สำหรับนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับหนึ่งแล้วไม่ว่าจะเก่งกาจสักเท่าใดมันก็ไม่อาจจะหลอมได้ถึงระดับสามขั้นสูง เช่นกัน
คนที่หลอมได้ถึงระดับสี่นั้นยิ่งมีแต่เหล่ายอดอัจฉริยะแห่งสวรรค์สิ้น
แต่วินาทีที่หลินหลานลงมือนั้นมันกลับออกมาเป็นระดับห้าขั้นสูง แค่นี้มันก็มากพอจะแสดงถึงฝีมือของเขาแล้ว!
มันมิใช่แค่ว่าระดับห้านั้นเหนือกว่าระดับสามไปสองระดับเท่านั้น เพราะคุณภาพของมันนั้นแท้จริงเหลือล้ำกว่าไปหลายเท่า
เพราะยิ่งคุณภาพสูงเท่าใด มันก็จะยิ่งยากต่อการหลอม
ระดับสามกับระดับสี่นั้นต่างกันหลายเท่าตัว
ระดับสี่กับระดับห้านั้นเองก็ต่างกันไปอีกหลายเท่าตัว!
ความแตกต่างนั้นมันห่างชั้นอย่างไม่อาจเทียบ
หากเอาโอสถสวรรค์ระดับห้าไปเทียบกับโอสถสวรรค์ระดับสามแล้ว ฤทธิ์ของมันคงแตกต่างกันไปนับสิบเท่าตัว
และไม่ว่าจะเก่งกาจอย่างไรนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสองนั้นก็ไม่อาจจะหลอมให้ถึงระดับหกได้
แน่นอนว่านี่พูดถึงแค่โอสถสวรรค์ปรับฐานเท่านั้น
เพราะหากมันเป็นโอสถอื่นแล้ว ความยากของมันจะยิ่งเหนือล้ำจนไม่อาจขึ้นถึงระดับนั้นได้แน่นอน
“อาจารย์เย่ โอสถสวรรค์ปรับฐานนี้มันพอจะต้องตาของท่านบ้างหรือไม่?” หลินหลานนั้นกล่าวขึ้น
โอสถสวรรค์ปรับฐานระดับห้าขั้นสูงนั้นมันนับว่าเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของเขาเช่นกัน
เขานั้นมั่นใจอย่างมากว่าจะชนะได้
หากแม้แต่ระดับห้าขั้นสูงก็ยังไม่อาจจะเอาชนะคนผู้มีความเข้ากันได้แค่หนึ่งแล้ว เขาก็คงมีแต่ต้องเอาหัวไปโขกเต้าหู้ตาย
เพราะฉะนั้นท่าทางของเขาตอนนี้มันจึงดูเหมือนผู้มีชัยไปแล้ว
แต่ว่าเย่หยวนนั้นกลับกล่าวขึ้นมา “ก็พอใช้ได้ แต่เจ้านั้นเก่งกาจกว่ากู่เม่ามันมากจริงๆ”
เย่หยวนนั้นมีสายตาที่ดีล้ำจนไม่อาจจะเอาเหล่านักหลอมโอสถสวรรค์ทั้งหลายในที่นี้มาเทียบกันได้
หลินหลานนั้นหลอมโอสถอย่างเรียบง่ายและสง่างามเสร็จสิ้นในคราเดียว
แค่ทักษะการควบคุมไฟมันก็เหนือล้ำกว่ากู่เม่าไปหลายเท่าตัวแล้ว!
เพราะฉะนั้นคนสองจึงอยู่กันคนละชั้นอย่างสิ้นเชิง
แน่นอนว่าเย่หยวนนั้นย่อมจะมีทักษะการควบคุมไฟเหนือล้ำกู่เม่าไปนับร้อยเท่า
หลินหลานนั้นไม่อาจจะเทียบเคียงกับเย่หยวนได้เช่นกัน
แต่เวลานี้เหล่าผู้คนต่างร้องลั่นขึ้นมาตามๆ กัน
“เจ้าหมอนี่มันช่างโอหังเกินรับเสียจริง! เวลานี้แล้วยังจะมีหน้ามาวางท่าอีก!”
“ราชครูท่านเองก็ใจเย็นเหลือเกิน หากเป็นข้านั้นข้าคงสังหารมันลงสิ้นแล้ว!”
“ระดับห้าขั้นสูงนั้นยังแค่พอใช้! หึๆ มันพูดนี้ไม่กลัวว่าลิ้นจะหลุดออกจากปากบ้างหรือ?”
…
หลินหลานนั้นกัดฟันแน่นด้วยใบหน้าดำมืด เขานั้นแทบจะกระอักเลือดออกมาเมื่อได้ยิน
เจ้าหมอนี่มันกลับเอาเขาไปเทียนกู่เม่าเจ้าขยะนั่น!
หนึ่งนั้นคือนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับหนึ่ง อีกหนึ่งนั้นคือนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสอง มันจำเป็นต้องเทียบกันด้วยหรือว่าใครเก่งกว่า?
“เช่นนั้นหรือ? เช่นนั้นอาจารย์เย่เชิญลงมือเถอะ!” หลินหลานกัดฟันยิ้มขึ้นกล่าว
เย่หยวนพยักหน้ารับ “ได้สิ เจ้าดูจำไว้ให้ดี บางทีเรื่องครั้งนี้มันอาจจะช่วยเจ้าบรรลุคอขวดที่ติดอยู่ได้ ส่วนเรื่องของวันนี้ก็ถือว่าเจ้าจ่ายค่าเรียนไปแล้วกัน! แค่เพราะว่าเจ้านั้นทำอะไรสักอย่างไม่ได้ มันไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะทำไม่ได้เช่นกัน ไม่มีความเข้ากันได้แล้วทำไมหรือ? สำหรับเย่หยวนผู้นี้แล้วความเข้ากันได้ใดๆ นั้นมันไม่มีค่าใด!”
เย่หยวนพูดจบก็ก้าวไปหยุดลงหน้าเตา
คนทั้งหลายต้องอ้าปากค้างตามๆ กันไป
อวดดี!
ช่างอวดดีได้เก่งกาจเหลือเกิน!
เจ้าหมอนี่มันบ้า ถึงขั้นบอกให้ราชครูดูแล้วจดจำ!
เด็กน้อยคนหนึ่งที่รู้แค่วิธีหลอมโอสถสวรรค์ปรับฐานมันกลับกล้ามาบอกว่าจะสอนวิชานักหลอมโอสถสวรรค์ ระดับสอง!
ทั้งยังบอกว่าความเข้ากันได้นั้นมันไร้ค่าใด!
เจ้าบ้านี่มันไปเอาความกล้าเช่นนั้นมาจากที่ใด?
หลินหลานนั้นเองก็ต้องผงะไปเพราะเขานั้นไม่เคยจะเห็นเด็กหนุ่มที่ไหนวางท่าเช่นนี้ต่อหน้าเขามาก่อน
มันบ้า!
แต่ขณะที่คนทั้งหลายยังไม่ทันจะตั้งสติได้เย่หยวนก็เริ่มลงมือ
ฟุบ!
หญ้ากระดูกมังกรลอยขึ้นมาสู่มือของเย่หยวนก่อนที่เขาจะเริ่มใช้งานเต๋าไฟหลอมกลั่น
เวลานี้ไฟสีฟ้านั้นมันค่อยๆ ขยับเคลื่อนไหวไปมาเลียหญ้ากระดูกมังกร บางครั้งมันก็ดูเหมือนมังกรฟ้าที่ดุดันบนสวรรค์แต่บางทีมันก็ดูเหมือนดั่งปลาน้อยที่นอนนิ่งอยู่ก้นน้ำ
หากให้พูดแล้วไฟนั้นมันก็ดูเหมือนจะมีชีวิตจริงๆ
คนส่วนมากนั้นไม่เคยได้เห็นเย่หยวนหลอมกลั่นหญ้ากระดูกมังกรมาก่อน
เมื่อได้เห็นในครั้งนี้พวกเขาต่างต้องอ้าปากค้างไปตามๆ กัน!
การควบคุมไฟของเขานี้มันสุดยอดจนเกินบรรยาย!
เย่หยวนในตอนนี้เก่งกาจกว่าตอนที่ไปเดิมพันกับกู่เม่าไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า!
รอยยิ้มบนใบหน้าของหลินหลานนั้นมันจึงค่อยๆ จางหายไปสิ้น
เวลานี้ความมั่นใจของเขามันได้จางหายไปจนหมด
สิ่งที่เข้ามาแทนที่คือความตกตะลึง!
ความตกตะลึงที่เหนือล้ำกว่าจะบรรยาย!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...