“ไอ้เด็กนรก ข้าพูดกับเจ้าอยู่ หูเจ้าหนวกหรืออย่างไร?” หยูชิงกล่าวขึ้นมาถาม
เย่หยวนหันไปมองหน้าเขาด้วยใบหน้าเรียบเฉย “ต้องขออภัยด้วยหากคำพูดของข้ามันทำให้เจ้ารู้สึกเจ็บปวด แต่ข้าพูดอะไรผิดหรือไม่? ความเป็นจริงนั้นคือพวกเจ้าเป็นแค่เหล่ากึ่งมังกร!”
เมื่อหยูชิงได้ยินเช่นครึ่งแรกของประโยคเขาก็ยังวางใบหน้าเรียบเฉยได้ แต่เมื่อได้ยินครึ่งหลังแล้วหยูชิงรู้สึกเหมือนถูกตบหน้าเข้าอย่างแรง
เขานั้นร้องลั่นขึ้นมาอย่างไม่พอใจในทันที “เด็กน้อย เจ้ามารนหาที่ตายแล้ว! เรื่องของเผ่ามังกรคนนอกอย่างเจ้ามีสิทธิอะไรมายุ่งเกี่ยวด้วย? ท่านเจ้ามังกรวันนี้อย่าได้หาว่าหลานคนนี้ไร้มารยาทเลย!”
แต่ก่อนที่หยูชิงจะทันได้ลงมือนั้นตัวราชามังกรน้ำดำก็กล่าวขึ้นมาเป็นครั้งแรก
“หลานหยูชิง เขานั้นมิใช่คนนอกใดๆ! ในร่างของเย่หยวนนั้นเองก็มีสายเลือดของมังกรอยู่ด้วย! ที่สำคัญไปกว่านั้นมันยังเป็นพลังสายเลือดที่สุดแสนรุนแรง!” ราชามังกรน้ำดำกล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้มแห้งๆ
“หะ?! มนุษย์อย่างมันจะมีสายเลือดมังกรได้อย่างไร?”
“น่าขัน! มันจะแข็งแกร่งรุนแรงได้แค่ไหน? จะบอกว่ามันแข็งแกร่งรุนแรงกว่าสายเลือดของน้องจิงเฟยหรืออย่างไร?”
“ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าเด็กคนนี้มันคงเคยได้หลอมสายเลือดมังกรมาก่อนแน่! หากจะพูดว่าใครที่เป็นกึ่งมังกร มันก็คงหมายถึงตัวมันมากกว่ามิใช่หรือ?”
…
คำพูดของราชามังกรน้ำดำนั้นมันทำให้เหล่าผู้คนต้องร้องลั่นขึ้นมาตามๆ กัน
เวลานี้เองที่คนทั้งหลายเพิ่งจะได้รู้ว่าราชามังกรน้ำดำไม่ได้ไม่โกรธ แต่เขานั้นไม่กล้าจะโกรธ
แต่มีหรือที่หยูชิงจะเชื่อเรื่องราวเช่นนั้น?
เขานั้นยิ้มกว้างขึ้นมากล่าว “รุนแรงมาก? หึๆ มันจะแรงแค่ไหน? ข้าก็คิดไปว่าเจ้านั้นมีอะไรมามั่นใจที่แท้มันก็กลับใช้แค่เรื่องนี้! แค่มนุษย์ที่ได้หลอมผสานเลือดมังกร ดูอย่างไรมันก็เป็นแค่การลอกเลียนคนอื่นทำให้ตัวเองดูโง่เง่าเท่านั้น!”
เย่หยวนนั้นหันกลับไปมองด้วยรอยยิ้ม “แรงแค่ไหน? อย่างน้อยๆ มันก็ต้องเหนือกว่าเจ้าแล้วกัน! ลอกเลียนคนอื่นจนทำให้ตัวเองดูโง่? หึๆ ลอกเลียนเจ้านี้เหรอ”
เย่หยวนนั้นรู้ดีว่าอย่างน้อยๆ สายเลือดของเขามันก็ต้องอยู่เหนือจิงเฟย
เขานั้นไม่รู้ได้ว่าสายเลือดของตัวเองมันสูงล้ำหรือต่ำตมแค่ไหน แต่อย่างน้อยๆ มันก็ยังรุนแรงและแข็งแกร่งกว่าคนที่ถูกยกย่องว่าแข็งแกร่งที่สุดในหมู่กึ่งมังกรทั้งหลายนี้!
เขานั้นยังมีความมั่นใจในเรื่องนี้อยู่เสมอมา
แต่คำพูดเหล่านั้นมันย่อมจะกลายเป็นเพียงแค่เรื่องตลกในสายตาของหยูชิง
มนุษย์คนหนึ่งที่มาอวดอ้างพลังสายเลือดต่อหน้าเขา สมาชิกที่แท้จริงของเผ่ามังกร
หากมันไม่ใช่เรื่องตลกแล้วมันจะเป็นอะไรได้?
“เหนือกว่าข้า? เด็กน้อย เวลาจะโม้อะไรไม่กลัวบ้างหรือว่าจะกัดลิ้นตัวเองเข้า! ในเมื่อเจ้ากล่าวเช่นนี้แล้วก็ลองมาดูกันหน่อยไหมเล่าว่าสายเลือดของเจ้ามันรุนแรงแค่ไหน?”
หยูชิงนั้นหันกลับไปก้มหัวกล่าวต่อราชามังกรน้ำดำ “ท่านเจ้ามังกร ช่วยนำเอาศิลาชีพมังกรออกมาด้วยเถอะ”
เมื่อจิงเฟยได้ยินเช่นนั้นนางก็รีบยกมือขึ้นมาตบด้วยท่าทางเห็นด้วยทันที “ดีๆ! ข้าเองก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่าพลังชีพมังกรของพี่เย่หยวนนั้นมันรุนแรงแค่ไหน!”
เย่หยวนที่ได้ยินก็ต้องผงะไปอย่างมึนงงก่อนจะหันไปถามจิงเฟย “ศิลาชีพมังกรมันคืออะไรหรือ”
เขานั้นไม่รู้ถึงวัฒนธรรมและชีวิตของเหล่าเผ่าทะเล แน่นอนว่าย่อมจะไม่รู้ว่าที่แห่งนี้มันมีของวิเศษของดีใดอยู่บ้าง
จิงเฟยนั้นรีบตอบกลับไป “ศิลาชีพมังกรนั้นมันคือศิลาที่เอาไว้ใช้วัดพลังสายเลือดของผู้คน เผ่ามังกรของเจ็ดทะเลเรานั้นจะใช้งานมันเพื่อตรวจสอบความแข็งแกร่งของชีพมังกร การมีชีพมังกรสูงหมายความว่าคนผู้นั้นจะมีอนาคตที่ยิ่งใหญ่และมีโอกาสจะขึ้นเป็นมังกรฟ้าได้ แน่นอนว่าชีพมังกรของข้านั้นมันสูงถึงห้าข้อ ระดับเดียวกับเสด็จพ่อไปแล้ว ในหมู่พี่ๆ ของข้าทั้งหลายมันไม่มีใครที่มีพลังสายเลือดเหนือล้ำไปกว่าข้า!”
พูดไปตัวจิงเฟยก็ยิ่งเชิดหน้าทำท่าทางภาคภูมิ
เพราะว่าชีพมังกรของนางมันรุนแรงมากล้นนี้เองที่ทำให้สถานะของตัวนางนั้นมันจึงสูงล้ำหัวใครๆ ในทะเลทั้งเจ็ด
เพราะว่านี่มันคือเครื่องยืนยันว่าตัวนางมีโอกาสจะก้าวขึ้นเป็นมังกรฟ้า!
หากทะเลทั้งเจ็ดสามารถผลิตมังกรฟ้าขึ้นมาได้แล้วมันย่อมจะถือเป็นเกียรติอย่างยิ่ง!
เพราะฉะนั้นแม้เด็กน้อยคนนี้จะเป็นตัวปัญหาแค่ไหนคนทั้งหลายก็ไม่กล้าจะไปขัดใจนางให้มากนัก
ในเผ่าทะเลนั้นเหล่ากึ่งมังกรทั้งหลายต่างมีความเคารพต่อพลังของสายเลือดอย่างมากล้น
เพราะเป้าหมายของพวกเขาทุกคนนั้นคือการก้าวขึ้นเป็นมังกรฟ้าแต่น่าเสียดายว่ามันยังไม่มีใครสามารถทำได้
ได้เห็นหน้าตามึนงงเช่นนั้นของเย่หยวนหยูชิงก็ยิ้มกล่าวขึ้นมา “เด็กน้อย เจ้ากลัวแล้วหรือ? ศิลาชีพมังกรนี้มันจะเปิดโปงตัวเจ้าออกมาให้คนทั้งหลายได้เห็นแน่!”
เย่หยวนหันกลับมามองเขาด้วยรอยยิ้มที่เย็นเยือก “เอาเช่นนี้เป็นอย่างไร? มาพนันกันด้วยพลังชีพมังกร! ใครที่แพ้พ่ายนั้นจะต้องก้มหัวกราบขอโทษแก่อีกฝ่าย?”
เมื่อหยูชิงได้ยินเช่นนั้นเขาก็อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ “ก็เอาสิ! ข้าจะยังมากลัวเจ้าหรือ? จะว่าไปแล้วนายน้อยผู้นี้เองก็ไม่ได้วัดพลังชีพมังกรของตนเองมานานแล้วด้วย!”
ตอนที่เขากล่าวเช่นนี้ขึ้นมาตัวหยูชิงก็ทำหน้าเย่อหยิ่งขึ้น
ดูท่าแล้วเขาคงจะมั่นใจในชีพมังกรของตนเองเป็นอย่างมาก
ในหมู่ยอดคนทั้งหลายในที่นี้นอกจากตัวราชามังกรน้ำดำและจิงเฟยแล้วมันไม่มีใครที่มีชีพมังกรเหนือล้ำไปกว่าเขาแน่!
แน่นอนว่าเมื่อได้ยินเช่นนั้นเหล่าคนทั้งหลายต่างก็ต้องหันมามองเย่หยวนด้วยสายตาเย้ยหยัน
“หึๆ ไอ้เด็กคนนี้มันกลับกล้าจะไปคิดวัดชีพมังกรกับหยูชิง มันไม่มีสมองบ้างหรือ? หยูชิงนั้นมีชีพมังกรที่สูงล้ำถึงสี่ข้อไปตั้งแต่หลายร้อยปีก่อน! เวลานี้มันคงจะพัฒนาขึ้นมาได้สี่ข้อขั้นกลางได้แล้วด้วยซ้ำ!”
“ข้ายอมรับเลยว่าเจ้าเด็กคนนี้มันเป็นยอดอัจฉริยะจริงแต่มันก็แค่นั้น สิ่งนี้มันวัดกันที่สายเลือดแต่มันกลับยังกล้าไปท้าทายหยูชิง!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...