“หากมีทรัพยากรไม่จำกัดแล้วความเร็วการบ่มเพาะมันก็ย่อมจะรวดเร็วขึ้นมากล้น อีกทั้งยังสามารถเอาสมบัติทั้งหลายมาใช้ได้ตามใจชอบ แต่เขา…กลับไม่อยากได้มัน?”
“บริจาคสมบัติมากมายปานนี้มันก็แค่จะชดใช้แต้มความดีที่ติดค้างห้องสมุดคัมภีร์ไว้? น่าเสียดายแท้! แต่ว่าพวกหวังหลินนั้นก็คงโดนตบจนหน้าชาไปแล้ว!”
…
พูดอีกก็ถูกอีก
เพราะตอนนี้พวกหวังหลินนั้นแทบอยากจะมุดดินหนีไปให้มันพ้นๆ
ไหนบอกว่าห้าหมื่นแต้มความดีนั้นมันเยอะมาก?
‘ข้าหาได้ห้าแสน ห้าล้าน ห้าสิบห้าร้อยล้านก็ยังได้ แต่ข้าไม่เอา!’
‘ข้าแค่จะคืนให้เจ้าห้าหมื่นตามตกลง!’
‘แล้วเป็นอย่างไรเล่า? รู้สึกหน้าชาขึ้นมาหรือไม่?’
ซ่งชิงหยางนั้นได้แต่อ้าปากค้างเพราะอาจารย์ลุงของเขานี้จะอวดเบ่งได้เก่งเกินไปแล้ว!
แต่ว่าเขานั้นก็ส่ายหัวออกมาในที่สุด “ไม่ได้ หากทำเช่นนั้นนิกายมันคงติดค้างเจ้ามากเกินไป! สมบัตินี้มันล้ำค่าเกินไป!”
หากมันเป็นศิษย์ทั่วๆ ไปนั้นยังพอว่า
แต่เย่หยวนคือใคร? เขานั้นคืออาจารย์ลุง!
ต่อให้จะเอาให้ซ่งชิงหยางก็ไม่กล้ารับมันไว้!
เย่หยวนย่อมเข้าใจความคิดของซ่งชิงหยางจึงยิ้มตอบกลับไป “หากท่านเจ้านิกายคิดว่ามันมากเกินไป ข้าก็มีข้อเสนอหนึ่งให้ ท่านเจ้านิกายจะช่วยรับฟังได้หรือไม่?”
ซ่งชิงหยางตอบกลับทันที “ว่ามาเถอะ!”
เย่หยวนกล่าวขึ้นต่อ “ตอนนี้ศัตรูร้ายมันมาระรานถึงหน้าบ้านพวกเรา หากพวกเรายังเอาแต่เก็บตัวเห็นถึงแค่ประโยชน์ที่อยู่ตรงหน้าแล้วมันก็เท่ากับการฆ่าตัวตายโดยแท้ ในเมื่อนิกายยาสุดล้ำเรานั้นคือผู้ปกครองด้านการโอสถเราก็ต้องทำตัวให้เหมือนเจ้าคนนายคนหน่อย ข้าว่าทรัพยากรบางอย่างของนิกายเรานั้นมันสามารถเปิดให้คนทวีปสวรรค์แรกเข้ามาใช้ได้! อย่างเช่นห้องสมุดคัมภีร์นี้หรือลานฝึกหลายๆ ลานของเราที่มักว่างอยู่เสมอ”
เมื่อคำพูดนี้ถูกกล่าวออกมามันก็ย่อมจะเกิดเสียงฮือฮาขึ้นตาม
เพราะนี่มันคือเรื่องใหญ่!
สิ่งที่นิกายมีเหนือล้ำกว่าคนอื่นนั้นมันก็คือความรู้และทรัพยากรนี้
เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นนิกายใดพวกเขาก็ล้วนปกปิดไม่เปิดเผยวิชาต่อกัน
เย่หยวนนั้นเข้าห้องสมุดคัมภีร์ไปได้ง่ายๆ แต่ก็เพราะว่าเขานั้นมีสถานะที่สูงพอ
สำหรับศิษย์ทั่วๆ ไปแล้วนั้นแค่การเข้าห้องสมุดคัมภีร์ไปแค่วันเดียวมันก็ถือว่าเป็นเรื่องฟุ่มเฟือยเกินตัวแล้ว ไม่ต้องพูดถึงคนนอกเลย
ตอนนี้เย่หยวนนั้นกลับเสนอออกมาว่าจะให้เปิดห้องสมุดคัมภีร์ให้คนนอกในทวีปสวรรค์แรกได้เข้าใช้ มันจะบ้าเกินไปแล้ว!
ศิษย์ทั้งหลายนั้นหันมามองหน้าเย่หยวนราวกับเป็นคนโง่ เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร?
มันใช่หน้าที่เจ้าหรือที่จะมาบอกว่านิกายต้องทำอะไรอย่างไร?
วินาทีเดียวกันนั้นมันก็ปรากฏเงาร่างหนึ่งชี้หน้าด่าว่าเย่หยวนขึ้น “โอหังนัก! เย่หยวน เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหน? นิกายเรามีวิธีการอย่างไรนั้นมันใช่หน้าที่เจ้าหรือที่จะมาบอก? ทรัพยากรทั้งหลายนั้นมันคือรากฐานของนิกายยาสุดล้ำ เปิดมันให้คนทวีปสวรรค์แรกเข้าดูมันย่อมเท่ากับทำลายรากฐานของนิกาย! เจ้ามีแผนร้ายต่อนิกายแล้ว!”
คนผู้นี้ย่อมจะมิใช่ใครอื่นนอกจากฉินชาน!
มหาจักรพรรดิไร้สุดสวรรค์นั้นออกโรงเองแล้ว
แต่ว่าเย่หยวนย่อมจะไม่รู้จักอีกฝ่ายและต้องถามกลับไปด้วยใบหน้ามึนงง “เจ้าบ่มเพาะจนสมองเน่าไปแล้ว? หากข้าคิดทำลายรากฐานนิกายข้าจะเอาแผ่นหยกพวกนี้ออกมาให้เพื่ออะไร?”
ฉินชานนั้นหน้าดำตอบกลับมาทันที “ไอ้เด็กโอหัง! ไม่รู้จักเคารพผู้อาวุโสพูดจาสามหาว คนอย่างเจ้ามันต้องโดนลงโทษ!”
ในตอนนั้นเองที่มหาจักรพรรดิพ้นสวรรค์คนหนึ่งก็ได้กล่าวขึ้นมาเสริม “เจ้านิกาย ไอ้เด็กคนนี้มันโอหัง! ไม่สนใจไว้หน้าผู้เฒ่าผู้แก่ สมควรถูกสังหาร!”
เขานั้นคือเจียงเหยียนเตาหนึ่งในกระดูกสันหลังของฝ่ายอนุรักษ์
คำพูดของเย่หยวนนั้นย่อมจะทำให้เขาไม่พอใจอย่างมาก
และมิใช่แค่เขาเท่านั้นคำพูดของเย่หยวนมันได้ทำให้ฝ่ายอนุรักษ์แทบทุกคนไม่พอใจตามๆ กัน
ตอนนี้เหล่ามหาจักรพรรดิทั้งหลายนั้นจึงเริ่มด่าว่าเย่หยวนออกมาอย่างไม่ขาดปาก
ตอนนี้คนที่เหลืออยู่ในนิกายยาสุดล้ำส่วนมากมันจะเป็นคนจากฝ่ายอนุรักษ์
เพราะฉะนั้นคำพูดเดียวของเย่หยวนนี้มันจึงทำให้เกิดการด่าว่าอย่างไม่มีใครขึ้นมาห้ามได้!
ออกมาจากปากพวกเขานั้นเย่หยวนกลายเป็นคนร้ายหมายทำลายบ้านเมืองคิดทำลายขายนิกายให้คนภายนอกและเรียกร้องให้ใช้โทษประหารเท่านั้น
คนทั้งหลายนั้นต่างมองว่าเย่หยวนคงจบสิ้นลงตรงนี้แล้ว!
กลายเป็นเป้าหมายของคนมากขนาดนี้ต่อให้จะเป็นจั่วเฉินเองก็คงปกป้องไม่ได้แล้ว!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...