ภายใต้สายตาของผู้คนนั้นเพลิงสวรรค์ทิ้งเถ้าที่ลุกไหม้บนร่างของเย่หยวนมันก็ค่อยๆ มอดดับลง
ส่วนเจ้าเพลิงอเวจีโมฆะอันแสนน่าหวาดหวั่นนั้นตั้งแต่มันมุดลงร่างเย่หยวนไปมันก็ไม่ปรากฏใดๆ ขึ้นมาอีกเลย
นึกย้อนกลับไปนั้นแม้แต่แปดยอดไฟสวรรค์นั้นเองมันก็ยังไม่อาจจะหลอมไหม้เย่หยวนลงได้และทำให้เย่หยวนบรรลุได้รับวิญญาณโกลาหลดั่งเดิมมาแทน
แม้ว่าเพลิงอเวจีโมฆะมันจะดูน่ากลัวแต่เทียบกันกับแปดยอดไฟสวรรค์นั้นแล้วมันย่อมห่างกกันคนละโลก มีหรือที่เย่หยวนในเวลานี้จะยังหวั่นกลัวใด?
แปดยอดไฟสวรรค์นั้นมันเป็นได้แค่เรื่องตลกสำหรับเขา!
และเย่หยวนนั้นยังมีร่างกายที่สุดแสนจะแข็งแกร่งที่สุดเท่าที่มหาพิภพถงเทียนจะมีได้
วรยุทธการบ่มเพาะของเผ่ามังกรและกายทองคำเก้าอหัตถ์สัมบูรณ์ บนโลกนี้มันจะยังมีไฟใดที่เผาไหม้ร่างกายนี้ลงได้?
ที่สำคัญไปกว่านั้นหากให้พูดถึงเรื่องไฟแล้วเย่หยวนนั้นคงเรียกได้ว่าเป็นมหาบรรพกาลแห่งการเล่นกับไฟ!
แม้ว่าเขานั้นจะไม่ได้คิดบ่มเพาะแนวคิดแห่งไฟ ไม่อาจจะใช้ไฟรุนแรงใดๆ ออกมาโจมตีผู้คนได้
แต่ว่าวิชาการควบคุมไฟของเขานั้นมันพัฒนาจนถึงระดับสมบูรณ์แบบไปแล้ว
หากคิดอยากเผาเขาลงนั้นมันคงยากเกินมือหลินเฉาเถียน!
เดิมทีนั้นคนทั้งหลายต่างคิดอยากเห็นว่าเย่หยวนนั้นจะใช้สุดยอดวิชาใดออกมารับการโจมตีของไฟในตำนานทั้งสองนี้
แต่ไม่มีใครคิดฝันว่าเย่หยวนกลับไม่คิดปัดป้องใดๆ!
เขานั้นไม่สนใจมันแม้แต่น้อย!
เทียนชิงนั้นได้แต่ต้องเบิกตาโพลงขึ้นมา พยายามมองดูให้แน่ชัดแก่ตา
“เขา… เขากลับไม่บาดเจ็บใดๆ เลย! ไม่เป็นอะไรเลย! นี่มัน… เป็นไปได้อย่างไรกัน? นั่นมันคือเพลิงสวรรค์ทิ้งเถ้าและเพลิงอเวจีโมฆะ! เขานั้นกลับไม่แม้แต่จะปล่อยปราณเทวะออกมารับ? ข้าไม่ได้ฝันอยู่ใช่หรือไม่?”
เขานั้นรู้สึกว่าจิตสำนึกของตนมันกำลังจะพังทลายลงไป
ไฟทั้งสองนี้มันคือตำนานที่ไม่อาจจะเห็นกันได้ง่ายๆ
แต่ผลลัพธ์ที่ออกมามันกลับเหนือล้ำยิ่งกว่าตำนาน
“บ-บ้าน่า? ข้าที่อยู่ตั้งไกลยังรู้สึกแทบจะละลายลงไปแต่ท่านนักบุญฟ้าครามนั้นกลับไม่เป็นอะไรแม้แต่น้อยหรือ?”
“สองไฟในตำนานนั้นกลับไม่อาจทำอันตรายใดๆ ท่านนักบุญฟ้าครามได้เลยหรือ?”
“จะบ้าเกินไปแล้ว! ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมท่านนักบุญฟ้าครามถึงได้เมินหลินเฉาเถียนมันมาตลอด ที่แท้แล้วท่านไม่ต้องสนใจมันจริงๆ!”
…
ยอดฝีมือทั้งหลายนั้นต่างได้แต่กล่าวชมไม่ขาดปาก
เพราะต่อให้พวกเขาจะไม่เข้าใจถึงต้นกำเนิดหรือหลักการของไฟทั้งสองอย่างนั้นแต่พวกเขาก็สัมผัสได้ถึงความน่ากลัวจากลูกไฟทั้งสองนั้นอย่างชัดเจน
แต่เย่หยวนนั้นกลับย่างทำให้คนทั้งหลายตกตะลึงสุดใจ
แน่นอนว่าคนที่ตกตะลึงมากที่สุดนั้นมันคงมิใช่ใครนอกจากหลินเฉาเถียนเอง
เพราะเขานั้นใช้ไม้ตายที่รุนแรงที่สุดออกมาด้วยความโกรธ
แต่สุดท้ายเย่หยวนกลับไม่ต้องยกมือขึ้นมาปัดป้องเสียด้วยซ้ำไป!
เช่นนี้แล้วจะยังไม่กลัวได้อย่างไร?
เขานั้นกลัวจนแทบขาดใจ!
“จ-เจ้าเป็นมารปีศาจหรือ? นี่มัน… ทำไมเจ้ายังอยู่ดีได้กัน? บ้าน่า! เจ้า… เจ้าต้องฝืนทนมันไว้แน่!” หลินเฉาเถียนนั้นร้องลั่นขึ้นมา
เวลานี้เย่หยวนจึงได้จ้องมองกลับมาหาหลินเฉาเถียนเป็นครั้งแรกก่อนจะกล่าวขึ้น “เจ้า… ดูจะกลัวๆ นะ!”
หลินเฉาเถียนนั้นร้องลั่นขึ้นมาด้วยท่าทางโมโห “กลัว? บรรพกาลผู้นี้คือยอดคนอันดับหนึ่งของเผ่าพันธุ์ เป็นผู้ปกครองมนุษย์ทั้งหลาย! ข้าจะยังต้องมากลัวใดๆ เจ้าที่ไม่เป็นแม้แต่เต๋าบรรพกาลอีก? เย่หยวน หากเจ้ามีปัญญาจริงก็มาต่อสู้กันตรงๆ ดูสักตั้งสิ!”
เขานั้นกลัวจริง!
แค่ได้ยินน้ำเสียงสั่นๆ ของเขานั้นมันก็ชัดเจนแล้วว่าภายในจิตใจของเขามันเป็นอย่างไร
ความรู้สึกที่เขาได้รับจากเย่หยวนนั้นมันประหลาดจนเกินไป!
เขานั้นอวดอ้างตนว่ารู้จักเย่หยวนอย่างดี
แต่เรื่องราวตรงหน้านี้มันได้ทำให้เขารู้สึกตัวขึ้นมาว่าเขานั้นแทบไม่ได้รู้จักอะไรเย่หยวนเลย
คนผู้นี้มันอยู่เหนือความเข้าใจ!
ทุกๆ ครั้งเขามักจะมีอะไรที่เหนือคาดมาเสมอ
ไม่ว่าจะวางแผนอย่างไรเรื่องราวมันก็จะไม่เป็นไปดั่งที่เขาต้องการ
เย่หยวนนั้นมองดูหลินเฉาเถียนด้วยรอยยิ้มจางๆ “ได้!”
รอยยิ้มนั้นมันแฝงไปด้วยความเย้ยหยัน
หลินเฉาเถียนนั้นคลั่งขึ้นมาพร้อมใช้พลังของสองกฎจากมือทั้งสองข้าง
“กาทองควงสวรรค์! ถวายเพลิงอนันต์!”
หลินเฉาเถียนนั้นร้องลั่นขึ้นมาก่อนจะปล่อยนกสีทองพุ่งเข้าใส่กายเย่หยวน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...