“คารวะอาจารย์ลุงน้อย!”
…
เหล่าผู้อาวุโสของหอสุดแสงนั้นต่างก้มหัวลงคารวะเย่หยวนอย่างไม่เต็มใจ
ในจิตใจของพวกเขานั้นมันได้แต่ด่าเจ้าโลกหยุนซานไม่หยุด
เจ้าเฒ่านั้นกลับไปรับเอาจักรพรรดิเซียนคนหนึ่งมาเป็นศิษย์ เช่นนี้แล้วพวกเขาจะยังเอาหน้าเฒ่าๆ นี้ไปไว้ที่ไหน?
เหล่าคนที่เรียกได้ว่าอยู่ในอาณาจักรเจ้าโลกครึ่งก้าวนั้นกลับต้องมาก้มหัวเรียกจักรพรรดิเซียนว่าอาจารย์ลุง
ภาพนี้มันเป็นอะไรที่เหนือล้ำกว่าที่ใครจะจินตนาการ
ได้เห็นท่าทางของคนทั้งหลายนั้นซ่งชิงหยางก็รู้สึกสบายใจขึ้นไม่น้อย
ส่วนตัวหลี่ชิงหยุนนั้นต้องลอบถอนหายใจยาว
‘โชคดีที่พ่อเจ้านี้เข้าสำนักมาก่อน ไม่เช่นนั้นข้าเองก็คงต้องไปเรียกเจ้าว่าเป็นอาจารย์ลุงเหมือนพวกมันแล้ว’
“พวกเขาทั้งหลายนั้นแท้จริงแล้วมีรุ่นอาวุโสที่ต่ำมากเพียงแค่ว่าพวกเขาบ่มเพาะมาถึงอาณาจักรมหาจักรพรรดิพ้นสวรรค์ขั้นสุดได้จึงพอจะมีสิทธิ์เรียกเจ้าว่าเป็นอาจารย์ลุง ไม่เช่นนั้นแล้วมันคงไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเรียกเจ้าเช่นนี้” หลี่ชิงหยุนกล่าวขึ้นเสริม
ด้านข้างของเขานั้นเหล่าผู้อาวุโสหอสุดแสงทั้งหลายต่างกัดฟันแน่นด้วยหน้าแดงก่ำ
ต่อหน้าหลี่ชิงหยุนนั้นพวกเขาไม่กล้าจะอวดอ้างอำนาจใดๆ
“เรื่องของเจ้านั้นโจวซ่งฉวนมันได้บอกข้ามาหมดแล้ว เจ้ามันไม่ธรรมดาจริงๆ! ครั้งนี้เจ้าได้สร้างคุณให้พันธมิตรอย่างหาที่สุดไม่ได้! ให้พวกมันเรียกเจ้าว่าอาจารย์ลุงนั้นก็คงไม่เกินไปแม้แต่น้อยเลย ในสำนักของเรานั้นมันมีแค่ข้ากับโจวซ่งฉวนเหลือกันแค่สองคน ส่วนศิษย์คนอื่นๆ ตายหมดแล้ว ตอนนี้ในนิกายยาสุดล้ำนั้นนอกจากอาจารย์เฒ่าของเรา ข้าและโจวซ่งฉวนน้อยนั้นแล้ว เจ้าก็มีระดับอาวุโสที่สูงที่สุด เข้าใจหรือไม่?” หลี่ชิงหยุนอธิบายต่อ
“ขอบพระคุณศิษย์พี่ใหญ่ที่ช่วยชี้แจง”
เย่หยวนพยักหน้ารับแต่ก็ตื่นตะลึงไปทั้งใจ
เพราะเขาย่อมเข้าใจคำว่าตายที่หลี่ชิงหยุนนั้นมันหมายถึงอะไร
เพราะตราบใดที่ยังไม่บรรลุระดับเจ้าโลก มันก็จะยังมีเต๋าทุกข์ลงมาเรื่อยๆ!
ที่สำคัญไปกว่านั้นมันยังจะแข็งแกร่งขึ้นไปเสมอๆ!
เมื่อขึ้นมาถึงอาณาจักรมหาจักรพรรดิพ้นสวรรค์ขั้นสุดแล้วมันก็ไม่มีทางจะเพิ่มพลังบ่มเพาะไปได้อีก สิ่งเดียวที่จะทำได้นั้นคือการรอรับเต๋าทุกข์ไปเรื่อยๆ
เพราะฉะนั้นศิษย์ทั้งหลายนั้นจึงตายก่อนที่จะขึ้นระดับเจ้าโลกได้เพราะเต๋าทุกข์!
แต่หลี่ชิงหยุนนั้นเข้าสำนักมานานที่สุดแต่กลับยังอยู่รอดมาถึงวันนี้ได้
แค่นี้ก็ชัดเจนแล้วว่าเขานั้นเก่งกาจแค่ไหน!
เพียงคิดได้เช่นนั้นเย่หยวนก็ยิ่งไม่เข้าใจว่าทำไมหลี่ชิงหยุนนั้นยังไม่สามารถบรรลุระดับเจ้าโลกได้เสียที
หลี่ชิงหยุนนั้นเหมือนจะอ่านใจเย่หยวนได้จึงตอบกลับมาด้วยท่าทางเหนื่อยใจ “โจวซ่งฉวนนั้นคิดว่าตัวเองมีพรสวรรค์ล้ำฟ้าดินแต่เขาก็มีแค่นั้นแหละ พรสวรรค์นั้นคือสิ่งที่ติดตัวมาแต่เกิดไม่ใช่สิ่งที่จะเพิ่มพูนได้! ศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้านี้มีพรสวรรค์ที่ธรรมดาแต่ข้านั้นพัฒนาตนอย่างสม่ำเสมอไม่คิดหยุดตัวเองลงจนถึงทุกวันนี้! ข้านั้นก้าวล้ำเหล่าคนรุ่นเดียวที่ว่ากันว่ามากพรสวรรค์ไปมากมาย และยังก้าวล้ำคนรุ่นใหม่ที่ตามหลังมาได้ด้วย! ที่สำคัญหากไม่มีอะไรผิดพลาด ข้าก็จะก้าวล้ำเจ้าไปเช่นกัน! ฮ่าๆๆ…”
“อย่าคิดว่าศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้านี้ด้อยกว่าโจวซ่งฉวนน้อยมันเลย หากวันใดข้าบรรลุระดับเจ้าโลกขึ้นไปแล้วข้าคงกระทืบมันจนไม่รู้เหนือรู้ใต้ได้แน่นอน! ที่สำคัญเจ้าก็อย่าได้มองว่าตอนนี้ข้ายังไม่บรรลุแล้วจะอ่อนแอ หากต้องสู้จริงๆ นั้นข้าคงสามารถเอาชนะเจ้าโลกที่บรรลุขึ้นมาใหม่ๆ ได้ด้วยเช่นกัน! จะนับข้าว่าเป็นเจ้าโลกมันก็ไม่ถือว่าผิดด้วยซ้ำ!”
เมื่อเย่หยวนได้ยินเขาก็ต้องยิ้มกว้างขึ้นมา “ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านอาจจะก้าวล้ำข้าไม่ได้นะ!”
หลี่ชิงหยุนยิ้มตอบกลับไป “ผู้บ่มเพาะนอกรีตมันก็พูดเช่นนี้กันทุกคน แต่สุดท้ายแล้วมันก็ตายลงสิ้น! ตั้งแต่บรรพกาลมานั้นมันเคยมีผู้บ่มเพาะนอกรีตที่บ่มเพาะถึงอาณาจักรมหาจักรพรรดิพ้นสวรรค์ขั้นสุด แต่ไม่เคยมีผู้บ่มเพาะนอกรีตคนใดที่ขึ้นไปถึงระดับเจ้าโลกได้เลย! เพราะฉะนั้นข้าย่อมจะเอาชนะเจ้าได้แน่!”
เย่หยวนนั้นยิ้มตอบกลับไปอย่างไม่หวาดหวั่น “เช่นนั้นเราคงต้องรอดูกันไป”
หลี่ชิงหยุนยิ้มตอบ “ไอ้เด็กนี่มันน่าสนใจไม่น้อย ไม่แปลกใจเลยที่เฒ่านั่นมันจะชอบใจเจ้านัก เอาล่ะ! เลิกพูดจาไร้สาระไว้แค่นี้แล้วกัน เจ้าก้าวออกมากราบเหล่าบรรพบุรุษเสีย! แต่ระวังให้ดีเรื่องนี้มันไม่ง่ายหรอกนะ!”
เย่หยวนพยักหน้ารับก่อนจะเดินไปหยุดหน้าป้ายชื่อทั้งหลายนั้น
เบื้องหน้ากำแพงป้ายชื่อนี้มันมีหมอนรองกราบวางไว้อยู่
เย่หยวนเดินมาคุกเข่าลงไปกราบบนหมอนทันที
ตึก!
ตึก!
ตึก!
เขาก้มลงกราบสามครั้งหน้าป้ายชื่อตามประเพณีด้วยความรู้สึกกังวลใจไม่น้อย
อันไหนคือที่ว่ายาก?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...