“แม่นางเสว่เจิน ข้ามอบมันให้เจ้าจัดการต่อแล้วกัน”
เย่หยวนนั้นยกมือขึ้นมาชี้ที่ร่างของหลี่ปาเถียน
หยางเสว่เจินเม้มปากมองดูหลี่ปาเถียนด้วยความเกลียดชัง
ในเวลาเดียวกันนั้นนางก็รู้สึกซาบซึ้งในตัวเย่หยวนอย่างมาก
หากมิใช่เพราะเย่หยวนแล้วอย่าว่าแต่จะแก้แค้นใดๆ นางอาจจะต้องไปทนใช้ชีวิตอย่างช้ำหัวใจในตระกูลศัตรูเสียด้วยซ้ำ
วันเวลาเช่นนั้นแค่นึกจินตนาการถึงนางก็สั่นสะท้านไปทั้งกายแล้ว
“ขอบคุณมา เย่หยวน!” หยางเสว่เจินกล่าวขึ้นมาด้วยความจุกในทรวงอก
เย่หยวนนั้นยิ้มตอบกลับไป “เจ้าขอบคุณตนเองเถอะ! ทำดีมันย่อมสมควรได้ดี ทำชั่วมันก็ย่อมสมควรจะเจอแต่ความฉิบหาย”
ถังหยูนั้นก้มหัวลงต่อหน้าเย่หยวนก่อนจะกล่าวขึ้น “ท่านพี่ เรื่องราวเมื่อวานนั้นมันเป็นน้องเองที่ไม่รู้เรื่องราว หวังว่าท่านพี่จะไม่ถือสามันไว้แก่ใจนัก จากวันนี้ไปน้องจะขอกลับตัวกลับใจเป็นคนใหม่!”
เวลานี้ตระกูลหยางย่อมจะกลายเป็นจุดสนใจของทุกผู้คน
ด้านนอกประตูคฤหาสน์บ้านตระกูลหยางนั้นทุกผู้คนต่างมองดูภาพนี้ด้วยปากที่อ้าค้างอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
“นายน้อยหยู! เขากลับ… กลับคิดขอโทษคนที่ตัดแขนตนเองเช่นนั้นหรือ?”
“ผู้บรรลุสวรรค์ผู้นี้มันช่างแปลกประหลาดเสียจริง มันมีที่มาที่ไปจากที่ใดกันแน่?”
“ข้าได้ยินมาว่าเขานั้นสังหารคนตระกูลกุ้ยด้วยตัวคนเดียว มันน่ากลัวเสียจริง!”
“หึ เจ้าก็เชื่อข่าวนั้นกับเขาด้วย? แค่ชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศน้อยขั้นต้นคนหนึ่ง มีหรือที่จะสังหารกุ้ยไห่เฉิงลงได้?”
…
ถังหยูนั้นกล่าวขอโทษออกมาต่อหน้าคนมากมายทั้งมันยังเป็นคำขอโทษที่กล่าวขึ้นเพื่อรับโทษเพิ่มอย่างแท้จริงด้วย
ความจริงใจของเขานั้นมันชัดเจนแก่สายตาคน
แต่ว่าเย่หยวนนั้นกลับไม่ตอบกลับใดๆ ไปและเพียงแค่ยิ้มมองถังหยูจนทำให้จิตใจของถังหยูแทบหยุดเต้น
เขานั้นรู้สึกได้ถึงเหงื่อเย็นเยือกที่ไหลลงมาพร้อมอากาศที่หนักอึ้งจนแทบไม่อาจหายใจ
ถังหยูนั้นไม่รู้ได้เลยว่าทำไมเขาจึงรู้สึกกดดันเช่นนี้ต่อหน้าเย่หยวน!
“ห-หากท่านพี่คิดว่าน้องยังต้องได้รับโทษใดเพิ่มแล้ว ท่านก็โปรดลงโทษน้องมาให้หนักเถอะ!” ถังหยูนั้นไม่อาจจะทนความกดดันนั้นไว้ได้จนต้องกล่าวขึ้นมาเพิ่ม
เย่หยวนนั้นยิ้มตอบขึ้นมาอย่างเย็นเยือก “ข้านั้นตัดแขนเจ้าไป เจ้าจะไม่แค้นข้าหน่อยหรือ?”
ถังหยูส่ายหัวออกมาทันทีที่ได้ยิน “น้องผู้นี้ทำการไปไม่ทันคิดถึงความรู้สึกผู้คน โดนแค่นี้มันสมควรแล้ว!”
เย่หยวนยิ้มขึ้นมา “ถังหยู เจ้านั้นก็เป็นคนฉลาด บางเรื่องข้าไม่ต้องพูดเจ้าก็เข้าใจได้ใช่หรือไม่?”
ถังหยูพยักหน้ารับ “ท่านพี่โปรดวางใจเถอะ! ในวันหน้าตระกูลหยางและตระกูลถังนั้นจะเป็นหนึ่งเดียวกันแน่ ไม่ว่าจะทุกข์หรือสุขใดเราก็จะร่วมฝ่าฟันกันไป! พี่สะใภ้เองก็เป็นพี่ของถังหยูผู้นี้ด้วย! ต่อให้ต้องบุกเขาลงมหาสมุนทรอย่างไรข้า ถังหยูก็จะต้องช่วยเหลือแบ่งเบาภาระของนาง!”
เมื่อคำว่า ‘พี่สะใภ้’ มันถูกกล่าวขึ้นมาทางด้านหยางเสว่เจินก็รู้สึกร้อนขึ้นมาทั้งหน้า
แต่ในหัวใจของนางนั้นมันกลับรู้สึกถึงความหวานชื่นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
เย่หยวนนั้นรู้ดีว่าถังหยูกำลังเข้าใจอะไรผิดแต่เขาก็ไม่คิดจะอธิบายมันออกมา
หยางเสว่เจินนั้นเป็นหญิงสาว ไม่ว่าจะอย่างไรการที่นางคนเดียวดูแลทั้งตระกูลหยางนี้มันก็ถือเป็นเรื่องที่ลำบากไม่น้อย
แต่ด้วยความช่วยเหลือจากตระกูลถังแล้ว มันย่อมจะง่ายดายขึ้นมาก
เพราะเบื้องหลังของตระกูลถังนั้นมันมีราชวงศ์หนุนอยู่
หากคนอื่นๆ คิดจะทำอะไรต่อตระกูลหยางแล้ว พวกเขาคงต้องคิดให้ถี่ถ้วนอีกหลายครา
เย่หยวนตอบกลับไป “เรื่องที่แล้วก็ให้มันแล้วไป ข้าหวังแค่ว่าเจ้าจะจดจำมันไว้ให้มั่น ไม่เช่นนั้น… เจ้าจะได้รู้ถึงผลที่ตามมาแน่”
ถังหยูนั้นใช้แขนที่เหลืออยู่ข้างเดียวนั้นขึ้นมาทุบอก “ท่านพี่โปรดวางใจเถอะ ถังหยูเป็นคนรักษาคำพูด!”
เย่หยวนมองดูแขนที่ขาดหายไปของถังหยูนั้นก่อนจะถามขึ้นมา “ตระกูลถังเจ้าไม่มีนักหลอมโอสถหรือ?”
ถังหยูผงะไปก่อนจะถามขึ้นมา “นักหลอมโอสถ? ท่านพี่พูดนี้หมายถึง… นักหลอมโอสถสวรรค์ใช่หรือไม่? แน่นอนว่าต้องมี! ตระกูลถังข้านั้นเป็นตระกูลที่ทำการค้าเกี่ยวกับโอสถสวรรค์ แน่นอนว่าเราย่อมจะมีนักหลอมโอสถสวรรค์เช่นกัน! ทำไมหรือท่านพี่? หรือว่าท่านเอง… ก็จะเป็นนักหลอมโอสถสวรรค์?”
ยอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์และชั้นบรรยากาศสามัญนั้นมันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
บนสามสิบสามสวรรค์นี้เหล่านักหลอมโอสถนั้นจะถูกเรียกว่าเป็นนักหลอมโอสถโอสถสวรรค์มีตำแหน่งฐานะสูงส่ง!
เย่หยวนที่เพิ่งมาถึงนั้นนี่ย่อมจะเป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินนามของนักหลอมโอสถสวรรค์และคิดว่ามันช่างฟังดูสูงส่งเสียจริง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...