“หึ ไอ้เด็กนี้มันคงไม่รู้จักคำว่าตาย กล้าคิดไปท้าทายมู่เฉินเช่นนี้!”
“มู่เฉินนั้นคือยอดคนรุ่นใหม่ที่เก่งกาจติดยี่สิบอันดับต้นๆ ของเจ็ดราชวงศ์ได้ง่ายๆ”
“ไอ้มนุษย์โอหัง! มันคิดว่าตัวเองแปลงยอดเต๋าได้แล้วเก่งกาจมาก? โซ่สายฟ้าของมู่เฉินนั้นมันถูกสร้างขึ้นมาจากกฎสายฟ้าที่รุนแรงล้ำ มีหรือที่มนุษย์คนหนึ่งจะมาเทียบเคียงได้?”
…
ได้เห็นเย่หยวนโจมตีออกมาเช่นนั้นเหล่ายอดฝีมือรุ่นใหม่ทั้งหลายต่างก็แสดงสีหน้าเย้ยหยันออกมา
แม้ว่าจะเป็นยอดฝีมือแปลงยอดเต๋าเช่นกันแต่ว่าเย่หยวนนั้นก็มีพลังบ่มเพาะที่ต่ำกว่าอีกฝ่ายไปมาก แน่นอนว่ามันย่อมจะเป็นการรนหาที่ตายในสายตาคนทั้งหลาย
แต่ว่าอย่างไรเสียการปะทะกันของคนทั้งสองนี้มันก็รุนแรงจริง พลาดไปนิดโถงใหญ่นี้มันคงพังทลายลงมาสิ้น
ราชามังกรน้ำดำนั้นยื่นมือออกมาดึงเอาสังข์ศักดิ์สิทธิ์ทะเลหยกไปถือไว้ในมือ
จากนั้นเขาก็เปิดใช้งานพลังของมันก่อนจะปล่อยสังข์ศักดิ์สิทธิ์ทะเลหยกให้ลอยขึ้นไปปล่อยม่านแสงลงมาครอบหัวของเย่หยวนไว้
สนามชั่วคราวมันได้ถูกสร้างขึ้นมา
แต่ว่าก่อนที่ม่านแสงนั้นจะตกลงมาถึงพื้นดาบทั้งแปดมันก็ถูกปลดปล่อยออกมาจากต้น
ดาบแสงทั้งหลายนั้นฟันทำลายโซ่สายฟ้านั้นจนขาดสิ้นลงทันที!
“อุก!”
มู่เฉินนั้นถูกซัดจนร่างลอยลิ่วออกไป!
คนทั้งหลายนั้นต่างต้องอ้าปากค้างขึ้นมาตามๆ กัน
พวกเขานั้นไม่นึกฝันว่าเย่หยวนนั้นกลับจะซ่อนพลังฝีมือไว้มากมายปานนี้!
การโจมตีของดาบทั้งแปดนั้นมันย่อมจะมีพลังที่เหนือล้ำกว่าแค่สองดาบไปอย่างสิ้นเชิง
ปะทะไปแค่ไม่กี่กระบวนท่ามู่เฉินก็สิ้นท่าลงทันที
สนามชั่วคราวที่ราชามังกรน้ำดำนั้นสร้างขึ้นมันกลับไร้ประโยชน์ไปทันที
นักยุทธชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศใหญ่นั้นกลับเอาชนะยอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศล้ำขั้นกลางลงได้ นี่มันย่อมจะเหนือล้ำกว่าความเข้าใจของพวกเขาทั้งหลายไปสิ้นเชิง
เหล่าคนที่ยังกล่าวเย้ยหยันเย่หยวนอยู่นั้นต้องหุบปากลงทันทีเมื่อได้ยิน
“แปลงยอดเต๋านั้นมันไม่ได้เหนือล้ำฟ้าดิน เพียงแค่ว่าแปลงยอดเต๋าของเจ้านั้นมันอ่อนแอก็เท่านั้น!” เย่หยวนกล่าวขึ้นมา
มู่เฉินนั้นแปลงยอดเต๋าขึ้นมาด้วยกฎเดียว ที่สำคัญไปกว่านั้นมันยังหยุดอยู่แค่ระดับสองทำให้ไม่ได้เก่งกาจมากมาย
เพราะเวลานี้พลังบ่มเพาะของเขานั้นอยู่ในระดับสามแต่พลังแห่งกฎของเขานั้นมันกลับยังติดอยู่ที่ระดับของชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศใหญ่
หากจะบอกว่ามันเก่งมันก็เก่ง แต่เทียบกับเย่หยวนแล้วมันย่อมจะอ่อนแอเหลือเกิน
“ฮี่ๆๆ ข้าบอกแล้วว่าพี่เย่หยวนนั้นเก่งกาจจริง! พี่หยูชิง ท่านจะลงสนามด้วยหรือไม่?”
ได้เห็นมู่เฉินพ่ายลงไปเช่นนั้นแล้วจิงเฟยก็กลัวว่าเรื่องมันจะเล็กเกินไปจึงได้กล่าวขึ้นมาเรียกชายหนุ่มอีกคนที่นั่งอยู่ซ้ายมือราชามังกรน้ำดำ
ชายหนุ่มผู้นี้แค่นั่งกินดื่มอย่างสบายใจไม่คิดสนใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นเบื้องหน้า
ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ เขานั้นนั่งดูราวกับว่ามันมิใช่เรื่องของตนเอง
เมื่อได้ยินคำถามของจิงเฟยเขาจึงยิ้มตอบไป “แค่มดปลวกทะเลาะกัน ข้ายังไม่ต้องลงไปยุ่งด้วยหรอก น้องจิงเฟย เจ้าอย่าได้สร้างปัญหาให้มันมากนัก”
คำพูดของเขานี้มันย่อมจะไม่ให้เกียรติใดๆ เย่หยวนเลย
แต่จิงเฟยนั้นกลับหันไปกล่าวกับเย่หยวนต่อ “พี่เย่หยวน พี่หยูชิงนี้เป็นคนที่เก่งกาจที่สุดในที่นี้แล้ว! หากพี่อยากคิดให้ทุกคนยอมรับนับถือพี่ต้องจัดการเขาลงด้วย! ทำไมพวกพี่ไม่สู้กันเสียหน่อยเล่า?”
เย่หยวนที่ได้ยินจึงตวาดกลับไป “นังเด็กคนนี้ พอได้แล้ว เจ้าอยากจะโดนตีอีกทีหรืออย่างไร?”
จิงเฟยที่ได้ยินนั้นแลบลิ้นปลิ้นตาตอบกลับไป “วันนี้เสด็จพ่ออยู่ด้วย ข้าไม่กลัวพี่หรอก!”
เย่หยวนขมวดคิ้วแน่นขึ้นมา “หากยังเล่นไม่เลิก ข้าจะกลับขึ้นแผ่นดินแล้ว!”
จิงเฟยที่ได้ยินนั้นจึงต้องรีบกล่าวตอบมาทันที “พี่อย่าเพิ่งไป! ข้าจะไม่สร้างเรื่องแล้วนะ? แค่วังมังกรมันน่าเบื่อเกินทน!”
เด็กน้อยคนนี้มีแต่ความคิดจะเล่นอยู่ในหัว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...