“ท่านเยว่เฟิงกลับก้มลงคุกเข่าเช่นกัน!”
“นักบุญฟ้าครามนี่เป็นใครกัน?”
“ซิ่วหยุน เจ้าว่าเขานั้นมาจากเมืองจักรพรรดิมิใช่หรือ? แต่คนทั้งหลายนั้นมันมีแต่ยอดคนที่มีชีวิตอยู่มานานนับล้านๆ ปีกันสิ้น!”
…
ในเวลานี้แม้แต่ตัวซิ่วหยุนเองก็เริ่มสงสัยในข่าวที่ตัวเองได้รับมา
หรือว่าสิ่งที่เขาสืบมาก่อนหน้านี้มันจะเป็นการเข้าใจผิดกัน?
ภาพตรงหน้านี้มันทั้งเจิดจ้าและน่าตกตะลึงอย่างมาก
เย่หยวนหันไปก้มลงมองเยว่เฟิงแต่เวลานี้ตัวเยว่เฟิงนั้นกำลังก้มหน้าลงพร้อมคุกเข่าอย่างเคร่งครัดราวกับอยู่ในพิธีใดสักอย่าง
มันเหมือนว่าเย่หยวนนั้นมิใช่คนแต่เป็นเทพ!
เทพเจ้าตัวจริง!
แต่เย่หยวนนั้น ไม่ว่าจะมองมุมไหนเขาก็ยังเป็นแค่ยอดฝีมืออาณาจักรจักรพรรดิเทพสวรรค์คนหนึ่ง
เย่หยวนที่ได้ยินต้องขมวดคิ้วแน่นมองดูเยว่เฟิงก่อนจะกล่าวขึ้น “ในเมื่อบรรพบุรุษของเจ้ารู้จักยุคสมัยก่อนแล้ว เจ้าก็น่าจะรู้ดีกว่าใครว่ากว่าที่หลากเผ่าพันธุ์จะมีวันนี้ได้มันยากเย็นแค่ไหน! เจ้านั้นคิดไม่อยากยุ่งเกี่ยวเรื่องราว มันย่อมไม่มีปัญหา แต่เจ้าคิดหรือว่าชีวิตของเจ้านี้จะรอดจากเงื้อมมือของเผ่าเทวามันได้?”
เยว่เฟิงก้มหน้าลงต่ำด้วยความหวาดกลัว ไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียงใดๆ กลับมา
เมื่อเย่หยวนได้เห็นสภาพเช่นนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะทั้งรู้สึกเกลียดชังและสมเพช “ช่างเถอะ เจ้ายังจำคำของบรรพบุรุษตนได้ ยังถึงว่ารู้จักผิดชอบบ้าง วันนี้ข้าจะเว้นชีวิตเจ้าให้! เรื่องที่ว่าเจ้าจะขัดขืนเผ่าเทวาหรือไม่นั้น เจ้าลองใช้สมองคิดดูเอาด้วยตัวเองเถอะ หากเจ้าคิดว่าตนเองจะรอดพ้นจากเรื่องราวทางโลกได้จริง ก็ทำตามใจของเจ้าเถอะ”
พูดจบเย่หยวนก็เดินผ่านลงเขาไป
เยว่เฟิงนั้นสั่นสะท้านไปทั้งกาย ไม่กล้าพูดแม้สักคำ
เขานั้นไม่นึกฝันว่าเย่หยวนนั้นกลับจะเป็นนักบุญฟ้าครามในตำนาน!
ตระกูลของเขานั้นสั่งสอนกันมาตั้งแต่บรรพกาลว่านักบุญฟ้าครามและมายาล้ำนั้นมันคือสองนักบุญที่สร้างคุณให้แก่มนุษยชาติ
เพียงแค่ว่ายุคสมัยนั้นมันผ่านไปแสนนาน เขาจึงคิดว่ามันเป็นแค่ตำนาน
เขาไม่นึกฝันว่ามันกลับจะยังมีอยู่จริง!
และสิ่งที่เขาไม่คาดฝันที่สุดก็คือนักบุญฟ้าครามนั้นกลับเป็นแค่เด็กหนุ่มคนหนึ่ง!
แม้ว่ามันจะดูเหนือความเข้าใจแต่เขาก็รู้ดีว่ามันคงไม่มีทางผิดพลาดไปได้
การทำให้ยอดฝีมือระดับกฎแสดงท่าทางเช่นนั้นออกมาได้ เย่หยวนย่อมจะเป็นนักบุญฟ้าครามอย่างไม่ต้องสงสัยแล้ว!
แต่ทำไมนักบุญฟ้าครามจึงได้มาปรากฏตัวในยุคสมัยนี้?
เรื่องราวนี้เขาย่อมจะไม่อาจเข้าใจมันได้ไม่ว่าจะคิดอย่างไร
…
ระหว่างที่เย่หยวนขึ้นไปเอามหาค่ายกลบนเขาแปดโมฆะนั้นทางฝ่ายทัพผสมหลากเผ่าพันธุ์เองก็กำลังเจอศึกหนัก
ทุ่งกว้างของแดนตะวันตกเวลานี้มันถูกกลบไปด้วยกลิ่นของเลือดและความตาย
เจ้าฟ้าดินมากมายนั้นพุ่งตัวออกไปสู้รบจนทำให้ภูเขาแตกสลายแม่น้ำแห้งเหือด
เวลานี้ดินแดนวิญญาณและสัตว์สิ่งมีชีวิตมากมายต้องตายลงไปเพราะศึกนี้
แต่ว่าทัพผสมนั้นก็ยังคงสู้รบพร้อมๆ กับถอยทัพไปด้วย
ทำให้แม้ว่าจะเสียหายไปแต่มันก็ไม่ถือว่าหนักหน่วงนัก
ที่สำคัญที่สุดคือเวลานี้เผ่ามนุษย์จะเป็นหน้าทัพส่วนมาก ทำให้เผ่าอื่นๆ ไม่อาจจะปริปากบ่นได้
ในเวลานี้มันมีเจ้าฟ้าดินนับร้อยๆ กำลังปะทะกับเหล่ายอดแม่ทัพนายกองของเผ่าเทวา
การต่อสู้นี้มันทำให้มิติถล่มฟ้าดินทลาย
“ฮ่าๆๆ มนุษย์ในทุกวันนี้มันอ่อนแอจริงๆ! เจ้าฟ้าดินห้าทลายมากมายขนาดนี้ร่วมมือกันก็ยังไม่อาจเอาชนะข้าลงได้! ยุคก่อนนั้นแม้จะมิใช่มหาบรรพกาลทั้งสิบแปดเองมันก็ยังมียอดฝีมือมากมายล้นฟ้า! มันมีหลายต่อหลายคนที่เก่งกาจพอจะสู้กับบรรพกาลผู้นี้แบบตัวต่อตัวได้! แต่วันนี้พวกเจ้ากลับอ่อนแอเสียเหลือเกิน!”
ในการศึกอันดุเดือดนั้นเทียนเหอได้หัวเราะลั่นขึ้นมาพร้อมด้วยคำพูดดูถูกทัพหลากเผ่าพันธุ์
เพราะตัวเขาคนเดียวนี้กลับกำลังรับมือเจ้าฟ้าดินห้าทลายอยู่ถึงสิบสี่คน
ต่อให้จะเป็นเช่นนั้นเขาก็ยังไม่ได้เหนือยากใดๆ
กำลังของเขาในเวลานี้มันย่อมจะทำให้ยอดฝีมือหลากเผ่าพันธุ์รู้สึกสิ้นหวัง
เมื่อมาถึงระดับของเจ้าฟ้าดินและเต๋าสวรรค์เก้าลาย พลังของเผ่าเทวามันจึงได้ปรากฏชัดขึ้นมา
การปะทะที่ผ่านๆ มานี้เผ่ามนุษย์ทั้งหลายไม่อาจจะตอบกลับใดๆ ไปได้เลย
มันมีเจ้าฟ้าดินมากมายตายตกลง
เทียบกันแล้วความสูญเสียของเผ่าเทวานั้นมันน้อยกว่ามาก
ที่พวกเขายังคงต้านทานเทียนเหอไว้ได้จนตอนนี้มันก็เพียงเพราะว่าทัพผสมหลากเผ่าพันธุ์นั้นมันมีจำนวนยอดฝีมือมากมาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...