“กราบคารวะเจ้าหอสาม!”
ในเมืองสงบทักษิณนั้นเมื่อหวงห่าวหยานและซูเป่ยหยุนได้เห็นหน้าเย่หยวนพวกเขาก็รีบก้มหัวลงต่ำกล่าวทักทายทันที
เย่หยวนนั้นส่งต่อการดูแลหอโอสถสวรรค์ใต้ให้แก่ตระกูลซ่งและตระกูลหยุนพร้อมๆ กับพวกชุยถงส่วนตัวเขานั้นเดินทางออกมายังทะเลหนามใต้เพียงลำพัง
เขานั้นเข้าค่ายกลเคลื่อนย้ายและมุ่งหน้าจากเมืองสวรรค์ใต้มายังเมืองสงบทักษิณพร้อมเตรียมตัวออกเดินทางในทะเลต่อทันที
เวลานี้ตัวเย่หยวนมีสถานะยิ่งใหญ่ล้ำฟ้าเมืองสงบทักษิณย่อมจะต้องเตรียมการต้อนรับเขาไว้อย่างยิ่งใหญ่
เพียงแค่ว่าเมื่อพวกเขาได้เห็นเย่หยวนออกมาจากค่ายกลเคลื่อนย้ายเพียงลำพังพวกเขาก็ยังต้องตกตะลึงกันไปไม่น้อย
“อาจารย์เย่ ท่านกลับจะออกเดินทางไปด้วยตัวคนเดียวหรือ?” หวงห่าวหยานนั้นกล่าวขึ้นมาอย่างตื่นตกใจ
เย่หยวนพยักหน้ารับกลับไป “เผ่าทะเลนั้นมองมนุษย์เป็นศัตรู หากข้านำคนไปด้วยนั้นมันจะไม่กลายเป็นการไปหาเรื่องใส่ตัวเอาหรือ?”
หวงห่าวหยานตอบกลับไป “แต่หากท่านไปทั้งๆ อย่างนี้แล้วเกิดราชามังกรน้ำดำคิดร้ายขึ้นมาเล่าท่านจะทำอย่างไร?”
เย่หยวนยิ้มกว้างตอบกลับไป “คิดทำร้ายข้ามันจะง่ายนักหรือ?”
หวงห่าวหยานที่ได้ยินก็ต้องผงะไปก่อนจะกันฟันแน่นกล่าวขึ้น “อาจารย์เย่ แม้ว่าห่าวหยานผู้นี้จะไร้กำลังฝีมือแต่ข้าก็ขอติดตามท่านไป! หากมันเกิดอะไรขึ้นมาจริงๆ แล้วข้าคงอาจจะพอถ่วงเวลาให้ท่านได้หนีบ้าง”
“หากมันเกิดอะไรขึ้นจริงๆ เจ้าจะถ่วงเวลาได้หรือ? เอาเถอะ ข้านั้นมีแผนอยู่ในใจแล้ว พวกเจ้าไม่ต้องไปส่งข้าหรอก”
เย่หยวนยกมือขึ้นมาโบกลาก่อนจะพุ่งตัวห่างออกไปเกือบครึ่งกิโลเมตรในการกระโดดเดียว
หวงห่าวหยานขมวดคิ้วแน่น “เป่ยหยุน เจ้าคิดว่าท่าทางของอาจารย์เย่นี้มันแปลกๆ หรือไม่?”
ซูเป่ยหยุนพยักหน้ารับขึ้น “แปลกจริง!”
“เช่นนั้นเราตามไปดูกันเสียหน่อยเถอะ!” หวงห่าวหยานเสนอขึ้นมา
…
หลังออกจากเมืองสงบทักษิณมาได้แล้วเย่หยวนก็พุ่งตัวไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีท่าทีจะหยุดพัก
พวกหวงห่าวหยานทั้งสองคนนั้นจะอย่างไรก็มีพลังชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศล้ำแต่พวกเขากลับไม่อาจจะตามความเร็วของเย่หยวนได้ทัน
หลังจากวิ่งไล่ตามมาพักใหญ่พวกเขาก็ยิ่งรู้สึกว่าท่าทางของเย่หยวนมันผิดปกติจริง
เพราะเย่หยวนนั้นไม่ได้ไปตามถนนเส้นหลักแต่เขากำลังเดินออกมาในถนนที่รกร้าง
ยิ่งเขาเดินไปเท่าไหร่ มันก็ยิ่งกลายเป็นที่รกร้างไร้ผู้คนมากขึ้นเท่านั้น
แต่จู่ๆ สีหน้าของคนทั้งสองก็ต้องขาวซีดลง
ในป่าเขาเบื้องหน้านั้นมันมีเงาร่างแปดคนพุ่งตัวออกมาปิดทางของเย่หยวนเอาไว้
หวงห่าวหยานนั้นหน้าซีดขาวลงทันทีก่อนจะร้องขึ้น “รองเจ้าเมืองเถี่ยซินและหมินหนานชาน! พวกมัน… พวกมันกลับคิดซุ่มโจมตีหมายสังหารอาจารย์เย่! ไม่มีทาง! ข้าจะต้องไปช่วยเขา!”
แต่ก่อนที่เขาจะทันได้ทำอะไรตัวซูเป่ยหยุนก็ต้องยกมือขึ้นมาห้ามเขาไว้
หวงห่าวหยานนั้นหันมากล่าวอย่างกังวล “เป่ยหยุน เจ้าคิดทำอะไร? นี่มันเป็นยอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิหยกถึงแปดคนเชียวนะ! ไหนจะยังตัวเถี่ยซินและหมินหนานชานที่เป็นถึงยอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิหยกขั้นสุดอีก!”
ซูเป่ยหยุนที่ได้ยินก็ต้องตอบกลับไป “หุบปากก่อน! เจ้าก็รู้ว่าพวกมันนั้นมีพลังชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิหยก! เจ้าเข้าไปแล้วมันจะช่วยอะไรได้?”
หวงห่าวหยานนั้นกัดฟันกล่าวขึ้น “ชีวิตของข้านี้อาจารย์เย่เป็นคนช่วยไว้! จะเอาคืนให้เขาแล้วมันผิดตรงไหนกัน?”
ซูเป่ยหยุนนั้นได้แต่ต้องยกมือขึ้นมานวดขมับเมื่อได้ยิน “เจ้าโง่มากหรือ? ทำไมอาจารย์เย่นั้นถึงได้เดินทางออกมายังที่รกร้างคนเดียวเช่นนี้? ทำไมถึงไม่มุ่งตรงจากเมืองสงบทักษิณเราลงทะเลหนามใต้ไปเลย?”
หวงห่าวหยานที่ได้ยินก็ต้องผงะไปจนสุดท้ายต้องกล่าวถามขึ้น “เจ้าจะบอกว่าอาจารย์เย่นั้นจงใจทำเช่นนี้หรือ? เขา… เขานั้นกลับรู้ว่าเถี่ยซินและหมินหนานชานคิดสังหารตัวแต่ก็ยังเดินออกมาล่อศัตรูเช่นนี้? นี่เขามีแผนการใดๆ เตรียมรับไว้?”
ซูเป่ยหยุนต้องถอนใจยาวกล่าวขึ้นมา “อาจารย์เย่นั้นคือใคร? เขานั้นไล่ทัพเผ่าทะเลแห่งทะเลหนามใต้ไปได้ด้วยตัวคนเดียว มีหรือที่จะมาพลาดด้วยเรื่องแค่นี้? ดูไปก่อนเถอะ หากมันไม่ไหวจริงๆ เราค่อยเข้าไปช่วยถ่วงเวลามันก็ยังไม่สายไป!”
อีกด้านทางเถี่ยซินได้มองดูเย่หยวนด้วยรอยยิ้มเย้ยหยันเต็มใบหน้า “เย่หยวน คงไม่นึกฝันเล่าสิว่าจะได้มาเจอกันที่นี่?!”
แต่เย่หยวนนั้นกลับยิ้มตอบไป “หากข้าบอกว่าข้าเดาไว้ก่อนแล้วเล่า?”
เถี่ยซินที่ได้ยินต้องผงะไปก่อนจะหัวเราะลั่นขึ้นมา “เด็กน้อย ความตายมาเยือนถึงตรงหน้าแล้วแต่เจ้ากลับจะยังมาวางท่าเยือกเย็นหรือ? ไม่มีประโยชน์ วันนี้เจ้าจะต้องตาย!”
หมินหนานชานนั้นยืนมือไพล่หลังมองดูเย่หยวนด้วยสายตาเย็นเยือก “เย่หยวน เจ้าทำให้ตระกูลหมินข้ามีสภาพไม่ต่างจากต้องตาย วันนี้มันได้เวลาชดใช้แล้ว!”
คนทั้งสองนั้นรู้ดีว่าเย่หยวนนั้นมิใช่ศัตรูที่จะจัดการได้ง่ายๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...