“ในเมื่อเจ้าไม่อยากได้แล้วก็ไสหัวไปเสีย!”
เย่หยวนนั้นพาตัวเด็กน้อยเดินจากไปอย่างเย่อหยิ่ง
คนทั้งหลายนั้นได้แต่มองตามหลังคนทั้งสองนั้นด้วยปากที่ยังอ้าค้าง
บนพื้นนั้นตัวเถี่ยซินยังคงนอนร้องโอดโอยอยู่ไม่หาย
แม้ว่ามังกรน้ำทั้งหลายนั้นมันจะสังหารเขาลงไม่ได้แต่มันก็ทำให้เขาบาดเจ็บหนักหน่วง
“คนทั้งสองนี้ร่วมมือกันแล้วมันกลับเป็นดั่งจอมมาร!” ชุยถงกล่าวขึ้น
ซูยี่เองก็ได้แต่ต้องยิ้มแห้งๆ กล่าวขึ้นตาม “ใช่ไหมเล่า? พลังนี้คนที่จะเอาชนะลงได้มันคงมีแต่ท่านเจ้าเมืองสวรรค์ใต้เท่านั้น คนอื่นๆ มันย่อมจะไม่มีทางต่อต้านได้แน่”
“นี่มันคือท่านรองเจ้าเมืองเถี่ยซิน ยอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิหยกขั้นสุดแต่เขานั้นกลับยังพ่ายแพ้ลงเช่นนี้ ให้ตายเถอะ…” ซุนหยุนจิงนั้นได้แต่ต้องส่ายหัวออกมาด้วยรอยยิ้มแห้งๆ
…
“พี่ พี่เก่งจริงๆ เลยอะ! พี่เป็นมนุษย์จริงหรือเปล่า? ทำไมพลังสายเลือดของพี่มันถึงได้บริสุทธิ์ปานนี้?”
“ข้ามีสายเลือดมังกรอยู่ครึ่งหนึ่ง”
“พี่ๆ พี่นึกดูสิ ตอนนี้เราได้กลายเป็นสหายร่วมรบกันแล้วมิใช่หรือ? ข้าขอร้องพี่ล่ะ อย่าส่งข้ากลับบ้านเลยนะ?”
“เจ้าเองก็ได้ยินไปแล้วนี่ว่าหากเจ้าไม่กลับข้าจะตาย?”
“แต่มันไม่มีทางอื่นเลยหรือ? ข้าอุตส่าห์แอบออกมาได้ ข้าไม่อยากจะกลับไปจริงๆ!”
“ขอโทษด้วย แต่มันไม่มีทางอื่นแล้ว”
“พี่ทำพันธะวิญญาณดั่งเดิมกับพี่ข้าไว้มิใช่หรือ? เช่นนั้นหลังจากพี่คืนสังข์ศักดิ์สิทธิ์ทะเลหยกให้เขาไปแล้วพี่ช่วยข้าหนีออกมาอีกครั้งได้หรือไม่?”
…
ระหว่างทางมานั้นเด็กน้อยคนนี้ได้กลายเป็นเหมือนดั่งเครื่องเสียงที่กล่าวพูดเรื่องราวต่างๆ ออกมาไม่มีหยุด
เพียงแค่ว่าตอนนี้ใบหน้าของนางนั้นมันไม่มีความเกลียดชังหรือเย้ยหยันใดๆ สายตาที่นางใช้มองเย่หยวนนั้นมันกลับเปี่ยมไปด้วยความเคารพ
ในความคิดของนางนั้น นางคงนับถือเย่หยวนเป็นพี่ชายไปแล้วจริงๆ
ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของเด็กน้อยคนนี้ตัวเย่หยวนเองก็ต้องถอนใจยาวออกมา
เด็กน้อยผู้นี้ยังเป็นแค่เด็กตัวน้อยอย่างแท้จริงไม่มีความคิดแยกแยะดีชั่ว สิ่งที่นางทำไปทั้งหมดทั้งสิ้นนั้นมันเกิดขึ้นมาจากอารมณ์ชั่ววูบทั้งสิ้น
ที่สำคัญไปกว่านี้เด็กน้อยผู้นี้ยังมีสายเลือดมังกรที่สุดแสนบริสุทธิ์ทั้งยังมีฝีมือต่อสู้เหนือล้ำ นางคงจะยังไม่เคยพบเจอใครที่เก่งกาจกว่าตน เพราะฉะนั้นตัวนางจึงยิ่งมีท่าทางเย่อหยิ่งไม่เห็นหัวใคร แต่ทุกสิ่งอย่างนั้นมันจางหายไปสิ้นตั้งแต่ที่นางพ่ายให้แก่เย่หยวน
หนึ่งนั่นคือการที่เขาสั่งสอนและอีกอย่างคือการที่เขาเปิดเผยพลังสายเลือดออกมา
เพราะฉะนั้นเด็กน้อยคนนี้จึงยอมรับนับถือเขาขึ้นมาทันที
เวลานี้ ณ นอกชายฝั่งกองทัพเผ่าทะเลกำลังตรึงกำลังรออยู่
เย่หยวนนั้นปล่อยเด็กน้อยองค์หญิงมังกรพูดมากไว้และพุ่งตัวออกมาถึงเบื้องหน้าของกองทัพ
เมื่อองค์ชายมังกรฮุ่ยหนิงได้เห็นเด็กน้อยนั้นตัวเขาก็ต้องผงะไปเช่นกัน
แต่ไม่นานสีหน้าของเขามันกลับเปี่ยมล้นไปด้วยความเคืองโกรธ
“จิงเฟย! เจ้ากลับกล้าหนีขึ้นมาบนบกหรือ! เจ้ารู้หรือไม่ว่าเสด็จพ่อนั้นเป็นห่วงเจ้ามากมายแค่ไหน?” ฮุ่ยหนิงกล่าวขึ้นมา
แต่เด็กน้อยนั้นกลับไม่คิดยอมรับความผิดและตอบกลับเขาไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ก็วังมังกรมันน่าเบื่อนี่นา! ในทะเลมันมีแต่อะไรซ้ำๆ เดิมๆ น่าเบื่อ! ข้าอยากจะขึ้นมาเที่ยวเล่นบนบกบ้าง! พี่จะทำอะไรข้าได้?”
“เจ้า!” ฮุ่ยหนิงนั้นต้องกัดฟันแน่น
เย่หยวนที่ได้เห็นภาพนี้ก็แทบจะต้องหลุดหัวเราะออกมา
ดูท่าแล้วในทะเลหนามใต้นี้มันคงไม่มีใครเอาเด็กน้อยคนนี้อยู่
“เอาล่ะ กลับไปจัดการเรื่องของพี่น้องเจ้ากันเอาเองเถอะ! นี่สังข์ศักดิ์สิทธิ์ทะเลหยก ข้าคืนมันให้แก่เจ้าแล้ว! ทีนี้เจ้าก็เอาเด็กตัวเหม็นนี้กลับไปด้วย พวกเราถือว่าหายกัน”
เย่หยวนโยนสังข์ศักดิ์สิทธิ์ทะเลหยกกลับไปให้ฮุ่ยหนิงทันที
ฮุ่ยหนิงนั้นหันมามองเย่หยวนด้วยสายตาตกตะลึง
เพราะเขานั้นรู้จักน้องสาวตนเองดี
ที่สำคัญไปกว่านั้นด้วยพลังของสังข์ศักดิ์สิทธิ์ทะเลหยกในมือแล้วตัวนางย่อมจะเก่งกาจกว่าเหล่ายอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิหยกทั่วๆ ไปด้วยซ้ำ
แต่เจ้าหมอนี่มันกลับแย่งเอาสังข์ศักดิ์สิทธิ์ทะเลหยกมาคืนได้
และดูจากสีหน้าท่าทางของน้องสาวเขาแล้ว นางเองก็ไม่ได้มีทีท่าจะขัดขืนมากมาย
“โอหัง! เจ้ากล้ามาเรียกองค์หญิงท่านว่าเป็นเด็กตัวเหม็นหรือ! เด็กน้อย เจ้าไม่รู้จักคำว่าตายเสียแล้วหรืออย่างไร?” เมื่อแม่ทัพฉลามดำได้ยินเช่นนั้นเขาก็ต้องร้องลั่นขึ้นมาทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...