่าว “พวกเจ้าทั้งหลายมีใครบ้างที่คิดจะยอมเสี่ยงชีวิตไปพร้อมกันนักบุญผู้นี้?”
“ข้า!”
เสียงของเย่หยวนยังไม่ทันจางหายมันก็มีคนก้าวขึ้นมารับคำ
แน่นอนว่าเขาย่อมเป็นว่านเจิ้นแล้ว!
“ข้า!”
“ข้าด้วย!”
…
ไม่นานนักมันก็มีคนมากมายก้าวออกมาเรื่อย
แต่ว่าคนส่วนมากกลับยังเอาแต่หันมองหน้ากันไปมา ไม่มีความคิดที่จะก้าวย่างออกมาใดๆ
เมื่อเย่หยวนได้เห็นเช่นนั้นเขาก็ได้แต่ต้องถอนหายใจยาว “เวลาเปลี่ยนจิตใจคนก็เปลี่ยนตาม!”
เขานั้นยังคงจำภาพการสละตัวของนักบุญมายาล้ำ ความทรงคุณธรรมของเขาผู้นั้นยังคงฝังอยู่ในใจ!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...