เหตุผลที่เขาได้รับการยอมรับอย่างเอกฉันท์นี้จากเหล่าบรรพบุรุษมันอาจจะเกิดขึ้นมาเพราะจิตใจรักความถูกต้องของเขา เพราะตั้งแต่เกิดจนถึงวันนี้เย่หยวนได้ช่วยชีวิตคนที่ลำบากทนทุกข์ไว้มากมาย
จนกลายเป็นนิสัยของตนเองไป
นอกจากนั้นแล้วในชีวิตก่อนของเขาเองเย่หยวนก็ได้ช่วยชีวิตคนมากมายไว้ด้วยวิชาโอสถของเขาจนเกินกว่าจะนับได้
ผู้บ่มเพาะส่วนมากนั้นคงไม่อาจจะทำตัวเช่นนี้ได้
เพราะการบ่มเพาะนั้นคือความเห็นแก่ตัว
ยิ่งแข็งแกร่งมากเท่าไรก็ยิ่งได้ทรัพยากรมาครอบครองมากขึ้น มันก็จะเป็นประโยชน์ต่อการบ่มเพาะของตัวเองอยู่ดี
แต่เย่หยวนนั้นกลับมีเส้นแบ่งที่ชัดเจนว่าสิ่งใดควรไม่ควร
เหมือนเรื่องที่เกิดขึ้นหน้านิกายนั้นเอง เดิมทีมันก็ไม่ใช่เรื่องของเย่หยวนแต่เย่หยวนกลับเลือกที่จะเข้าไปยุ่ง
พลังที่อยู่ในป้ายชื่อทั้งหลายนี้เดิมทีมันคงเป็นแค่พลังงานที่ลอยอยู่ทั่วไป แต่เมื่อมีจำนวนมากขนาดนี้มันก็ไม่แปลกที่จะผสานกันเข้าและตอบสนองอะไรบางอย่างกับนิสัยความเที่ยงธรรมของเย่หยวน
คงเป็นเพราะเช่นนี้เลยทำให้เย่หยวนได้รับการยอมรับอย่างเอกฉันท์
“พลังพรที่ว่านี้มันคือ?” เย่หยวนถามขึ้นต่อ
“เจ้ารู้สึกหรือไม่ว่ามีสายสัมพันธ์บางอย่างระหว่างตัวเจ้ากับป้ายชื่อทั้งหลาย?”
เห็นเย่หยวนพยักหน้ารับหลี่ชิงหยุนจึงกล่าวขึ้นต่อ “ป้ายชื่อของบรรพบุรุษทั้งหลายท่านนั้นมันคือชะตาของนิกายเรา เพราะฉะนั้นตอนนี้ชะตากรรมของเจ้ามันก็ได้เชื่อมเข้ากับนิกายแล้ว ยิ่งนิกายยิ่งใหญ่มากขึ้นเท่าใดมันก็ยิ่งทำให้ชะตาของเจ้าแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้นและยิ่งชะตาของเจ้าแข็งแกร่งขึ้นเท่าใดมันก็จะยิ่งทำให้นิกายรุ่งเรืองมากขึ้นไปด้วย!”
“นอกจากนั้นแล้วหากเจ้าไปเจอสถานการณ์คับขันพลังลึกลับนี้มันก็จะทำงานขึ้นมา เหล่าบรรพบุรุษทั้งหลายจะช่วยป้องกันชีวิตให้แก่เจ้า! แม้ว่าพลังของเหล่าบรรพบุรุษที่ทิ้งป้ายชื่อไว้นั้นจะไม่มีใครถึงระดับเจ้าโลกแต่ว่าบรรพบุรุษนับพันนั้นก็คงมีพลังที่สูงส่งล้ำฟ้า แม้แต่เจ้าโลกเก่งๆ เองก็ไม่แน่ว่าจะเอาชีวิตเจ้าได้!”
“แน่นอนว่าพลังของพรนั้นมันยังมีหน้าที่สำคัญอีกอย่างนั้นคือการช่วยให้เจ้าเข้าใจพลังต้นกำเนิดได้ดีขึ้น! เพราะนี่มันคือยอดเต๋ากว่าสามพันอย่าง พลังต้นกำเนิดของสามพันคน! มันคือโชคอันมหาศาลเลยทีเดียว”
เย่หยวนถึงกลับอ้าปากค้างเมื่อได้ยิน
เพราะเขาก็ไม่คิดฝันว่าพลังแห่งพรนี้มันจะมีประโยชน์ได้ถึงปานนั้น
เขาได้เข้าใจเสียทีว่าทำไมนิกายยาสุดล้ำนั้นถึงได้เก่งกาจนัก
หากคิดอยากจะก้าวขึ้นระดับเจ้าโลกนั้น พลังคลื่นกำเนิดนั้นมันย่อมจะเป็นสิ่งที่สำคัญ!
แต่พลังจากพรนั้นมันกลับช่วยทำให้เข้าใจพลังคลื่นกำเนิดได้ง่ายขึ้น!
แท้จริงแล้วตั้งแต่ก่อนที่จะเริ่มสงครามกับเผ่าเลือดนิกายยาสุดล้ำมันก็เป็นนิกายยิ่งใหญ่ที่ได้รับยกย่องว่าเป็นนิกายเจ้าโลกอันดับหนึ่งของสวรรค์สมบูรณ์มหาหยกเจิดอยู่แล้ว
เพราะพวกเขานั้นมีเจ้าโลกถึงสี่คน มันมิใช่สิ่งที่นิกายอื่นๆ จะทำได้!
หากมีเวลามากกว่านี้มันก็ไม่แน่ว่านิกายยาสุดล้ำนั้นจะพัฒนาไปเป็นยักษ์ใหญ่อย่างวังศักดิ์สิทธิ์เขาวงกตได้!
“เช่นนั้นแล้วศิษย์พี่ใหญ่เองก็สามารถรอดจากเต๋าทุกข์มาได้หลายต่อหลายครั้งเพราะพลังแห่งพรนี้ด้วย?” เย่หยวนหันไปถามหลี่ชิงหยุนด้วยใบหน้าที่ตื่นเต้น
หลี่ชิงหยุนพยักหน้ารับ “ย่อมมีส่วนอย่างมาก!”
เย่หยวนยิ้มกว้างขึ้นทันที “เช่นนั้นพลังแห่งพรของข้านั้นเทียบกับของศิษย์พี่แล้วเป็นอย่างไรบ้าง?”
หลี่ชิงหยุนได้แต่ต้องทำหน้าเหยเกตอบกลับมา “ไม่มีทางเทียบกันได้! เพราะมันไม่เคยมีใครได้รับการยอมรับอย่างเอกฉันท์เช่นนี้มาก่อน!”
เย่หยวนลุกขึ้นยืนด้วยใบหน้าท่าทางตื่นเต้นสุดขีด “เช่นนั้นวันหน้าข้าคงสามารถเผชิญทัณฑ์สวรรค์ได้อย่างมั่นใจแล้ว? ดูท่าศิษย์พี่ใหญ่คงจะเอาชนะข้าไม่ได้ง่ายๆ แล้ว!”
หลี่ชิงหยุนได้แต่ต้องกัดฟัน
เขาถูกตบหน้าเข้าอย่างจัง!
แต่หลี่ชิงหยุนนั้นรู้ดีว่าเย่หยวนพูดไม่ผิด!
เพราะว่าพลังแห่งพรของเขานั้นมันด้อยกว่าเย่หยวนมาก
แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นเขาก็ยังสามารถใช้มันรักษาชีวิตมาจนถึงทุกวันนี้ได้
เช่นนั้นเย่หยวนเล่า?
คิดไปคิดมาเขาก็ต้องส่ายหัวขึ้น “ไม่มีประโยชน์หรอก! แม้ว่าพลังแห่งพรจะแข็งแกร่งแค่ไหนแต่สุดท้ายมันก็ไม่มีอะไรแข็งแกร่งไปกว่าเต๋าสวรรค์! หากเต๋าสวรรค์คิดอยากกำจัดเจ้าลงแล้วไม่ว่าพรจะเหนือล้ำแค่ไหนมันก็คงไม่อาจช่วยได้!”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “เถียงไปก็ไม่ได้อะไร มาลองดูกันหน่อยไหมเล่าศิษย์พี่ใหญ่?”
พูดจบเย่หยวนนั้นก็พุ่งตัวออกไปด้านนอกโถงใหญ่ทันที
จากนั้นคลื่นพลังของเขามันก็ค่อยๆ พุ่งทะยาน เขากลับคิดจะบรรลุจักรพรรดิเซียนขั้นปลาย!
แท้จริงเย่หยวนสามารถบรรลุมันได้นานตั้งแต่ก่อนจะมาถึงนิกายแล้ว
เพียงแค่ว่าการเรียกทัณฑ์สวรรค์ครั้งก่อนลงมามันทำให้เย่หยวนแทบเอาชีวิตไม่รอด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...