คนมากมายขนาดนี้ล้อมไว้รอบด้านหน้าหลังแล้วเย่หยวนโผล่ออกมาได้อย่างไร?
แม้แต่จูหยานมหาจักรพรรดิคนนี้เองก็ยังไม่อาจจะอดสะท้านได้เพราะเขานั้นไม่รู้เลยว่าเย่หยวนผ่านพวกเขาไปตอนไหน
แต่เรื่องนี้มันทำให้พวกหวังหลินทั้งหลายยิ้มกว้างขึ้นมา
คนร้ายออกมาแล้ว!
‘จั่วเฉินเก่งกาจมาหรือ? รักศิษย์คนนี้มากมิใช่หรือ?’
‘วันนี้ข้าจะตบหน้าเจ้าให้คนทั้งนิกายดู!’
หวังหลินนั้นมองหน้าจูหยานด้วยความเย้ยหยัน “เจ้าบอกว่ามันไม่อยู่ไม่ใช่หรือ? เวลานี้จะยังพูดอะไรได้อีกไหม?”
จูหยานนั้นได้แต่ต้องทำหน้าเหยเกมองดูเย่หยวนด้วยความคับแค้นใจที่เขาไม่อาจตอบสนองความหวังของศิษย์พี่ทั้งหลายได้
‘เจ้าไม่รู้จักการซ่อนตัวหรือ?’
ออกมาตอนนี้มันจะไม่เท่ากับยอมรับเรื่องที่เป็นเต่าหัวหดหรือ?
หลู่เต้าอี้นั้นหันไปมองเย่หยวนก่อนจะกล่าวขึ้นด้วยเสียงหัวเราะ “เจ้าคือเย่หยวน? ข้าก็นึกว่าเจ้านั้นจะเป็นยอดอัจฉริยะจากที่ไหน เสียเวลาไปเป็นวันสุดท้ายนั้นกลับเป็นแค่เต่าหัวหด!”
เย่หยวนมองหน้าหลู่เต้าอี้ก่อนจะถามขึ้น “เจ้าเป็นใคร?”
หลู่เต้าอี้ยิ้มตอบกลับไป “เจ้าไม่รู้จักข้า? อย่างนั้นก็ฟังให้ดี ข้านั้นคือหลู่เต้าอี้ นักหลอมโอสถสวรรค์ระดับห้าอันดับหนึ่งของนิกายยาสุดล้ำ! ไม่นานจากนี้ข้าจะขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของระดับหกด้วย! ข้านั้นมีเป้าหมายแค่อย่างเดียวคือท่านบรรพบุรุษโจวซ่งฉวน! ข้านั้นจะก้าวขึ้นระดับลึกล้ำก่อนบรรลุมหาจักรพรรดิเป็นคนสองของนิกาย!”
คำแนะนำตัวนี้มันช่างเหนือล้ำฟ้าดินอวดอ้างตัวเองอย่างมาก
เพราะว่าการตั้งโจวซ่งฉวนเป็นเป้าหมายนั้นมันเป็นสิ่งที่เกินมือคนทั้งหลายไปมาก
แต่ว่าหลู่เต้าอี้คนนี้มีค่าพอจะกล่าว
ในตอนนี้เขานั้นเป็นเพียงแค่จักรพรรดิเซียนขั้นสุดและกลับสามารถเอาชนะยอดฝีมืออย่างฮั่วจงลงได้
เมื่อเขาก้าวขึ้นไปถึงอาณาจักรจักรพรรดิเที่ยงขั้นสุดแล้วมันย่อมจะไม่แปลกหากเขาบรรลุระดับลึกล้ำได้
หากให้พูดแล้วหลู่เต้าอี้นั้นคงถูกคนมากมายรังเกียจเพราะความโอหัง
แต่ว่ามันกลับไม่มีเรื่องเช่นนั้น!
“หลู่เต้าอี้นั้นเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิงหลังออกจากการเก็บตัวมา! ข้าไม่นึกเลยว่าเขาจะเอาท่านโจวซ่งฉวนเป็นเป้าหมายเช่นนี้!”
“แม้มันจะฟังดูโอหังอย่างมากล้นแต่ว่ามันก็ไม่เกินจริงเลย! ข้าได้ยินมาว่าบรรพบุรุษโจวซ่งฉวนท่านเองก็สามารถเอาชนะนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับหกได้ตั้งแต่ตอนยังเป็นนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับห้าเช่นกัน!”
“อาจารย์ลุงฉินชานนั้นได้ศิษย์ที่ดีมาเข้าสำนักจริงๆ! แม้ว่าตอนนี้เราจะอยู่ระดับเจ็ดแต่หากไม่ระวังเราก็อาจจะถูกเขาไล่ทันได้จริงๆ!”
…
ในศึกก่อนหน้านั้นหลู่เต้าอี้ได้แสดงฝีมือออกมาอย่างเหนือล้ำ
หลังจากเก็บตัวไปนานถึงสิบปีนั้นเขาก็ได้เปลี่ยนแปลงราวกับกลายเป็นคนละคนทำให้คนทั้งนิกายต้องอ้าปาก ค้าง!
ต่อให้จะเป็นตัวโจวซ่งฉวนในตอนหนุ่มๆ นั้นก็คงไม่ได้เก่งกว่าหลู่เต้าอี้ไปมากมาย
บางทีแล้วเมื่อหลู่เต้าอี้บ่มเพาะถึงอาณาจักรจักรพรรดิเที่ยงขั้นสุดแล้วเขาอาจจะบรรลุระดับลึกล้ำได้จริงๆ ก็ได้
เมื่อเย่หยวนได้ยินเช่นนั้นเขาก็อดหัวเราะขึ้นในใจไม่ได้
ระดับลึกล้ำมันยากมาก?
เขากล่าวตอบไป “เก่งปานนั้น? ในเมื่อเจ้าเป็นอันดับหนึ่งแล้วเจ้าจะมาหาข้าเพื่อ?”
หลู่เต้าอี้ตอบกลับไป “ข้านั้นเพิ่งออกมาจากการเก็บตัวเมื่อไม่กี่วันก่อนและได้ยินว่ามียอดอัจฉริยะไร้เปรียบเข้านิกายมา ข้าย่อมจะต้องมาเพื่อเอาชนะเจ้าด้วย! ไม่เช่นนั้นแล้วตำแหน่งอันดับหนึ่งของข้ามันจะไม่มีใครยอมรับกันพอดี! แต่ได้เห็นเจ้าแล้วข้าก็ผิดหวังนัก! เจ้าไม่มีค่าพอจะเป็นคู่ปรับของข้าเลย!”
คำพูดนี้มันมีทั้งที่เขาคิดจริงๆ และที่พูดเพื่อท้าทาย
เขานั้นดูถูกเย่หยวนจริงๆ คิดว่าเย่หยวนไม่มีค่าพอจะเป็นศัตรูของเขาเลย
แต่คำพูดอีกส่วนนั้นก็กล่าวขึ้นมาเพื่อท้าทายเย่หยวนจะได้ตบหน้าเขาต่อหน้าคนได้อย่างถนัด
ทำเช่นนั้นได้มันคงสะใจอย่างมาก!
แต่ใครจะคิดว่าเย่หยวนนั้นกลับยิ้มตอบไปง่ายๆ “คิดอย่างนั้นแล้วจะมายืนอยู่หน้าบ้านข้าทำไมอีก? ไสหัวไปได้แล้ว”
ได้ยินเช่นนั้นคนทั้งหลายก็ต้องหันมามองหน้าเย่หยวนพร้อมๆ กัน
ขี้ขลาดปานนี้?
แม้แต่จูหยานนั้นเองก็ยังผงะไป
จากนั้นมันก็ตามมาด้วยความอับอาย
ทำไมอาจารย์ของเขาถึงไปรับคนเช่นนี้มาเป็นศิษย์? ช่างเป็นคนที่ขี้ขลาดนัก
หากหลู่เต้าอี้นั้นเป็นจักรพรรดิเที่ยงนั้นยังพอว่าแต่หลู่เต้าอี้นั้นเป็นแค่จักรพรรดิเซียนเช่นกัน!
ต่อให้เขาจะรู้ว่าฝีมือสู้ไม่ได้มันก็ไม่ควรถึงขั้นยอมแพ้ตั้งแต่ไม่ทันสู้เช่นนี้ไม่ใช่หรือ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...