“เจ้านี่มันชั่วร้ายอย่างบ้าคลั่งแท้ กลับกล้าลงมือต่อคนบริสุทธิ์ไม่รู้เรื่องราวถึงมากมายปานนี้!” เย่หยวนหันไปกล่าวต่อฉางเล่อด้วยรอยยิ้มเหยียดหยาม
เพราะเหล่านักหลอมโอสถที่ตายตกลงไปนั้นแทบจะไม่มีใครเคยมีเรื่องบาดหมางใดๆ กับจักรพรรดิเทพสวรรค์ฉางเล่อมาก่อน
แต่เจ้าหมอนี่มันกลับสังหารคนลงอย่างเลือดเย็น ความผิดร้ายของเขานี้มันมากมายจนเกินกว่าจะนับ
ด้านฉางเล่อเองก็หรี่ตากัดฟันตอบกลับขึ้นมา “แล้วทำไมข้าต้องไปยอมเป็นหมารับใช้คนอื่นชั่วชีวิตเล่า? ข้าไม่มีทางยอม! ข้านั้น… ไม่อาจยอม! ทุกคนนั้นทำเหมือนข้าเป็นแค่หมารับใช้ของมัน! ข้าที่เป็นศิษย์คนโตนี่กลับมีค่าด้อยเสียยิ่งกว่าศิษย์รุ่นที่สาม! ฮ่าๆๆ… เจ้าพวกที่อวดอ้างว่าเป็นอัจฉริยะทั้งหลายนั้นมันสมควรตายแล้ว! พวกมันมีค่าแค่เป็นหินให้ข้าเหยียบก็เท่านั้น!”
เวลานี้เมื่อความตายมาเยือนใกล้ถึงเต็มทีตัวฉางเล่อจึงได้ปล่อยปลดความอัดอั้นที่เก็บกักไว้นานแสนนานออกมา
เพราะเวลานี้ตัวฉางเล่อเองก็ใจเย็นลงมากแล้ว
เขานั้นมิใช่คนโง่จนจะเชื่อว่าเย่หยวนนั้นจะยังปล่อยให้เขารอดชีวิตไป
เพราะฉะนั้นเขาจึงเลิกที่คิดร้องขอชีวิตใดๆ
เย่หยวนนั้นมองดูฉางเล่อด้วยสีหน้าเรียบเฉยไร้ความรู้สึกสงสารใด
คนน่าสงสารนั้นมันย่อมจะมีด้านที่น่าสมเพชอยู่
คนเรานั้นต้องพัฒนาตนเองอยู่เสมอ ความทะเยอทะยานของฉางเล่อเองก็ยิ่งใหญ่เพียงแค่ว่าวิธีการของเขามันชั่วร้ายเกินรับ
แน่นอนว่าที่สำคัญที่สุดคือเขาเลือกคู่ต่อสู้ผิดไป
เขานั้นไม่ควรจะมาท้าทายเย่หยวน
“มีอะไรจะพูดอีกไหม?” เย่หยวนถามขึ้น
ฉางเล่อหัวเราะขึ้นมาเมื่อได้ยิน “เย่หยวน เจ้านั้นคงได้เห็นถึงยอดเต๋าที่ข้ากลืนกินมาแล้วใช่หรือไม่? ฮ่าๆๆ ตราบเท่าที่เจ้านำมันไปศึกษาต่อแล้วด้วยพรสวรรค์ของเจ้านั้นการจะก้าวขึ้นระดับโอสถเต๋ามันคงแสนง่ายดาย! จักรพรรดิผู้นี้ไม่มีคำใดจะกล่าวอีกแล้ว เจ้าจงรับความทะเยอทะยานของจักรพรรดิผู้นี้ไปสานต่อเสียเถอะ! ฮ่าๆๆ…”
เย่หยวนยิ้มขึ้นที่มุมปาก “ก็จริง ยอดเต๋ามากมายเช่นนี้มันน่าสนใจไม่น้อยแต่เจ้าเองจะดูถูกเย่คนนี้มากเกินไปแล้ว! เจ้าคิดว่าแค่จะบรรลุระดับโอสถเต๋าข้าต้องพึ่งของเช่นนี้ด้วยหรือ?”
พูดจบเย่หยวนก็ยื่นมือออกมาดึงพลังงานสีดำจนหมุนวนรอบกายเย่หยวนราวกับว่าเป็นลมพายุแห่งความโหยหวน
ร่างกายของเย่หยวนนั้นค่อยๆ เปล่งแสงสีจางออกมา
จากนั้นเขาก็ลูบลือลงบนพายุสีดำนั้นทำให้คลื่นพลังงานบ้าคลั่งมันค่อยๆ สงบลง
เวลานี้ตัวเย่หยวนนั้นมีคลื่นพลังราวพระโพธิสัตว์ที่ลงมาโปรดโลก!
คลื่นพลังหมุนวนนั้นมันย่อมจะเกิดขึ้นมาจากวิญญาณแค้นของคนที่ตายและถูกฉางเล่อกลืนกินมา
แม้ว่าจิตศักดิ์สิทธิ์ของคนทั้งหลายจะถูกกลืนกินไปแต่ความแค้นก่อนตายนั้นมันยังคงฝังแน่น
ไม่ยอมรับ ไม่อยากตาย!
แต่คลื่นพลังจากตัวของเย่หยวนในเวลานี้มันได้ปลอบประโลมวิญญาณทั้งหลายทำให้พวกเขาได้รู้สึกถึงความอบอุ่นอีกครั้ง
“ไม่ต้องกังวลไป ข้านั้นไม่คิดใช้พวกเจ้าบ่มเพาะใดๆ หรอก หากทำเช่นนั้นข้าจะต่างจากมันตรงไหนกันเล่า? เอาล่ะ ไปกันได้แล้ว” เย่หยวนกล่าวขึ้น
วิญญาณแค้นทั้งหลายนั้นค่อยๆ แยกออกจากพายุหมุนปรากฏเป็นร่างหันมาก้มขอบคุณเย่หยวน
แต่ก่อนจะไปนั้นพวกเขาทั้งหลายต่างหันมามองฉางเล่อด้วยความสมเพช
จากนั้นพวกเขาทั้งหลายก็ค่อยๆ จางหายลงไปกับตา
“ขอบพระคุณนายท่านมากที่ปล่อยให้เราได้กลับสู่วัฏสงสาร!”
“ขอบคุณนายท่าน ข้าน้อยซาบซึ่งยิ่ง!”
“คุณของนายท่านนี้ต่อให้ไปเกิดใหม่ข้าน้อยก็จะขอจดจำมันไว้!”
…
เงาร่างมากมายค่อยๆ แยกตัวออกจากคลื่นพายุและหันมาก้มหัวขอบคุณเย่หยวนตามๆ กัน
กงล้อสีดำของจักรพรรดิเทพสวรรค์ฉางเล่อนั้นมันเป็นอะไรที่สุดแสนน่ากลัว หลังจากถูกเขาคนนี้กลืนกินไปแล้ววิญญาณของคนทั้งหลายจะต้องติดอยู่ภายในไม่อาจไปเกิดใหม่ได้อีก
แต่เย่หยวนนั้นปลดปล่อยพวกเขาให้ได้กลับเข้าสู่วัฏสงสารอีกครั้ง
คุณในครั้งนี้พวกเขาทั้งหลายย่อมจะเข้าใจดีว่ามันยิ่งใหญ่ปานใด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...