“เจ้าว่าอย่างไรเล่าสายฟ้า?” หลินเฉาเถียนหันไปถามเต๋าบรรพกาลสายฟ้าด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง
เวลานี้เต๋าบรรพกาลทั้งเจ็ดได้แสดงความเห็นออกมาชัดเจนแล้ว มีเพียงแค่เต๋าบรรพกาลสายฟ้าที่ยังดูมีท่าลังเล
จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้นั้นเหมือนได้เห็นฟางเส้นสุดท้ายจึงกล่าวขึ้นมา “ผางเทียน! ผางเจิ้นมันนั้นยังร้องตะโกนอยู่ข้างนอก เจ้าไม่เห็นหรือว่ามันนั้นเปลี่ยนแปลงและพัฒนาตัวไปแค่ไหน? แม้แต่มันนั้นยังไม่คิดเลยว่าท่านนักบุญฟ้าครามจะทรยศเผ่าพันธุ์ใดๆ นี้ ตัวเจ้ากลับจะเชื่อคำกล่าวเหลวไหลนี้หรือ?”
เต๋าบรรพกาลสายฟ้าเงียบไปอีกพักใหญ่ สายตาของเขานั้นหันไปมองยังผางเจิ้นที่อยู่ด้านนอกเทือกเขากำเนิดตรัสรู้
คนทั้งหลายต่างหันมามองดูที่เต๋าบรรพกาลสายฟ้าเป็นตาเดียว
หลังจากเงียบไปอีกพักหนึ่ง ในที่สุดเขาก็กล่าวขึ้น “บรรพกาลผู้นี้เห็นด้วย!”
ฮือ!
มันเกิดเสียงร่ำร้องขึ้นมาในโถงทันที!
จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้นั้นแทบคลั่งเมื่อได้ยินกล่าวด่าว่าตัวเต๋าบรรพกาลสายฟ้าอย่างไม่ขาดปากว่าไม่รู้จักคุณคน
เพียงแค่ว่าผลลัพธ์มันได้ปรากฏชัดขึ้นมาแก่สายตาคน
กำลังของเขามันน้อยกว่าที่จะเปลี่ยนแปลงใดๆ ได้อีก!
ไม่มีใครคาคดิดว่าเต๋าบรรพกาลทั้งเก้าที่มีเรื่องปะทะกันมาตลอดกลับจะมาร่วมมือสามัคคีกันในวันนี้เพราะเรื่องของเย่หยวน!
แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้มันก็ยิ่งเป็นหลักฐานให้คำพูดของเย่หยวนมิใช่หรือ?
ด้วยการที่เต๋าบรรพกาลทั้งเก้าเห็นพ้องต้องกันฟ้าดินมันย่อมจะเปลี่ยนไหลไปตามพวกเขา!
แล้วพลังอำนาจในระดับนี้มันจะยังมีใครกล้ามาหยุดยั้งลง?
ต่อให้จะอยากรีดความลับของเย่หยวนแล้วทำไม?
พวกเขานั้นคือความจริง!
พวกเขานั้นคือพลัง!
พวกเขานั้นคือยอดคน!
เมื่อเต๋าบรรพกาลสายฟ้ากล่าวออกมาชัดเจนแล้วหลินเฉาเถียนก็ยิ้มหันไปมองเย่หยวน “สิ่งที่เต๋าบรรพกาลทั้งเก้าเราตัดสินลงพร้อมกันแล้วมันย่อมจะเป็นเหมือนคำตัดสินของสวรรค์! ต่อให้จะเป็นเทียนชิงแห่งเผ่าเทวามันเองก็ยังไม่อาจขัดได้! ท่านจะยอมรับหรือไม่?”
ในเวลานี้คนทั้งหลายที่สนับสนุนเย่หยวนต่างตกสู้ห้วงความสิ้นหวัง
เมื่อเต๋าบรรพกาลทั้งเก้าร่วมมือกันเช่นนี้แล้วมันจะยังมีใครมาหยุดยั้งได้?
อย่างที่เต๋าบรรพกาลชีวิตว่า ต่อให้เทียนชิงมาเองเขาก็คงไม่อาจจะรอดพ้นจากมือของเต๋าบรรพกาลทั้งเก้าไปได้!
แม้ต้องพบเจอกับแรงกดดันของเต๋าบรรพกาลทั้งเก้านั้นเย่หยวนก็ยังคงทำหน้านิ่งเฉย
เขามองดูหลินเฉาเถียนด้วยรอยยิ้มเย้ย “พวกเจ้าเต๋าบรรพกาลทั้งเก้าถูกข้าสร้างขึ้นมา หากเวลานี้ข้ามายอมให้เจ้ากดหัวง่ายๆ ข้าคงไม่ได้กลายเป็นแค่คนโง่ไปหรือ?”
เมื่อคำพูดนี้ถูกกล่าวคนทั้งหลายต่างก็ต้องอ้าปากค้าง
หลินเฉาเถียนหัวเราะลั่นขึ้นมา “ฮ่าๆๆ… เย่หยวน เวลามันเปลี่ยนไปแล้ว เวลานี้ใครที่ไม่ใช่เต๋าบรรพกาลมันล้วนเป็นมดปลวก! แค่กำลังของเจ้าตอนนี้ก็คิดจะหลบรอดจากน้ำมือพวกเราทั้งหลายไปได้หรือ?”
เย่หยวนตอบกลับไป “หากข้าอยากไป ข้าก็ย่อมจะไป เจ้าจะมีปัญญาทำอะไรข้าได้? ในเมื่อข้ากล้ามา ข้าก็ย่อมจะมั่นใจว่ากลับไปได้! พวกเจ้าเป็นเต๋าบรรพกาลทั้งเก้าแล้วมันจะเป็นปัญหาใด?”
คำพูดของเขานี้มันทำให้คนทั้งหลายแตกตื่นขึ้นอีกครั้ง
“เขา… คงไม่ได้บ้าไปแล้วใช่หรือไม่? เวลานี้มิติมันถูกปิดตายลงแล้ว! ต่อให้เขาจะมีแนวคิดแห่งห้วงมิติที่เหนือล้ำปานใดมันก็คงไม่อาจจะหนีไปต่อหน้าต่อตาเหล่าเต๋าบรรพกาลทั้งหลายได้!”
“บนโลกหล้านี้มันจะยังมีใครหลบรอดจากมือของเต๋าบรรพกาลทั้งเก้าไปได้หรือ? บ้าน่า!”
“บางทีในวันหน้าอาจจะทำได้จริง แต่ตอนนี้… มันคงไม่มีทางเป็นไปได้!”
…
ไม่มีใครคิดเชื่อคำของเย่หยวน เพราะมันคือสิ่งที่ไม่มีทางเป็นไปได้
เต๋าบรรพกาลนั้นคือสิ่งใด?
หากให้เปรียบแล้วเต๋าบรรพกาลนั้นมันก็เหมือนเต๋าสวรรค์!
พวกเขาคือพลังอำนาจที่สูงสุดบนโลกหล้า!
จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้เองที่ถูกยกย่องว่าเป็นผู้นำของมนุษย์ตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่อาจจะเทียบเคียงกับพลังของเต๋าบรรพกาลใดๆ ได้
ทั้งนี่ยังเป็นการร่วมมือของเต๋าบรรพกาลทั้งเก้าเสียด้วย!
แน่นอนว่าตัวหลินเฉาเถียนย่อมจะกล่าวขึ้นด้วยท่าทางดูถูก “เช่นนั้นหรือ? เช่นนั้นบรรพกาลผู้นี้คงต้องขอชมฝีมือของท่านนักบุญฟ้าครามหน่อยแล้ว!”
พูดจบเขาก็กดฝ่ามือลงมาทันที
เวลานี้ฝ่ามือของเขามันส่องแสงสีเขียวอ่อนเปี่ยมล้นด้วยพลังแห่งกฎธาตุไม้มีเป้าหมายคือเย่หยวน
เวลานี้มิติมันถูกปิดกั้นไปแล้ว พลังของฝ่ามือนี้มันมากพอที่จะทำลายเจ้าฟ้าดินห้าทลายให้แหลกลงได้!
ฝ่ามือท่าทางสบายๆ นี้มันกลับทำให้คนทั้งหลายหน้าซีดขาว
แต่เย่หยวนนั้นกลับยืนนิ่งเอามือไพล่หลัง ราวกับว่าไม่ได้เห็นฝ่ามือนี้ใดๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...