“โอสถปรีดีหกรอบนั้นมันเป็นโอสถสวรรค์ที่หลอมได้ยากกว่าโอสถอุกกาบาตมรกตอรุณเป็นทุนเดิม! พวกเราทั้งสามคนนั้นมีความเห็นเอกฉันท์ว่าในรอบนี้เก่อหลิงเป็นผู้ชนะ!”
ชุยถงนั้นกล่าวประกาศขึ้นมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่มันกลับทำให้จิตใจของคนทั้งหลายต้องหวั่นไหว
ไม่ว่าจะเป็นตัวซุนหยุนจิง เจียงหลี่หรือไม่แต่พ่อลูกซูเองก็ต่างต้องผงะไปตามๆ กัน
เขานั้นกลับเอาชนะได้จริง!
“นี่มันเป็นไปไม่ได้!” เจียงหลี่นั้นกล่าวขึ้นมาหลังจากได้ยิน
ซูยี่นั้นหลังจากได้ยินเองก็ต้องผงะไปไม่น้อยก่อนที่จะตั้งสติกลับมาหัวเราะเย้ยคนทั้งหลายได้อีกครา “ฮ่าๆๆ…เมื่อกี้ใครมันว่าจะโกนหัวเมืองสงบทักษิณข้านะ? หน้าเจ้าคงเจ็บมากแล้ว? ซุนหยุนจิง เจ้าบอกว่าเมืองสงบทักษิณข้านั้นไม่มีใครมิใช่หรือ? เวลานี้เจ้ายังกล้าจะพูดอีกสักครั้งหรือไม่?”
แท้จริงตัวซูยี่นั้นเตรียมตัวรับความอับอายขายหน้าไว้สิ้นแล้ว
แต่ใครจะไปคิดว่าผลลัพธ์ที่ออกมานั้นมันกลับจะพลิกผันได้ปานนี้
เก่อหลิงชนะ!
หลายวันมานี้เขาต้องรับฟังคำเย้ยหยันของพวกซุนหยุนจิงและเจ้าเมืองทั้งหลายอย่างต่อเนื่อง
เวลานี้เมื่อได้ระบายความคับแค้นออกมาแล้วเขาจึงรู้สึกสะใจอย่างถึงที่สุด
สายตาของเขานั้นหันกลับมามองเย่หยวนใหม่อีกครั้งและได้พบว่าเย่หยวนยังคงมองดูไปตรงหน้าอย่างไม่คิดสนใจหรือตื่นตะลึงใดๆ ราวกับว่าเรื่องราวในครั้งนี้มันไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับตัวเขาเลย
หากเป็นก่อนหน้าเขาคงจะต่อว่าเย่หยวนว่าวางท่าได้เก่งกาจนัก
แต่ตอนนี้มันดูจะมิใช่แค่การวางท่าเปล่าๆ แล้ว
เจ้าหนุ่มที่ลูกสาวเขาพากลับมานี้มันมีฝีมืออย่างแท้จริง
ซุนหยุนจิงนั้นเองก็ได้แต่ทำหน้าเหยเกเพราะเมื่อไม่กี่วินาทีก่อนเขายังกล่าวว่าเย้ยหยันซูยี่และเย่หยวนไม่ขาดปาก ใครจะไปคิดฝันว่าวินาทีต่อมานั้นเขากลับจะเป็นฝ่ายถูกตบจนหน้าหันเช่นนี้?
“ซูยี่ เจ้าจะดีใจอะไรหนักหนา? เมืองสงบทักษิณของเจ้ามันเพิ่งชนะไปได้แค่ครั้งเดียว!” ซุนหยุนจิงนั้นกล่าวขึ้นมา
แต่ซูยี่นั้นย่อมจะไม่สนใจและหัวเราะตอบกลับไป “ชนะรอบเดียวแล้วทำไม? ถึงจะแค่รอบเดียวแต่พวกข้าก็ชนะจริง! อย่างน้อยๆ เจ้าก็ไม่มีทางเอาชนะพวกข้าอย่างเด็ดขาดไปได้อีกแล้ว!”
ซุนหยุนจิงนั้นได้แต่ต้องกล่าวขึ้นมาด้วยใบหน้าดำมืด “เจ้ามันหน้าไม่อายจริงๆ! ชนะแค่รอบเดียวก็วางท่าเช่นนี้แล้ว!”
ซูยี่นั้นไม่คิดยอมแพ้และยังหัวเราะตอบกลับไป “ข้านั้นภูมิใจมาก! ข้านั้นรู้สึกดีมากๆ ที่ได้ตบหน้าเจ้า!”
ซุนหยุนจิงนั้นแทบจะคลั่งขึ้นมาเพราะชัยชนะของซูยี่ในตอนนี้มันก็มากพอจะทำให้เขาภาคภูมิใจได้จริง
เขานั้นแตกต่างจากคนทั้งหลายเพราะว่าเมืองสงบทักษิณของเขานั้นไม่เคยหวังเอาทรัพยากรมากมายอยู่แล้ว
อย่างน้อยๆ เขาก็โชคดีชนะกู้หน้ามาได้ถือเป็นพอ!
“คือ…สหายหนุ่มเย่ เมื่อสักครู่นี้ซูผู้นี้เองที่มีตาหามีแววไม่! เวลานี้ซูผู้นี้ขออภัยต่อเจ้าอย่างมาก หวังว่าสหายหนุ่มเย่จะไม่ถือสามันเป็นเรื่องใหญ่โต!” ซูยี่นั้นก้มหัวลงต่อเย่หยวนด้วยสีหน้าอับอาย
เขานั้นเรียกเย่หยวนว่าเด็กนั่นเด็กนี่เพราะไม่คิดเชื่อเย่หยวนจริงๆ
เวลานี้เขาจึงรู้สึกอับอายขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
หากให้พูดแล้วตัวเขาที่เป็นถึงเจ้าเมืองผู้มีพลังชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศล้ำขั้นสุดมันย่อมจะไม่ควรมาก้มหัวให้แก่เด็กรุ่นหลังเช่นนี้
แต่ซูยี่นั้นกลับไม่คิดว่ามันผิดปกติใดๆ เขาเองก็ไม่ได้โง่เง่ามากนัก นักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสองที่สั่งสอนนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสามจนพัฒนาคุณภาพไปได้ระดับหนึ่งเช่นนี้มันย่อมจะไม่มีทางเป็นคนไร้หัวนอนปลายเท้าไปได้
หรืออย่างน้อยๆ มันก็เป็นเรื่องที่นักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสี่ทั้งสามคนนั้นไม่อาจจะทำได้!
แม้แต่ยอดฝีมือจากเมืองสวรรค์ใต้ยังทำไม่ได้แล้วเช่นนั้นค่ายสำนักที่อยู่เบื้องหลังของเด็กหนุ่มผู้นี้มันจะต้องเป็นค่ายสำนักระดับใด?
เย่หยวนจึงตอบกลับไป “ข้าจะรับคำขอโทษนี้ไว้ แต่เย่ผู้นี้ขอเตือนท่านเจ้าเมืองซูด้วยความหวังดีว่าวันหน้าจงอย่าได้ทำตัวเย่อหยิ่งเช่นนี้อีก!”
ตั้งแต่ที่เขามาถึงนั้นซูยี่มองเขาด้วยแค่หางตามีหรือที่เย่หยวนจะไม่เข้าใจความคิดในหัวเขา?
หากมิใช่เห็นแก่หน้าซูเป่ยหยุนแล้วเย่หยวนเองก็คงไม่คิดทนเช่นนี้
เจ้าเมืองพลังชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศล้ำ มันย่อมจะยังไม่เก่งกาจพอต่อต้านเย่หยวน
เขานั้นสังหารแม้แต่ยอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิหยกลงมาแล้ว มีหรือที่เขาจะมาคิดกลัวเกรงยอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศล้ำ?
“โอหัง!”
“ไม่รู้จักเจียมตัว!”
“กล้ามาพูดเช่นนี้ต่อท่านเจ้าเมืองหรือ!”
…
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...