“เอาล่ะ พิษหทัยวิตกสั่นในกายเจ้ามันถูกขับออกสิ้นแล้ว” เย่หยวนถอนใจยาวกล่าวขึ้น
พิษหทัยวิตกสั่นนี้มันเหนือล้ำอย่างมากแม้แต่ตัวเย่หยวนคนนี้เองก็ยังต้องทุ่มแรงกายแรงใจอย่างมากกว่าจะรักษามันได้
เหวินจิงซวนมองดูเย่หยวนด้วยท่าทางซาบซึ้ง
หากมิใช่เพราะเย่หยวนแล้วนางไม่รู้เลยว่าชะตาวันหน้าของนางมันจะเป็นอย่างไร
นางรีบก้มลงต่ำต่อหน้าเย่หยวน “จิงซวนขอบพระคุณผู้อาวุโสเย่!”
“หืม? เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ?”
“อ-อาจารย์!” เหวินจิงซวนรีบกล่าวขึ้นมา
เย่หยวนยืนมองนางพร้อมมือไพล่หลัง “ข้าเย่หยวนนั้นตั้งแต่เกิดจนก้าวมาจนถึงระดับนี้ข้าไม่เคยจะออกตัวไปชักชวนใครเป็นศิษย์! แต่ว่าจะอย่างไรข้าก็ไม่ชอบการบังคับ! โอกาสของเจ้านั้นมีครั้งเดียวนี้ คิดให้ดีเถอะ!”
เขานั้นรู้ดีว่าจะอย่างไรเหวินจิงซวนก็ยังไม่อาจจะยอมรับได้ในใจ
แต่ว่าเย่หยวนนั้นเป็นใคร? มีหรือที่เขาจะหน้าด้านไปแย่งชิงใครมาเป็นศิษย์อย่างไม่สนความต้องการของเจ้าตัว?
หากเหวินจิงซวนยอมรับมันก็แล้วไป แต่หากนางไม่คิดยอมรับมันก็เป็นทางเลือกของนางเช่นกัน
แต่เขานั้นจะให้โอกาสนี้แค่ครั้งเดียว
หากพลาดไปแล้วมันก็จะไม่มีโอกาสให้นางอีก!
แน่นอนว่าคำพูดนั้นมันทำให้สีหน้าของเหวินจิงซวนเปลี่ยนสีไปก่อนจะรีบกล่าวขึ้น “ศ-ศิษย์รู้ดีว่าตัวเองทำผิดไปแล้ว!”
เย่หยวนตอบกลับไป “มันมิใช่ความผิดของเจ้า แต่ข้าเย่หยวนนั้นมีเงื่อนไขที่เข้มงวดในการรับศิษย์อย่างมาก หากมิใช่เพราะเห็นถึงพรสวรรค์อันล้นเหลือของเจ้าแล้วข้าคงไม่คิดจะสนใจเรื่องของเจ้าแม้แต่น้อย!”
เหวินจิงซวนนั้นผงะไปด้วยใบหน้าเศร้าๆ “ขอบพระคุณท่านอาจารย์ที่ช่วยเหลือ!”
เย่หยวนมองดูนางอย่างไม่คิดจะกล่าวอะไรต่อ
เพราะบางเรื่องราวนั้นมันก็ต้องให้เจ้าตัวฝ่าฟันไปเอง
และในเวลาเดียวกันนั้นเองมันก็มีเสียงวุ่นวายดังขึ้นมาจากด้านนอก
“ผู้อาวุโสเย่ ท่านออกมาหน่อยเถอะ! ข้าหวู่เฉิงเฉานั้นไม่อยากยอมรับและมาถามหาความชอบธรรม! เฒ่าคนนี้เองจะอย่างไรก็เป็นถึงนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสาม แต่ท่านนั้นกลับใช้ให้ข้านี้ไปหลอมโอสถสวรรค์ปรับฐานทุกวี่วัน! ทำเช่นนี้มันหมายความว่าอย่างไรกัน?”
“ต่อให้ข้าจะหลอมโอสถสวรรค์ปรับฐานจนถึงระดับสุดแล้วมันจะยังมีประโยชน์ใดกับพวกเรากัน?”
“เราไม่ขอยอมรับ! นักหลอมโอสถสวรรค์ระดับหนึ่งมันจะมีสิทธิ์ใดมาเป็นผู้อาวุโสกัน?”
…
เมื่อเย่หยวนเดินออกมาดูเรื่องราวเขาก็เห็นหวู่เฉิงเฉานำกลุ่มคนมาชุมนุมอยู่หน้าที่พักเขา
เหล่านักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสองที่ด้านหลังนั้นเองก็บ่นร้องขึ้นมาด้วยท่าทางไม่พอใจ
พวกเขาทั้งหลายนี้คือกระดูกสันหลังในด้านการโอสถของนิกายสวรรค์ยุทธมั่น
แม้ว่ามันจะอ่อนแอมากก็ตาม
ตั้งแต่ที่ฉินชุนจากไปนั้นเย่หยวนก็ย่อมจะขึ้นมาปกครองหอโอสถ
และคำสั่งแรกที่เขาสั่งออกไปนั้นมันก็คือการสั่งให้คนทั้งหลายเรียนรู้โอสถสวรรค์ปรับฐานใหม่ตั้งแต่ต้น
แน่นอนว่าคนสอนย่อมจะเป็นหลินหลาน
เพียงแค่ว่าคำสั่งนี้เพิ่งสั่งออกไปได้สองวันพวกหวู่เฉิงเฉาทั้งหลายก็มาชุมนุมประท้วงกันเสียแล้ว
แม้ว่าเย่หยวนนั้นจะมากฝีมือแค่ไหนแต่การจะให้พวกเขาเหล่านักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสองและสามมาหลอมโอสถสวรรค์ที่เป็นพื้นฐานของพื้นฐานอย่างโอสถสวรรค์ปรับฐานนั้นมันก็ย่อมจะเป็นได้แค่เรื่องไร้สาระในสายตาของพวกเขา
มีหรือที่พวกเขาจะยอมทำตาม?
ในหมู่คนทั้งหลายนั้นแน่นอนว่าหวู่เฉิงเฉาย่อมจะเป็นคนที่เดือดร้อนที่สุด
เย่หยวนนั้นหันไปมองหน้าคนทั้งหลายก่อนจะกล่าวขึ้นมาถาม “หลินหลานอยู่ที่ใด?”
เสียงทั้งหลายเงียบลงทันที!
“อาจารย์!” ในเวลานั้นเองมันก็ปรากฏเสียงหนึ่งขึ้นมาจากด้านหลังของกลุ่มผู้ชุมนุม
เย่หยวนหรี่ตาลงมองผ่านไปแน่นอนว่าเจ้าของเสียงย่อมจะเป็นหลินหลาน
เพียงแค่ว่าเขานั้นมีบาดแผลเต็มร่างกายดูท่าคงถูกทำร้ายมาไม่น้อย
เย่หยวนหรี่ตาลงอย่างเย็นเยือกทันทีก่อนจะถามขึ้น “ใครทำ?”
คนทั้งหลายต่างหันมามองหน้ากันอย่างไม่กล้าตอบกลับไป
เมื่อเย่หยวนได้เห็นเช่นนั้นแล้วเขาจึงหัวเราะขึ้น “ดูท่าพวกเจ้าจะเห็นว่าข้ามีพลังบ่มเพาะต่ำและไม่เหมาะสมกับตำแหน่งผู้อาวุโสสินะ!”
หวู่เฉิงเฉาที่ได้ยินจึงรีบกล่าวขึ้นมาขัดทันที “มันมิใช่ว่าเราไม่ยอมรับ! เพียงแค่ว่าเจ้าหมอนี่มันมาสอนวิธีหลอกๆ ให้เราฝึกฝนโอสถสวรรค์ปรับฐานทุกวี่วัน มันจะได้อะไรขึ้นมาเล่า? หรือว่าการหลอมโอสถสวรรค์ปรับฐานไปทุกวันนี้มันจะทำให้เราก้าวขึ้นถึงระดับสี่ได้เล่า?”
เย่หยวนหรี่ตาลงมองหวู่เฉิงเฉาก่อนจะหัวเราะเย้ย “เพราะเช่นนั้นเจ้าเลยลงมือทำร้ายศิษย์ของผู้อาวุโสผู้นี้?”
เย่หยวนนั้นมองดูหวู่เฉิงเฉาและจ้องเข้าไปในดวงตาของเขา
ไม่นานนักหวู่เฉิงเฉาก็ต้องหลบสายตาเย่หยวนไป
เขานั้นกลับไม่อาจทนรับบรรยากาศที่เย่หยวนปล่อยออกมาได้!
หวู่เฉิงเฉาได้แต่ต้องสั่นสะท้านทั้งใจ ตัวเขานั้นกลับพ่ายแก่แรงกดดันของนักยุทธชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศน้อยคนหนึ่ง!
“ข-ข้าไม่ได้ลงมือคนเดียว!” หวู่เฉิงเฉากล่าวขึ้นมาด้วยใบหน้าเหยเก
“จิงซวน!” เย่หยวนเรียกขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...