น…นั่นมันเย่หยวนมิใช่หรือ?
ทำไมเฉียนั้วถึงได้ทำท่าทางอ่อนน้อมอยู่ข้างกายเย่หยวนเช่นนั้น?
นี่มัน…จะบ้าเกินไปแล้ว!
จักรพรรดิเซียนคนหนึ่งที่เข้าไปสืบข่าวจากเผ่าเลือดนั้นกลับไต่เต้าจนทำให้แม้แต่มหาจักรพรรดิพ้นสวรรค์ยังต้องก้มหัวให้ได้?
แน่นอนว่าเย่หยวนย่อมจะเปลี่ยนรูปร่างหน้าตาตัวเองไปจากเดิม
แต่คนอื่นไม่รู้ว่านี่คือเย่หยวนไม่ได้หมายความว่าเฟิงเสี่ยวเถียนจะไม่รู้!
เพราะว่าก่อนที่จะออกเดินทางเย่หยวนได้มาหาเขาด้วยรูปร่างหน้าตานี้
‘หรือว่าเขา…ไม่สิ มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน ไม่มีทางน่า!’
วินาทีนั้นเองที่ความคิดหนึ่งได้ผุดขึ้นมาในสมองของเฟิงเสี่ยวเถียนจนทำให้เขาต้องสั่นสะท้านไปทั้งกายใจ
แต่เขานั้นก็ต้องปฏิเสธมันไปอย่างสุดตัว
แต่นอกจากตัวตนนั้นแล้วทำไมเฉียนั้วถึงจะทำท่าทางอ่อนน้อมต่อหน้าเย่หยวนเช่นนี้?
จ…จะบ้าเกินไปแล้ว!
เดิมทีตอนที่ได้ยินข่าวว่าบุตรโลหิตศักดิ์สิทธิ์นำทัพร้อยบุตรมานั้น เฟิงเสี่ยวเถียนก็ต้องนั่งเครียดอย่างสิ้นหวัง
เพราะแม้ว่าบุตรโลหิตศักดิ์สิทธิ์คนนี้จะไม่ได้เก่งกาจถึงขั้นเป็นภัยต่อเขาแต่ว่าเขานั้นเป็นตัวตนสำคัญในศึกระดับจักรพรรดิทั้งหลาย
กองทัพแค่สองร้อยคนนี้มันเทียบเคียงได้กับกองทัพนับหมื่นๆ!
ที่สำคัญไปกว่านั้นเผ่าเลือดยังมีกองทัพอีกสองแสนคอยหนุนคนสองร้อยนี้!
แต่ตอนนี้เย่หยวนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขานั้นกลับได้กลายเป็นบุตรโลหิตศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าเลือดไป!
“นั่นคือบุตรโลหิตศักดิ์สิทธิ์อะไรนั่นหรือ? ดูไม่เท่าไหร่นี่หว่า!”
“อย่าได้ประมาทมันไป! เจ้าเองก็รู้ว่าหลายปีมานี้ร้อยบุตรจักรพรรดิเซียนและร้อยบุตรจักรพรรดิเที่ยงของเผ่าเลือดมันสร้างความฉิบหายไว้ ให้พวกเราแค่ไหน! บุตรโลหิตศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกยกย่องเหนือคนพวกนั้นมันย่อมไม่มีทางธรรมดาไปได้!”
“เจ้านี่มันโอหังจริงๆ! มันมาเดินดูมหานครเราอย่างไม่สนใจใคร มันคิดจริงๆ หรือว่าพวกเราไม่กล้าจะออกไปสังหารมัน?”
…
ในเมืองนั้นเหล่ายอดฝีมือระดับสูงทั้งหลายต่างมองดูเขาด้วยจิตสังหารรุนแรง
พวกเขานั้นเกลียดชังเผ่าเลือดอย่างมาก!
นอกจากนั้นแล้วคนที่อยู่ตรงหน้านี้ยังเป็นคนสำคัญของเผ่าเลือดอีกด้วย
เย่หยวนนั้นยืนมองภาพตรงหน้าพร้อมกับเอามือไขว่หลังก่อนจะขมวดคิ้วแน่นขึ้นมา “คนในมหานครฉีใต้มันคงเหลือไม่ถึงหมื่นดีแล้วด้วยซ้ำ! เจ้าจะบอกว่าตัวเองตีเมืองเช่นนี้ไม่แตกหรือเฉียนั้ว? เจ้ามันจะขยะเกินไปแล้ว!”
นี่มิใช่ครั้งแรกที่เย่หยวนนั้นเรียกเขาว่าเป็นขยะ เฉียนั้วนั้นแทบอยากจะฉีกปากเย่หยวนออกมา
แต่เขาย่อมไม่กล้าลงมือใด!
เย่หยวนด่า เขาย่อมได้แต่ต้องฟัง
“นายท่านยังไม่เข้าใจว่าพวกมันทั้งหลายนั้นดื้อด้านแค่ไหน เป็นกระดูกที่แข็งเกินกว่าจะเคี้ยวเข้า! หลังจากศึกใหญ่อีกสามวันท่านคงจะได้เห็นถึงความดื้อด้านของพวกมันแน่!” เฉียนั้วนั้นกล่าวขึ้นมาปกป้องตัวเอง
เย่หยวนหันไปมองพร้อมเลิกคิ้ว “หือ เป็นเช่นนั้นจริง?”
วินาทีเดียวกันนั้นเย่หยวนก็พุ่งตัวเข้าไปใกล้มหานครฉีใต้ทันที
คนทั้งสองฝ่ายต่างอ้าปากค้างขึ้นมาพร้อมๆ กัน!
นี่…เขาคลั่งไปแล้ว?
ก็จริงที่ว่าเผ่าเลือดนั้นเก่งกาจแต่เจ้าจักรพรรดิเซียนตัวน้อยนั้นมันจะเก่งกาจล้ำสวรรค์ปานนั้นเลยหรือ?
เจ้าคิดว่าตัวเป็นบุตรโลหิตศักดิ์สิทธิ์แล้วจะเก่งกาจล้ำสวรรค์หรือ?
ขอร้องเถอะ หากเจอมหาจักรพรรดิเข้าแล้วเจ้าคงได้ตายลงในฝ่ามือเดียว
แน่นอนว่าเย่หยวนย่อมจะไม่ได้มุ่งหน้าไปหาเหล่ามหาจักรพรรดิทั้งหลาย เป้าหมายของเขานั้นคือค่ายหลัก
ค่ายหลักนั้นมันตั้งอยู่ห่างจากค่ายของเหล่ามหาจักรพรรดิมากเพราะว่าหากมหาจักรพรรดิเริ่มต่อสู้แล้ว ทหารพลังบ่มเพาะต่ำๆ คงได้ตายอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว
ได้เห็นเย่หยวนลงมือเช่นนั้นเหล่าคนสวรรค์แรกต่างก็คันไม้คันมือเตรียมตัวออกรับหน้า
แต่เป็นเฟิงเสี่ยวเถียนที่กล่าวขึ้นมาขัด “แม้ว่าสวรรค์แรกเราจะอ่อนแอลงแค่ไหนมันก็ไม่ถึงขั้นจะพ่ายให้จักรพรรดิเซียนคนเดียวได้หรอก! ให้มันได้อวดดีไป ข้าเองก็อยากจะเห็นนักว่าบุตรโลหิตศักดิ์สิทธิ์นี้มันมีดีแค่ไหน”
ตัวตนของเฟิงเสี่ยวเถียนนั้นคือผู้ปกครองและแม่ทัพของมหานครฉีใต้
คำพูดของเขานั้นคือคำสั่งทางทหาร ไม่มีใครกล้าขัด
ที่สำคัญไปกว่านั้นเหล่ามหาจักรพรรดิทั้งหลายเองก็อยากจะรู้เช่นกันว่าฝีมือของบุตรโลหิตศักดิ์สิทธิ์นั้น มันจะสักแค่ไหน
ต้องเป็นอัจฉริยะเช่นใดถึงจะเป็นบุตรโลหิตศักดิ์สิทธิ์ได้?
เฉียนั้วนั้นขนลุกไปทั้งร่างเมื่อได้เห็น เจ้าบ้านี่สมองตายหรือ?
หากบุตรโลหิตศักดิ์สิทธิ์ตายลงต่อหน้าเขานั้น ต่อให้จะตัดหัวตัวเองกลับไปขอโทษทางเผ่าก็คงไม่มีวันยกโทษให้เขาแน่นอน!
แต่ว่าได้เห็นว่าทางเฟิงเสี่ยวเถียนไม่คิดขยับ ตัวเฉียนั้วเองก็โล่งใจขึ้น
ก่อนจะเข้าไปถึงระยะของค่ายกลนั้นเย่หยวนได้เหลือบตาขึ้นมองหน้าเฟิงเสี่ยวเถียน
ได้เห็นสายตานั้นจิตใจที่หนักอึ้งมากกว่ายี่สิบวันของเฟิงเสี่ยวเถียนมันก็โล่งขึ้นทันที
แม้ว่าเขานั้นจะไม่ได้ใช้เวลากับเย่หยวนอย่างยาวนานใดๆ แต่เขานั้นก็สนิทกับเย่หยวนอย่างมาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...